ส่วนมากคนมักจะรู้จัก วิชญ์ พิมพ์กาญจนพงศ์ ชายวัย 41 ปี ในฐานะนักออกแบบ กัปตันทีมสตูดิโอ DuckUnit นอกจากบทบาทนักออกแบบ วิชญ์ยังหลงใหลการปั่นจักรยานระยะไกล เป็นผู้ริเริ่มทริปปั่นทางไกล Audux Randonneurs ในประเทศไทย ถึงขั้นทำให้ทริปปั่นทางไกลในบ้านเราแทบทั้งหมดเปลี่ยนมาใช้รูปแบบที่เขาแนะนำเป็นคนแรกๆ
เมื่อต้นปี 2560 ที่ผ่านมา วิชญ์มีงานอดิเรกใหม่ นั่นคือการพายเรือพับแบบพกพาในแม่น้ำเจ้าพระยา
เรายืนอยู่บนฝั่งริมน้ำวัดมหาบุศย์ไม่ไกลจากศาลย่านาค ต้นตำนานรักลือเลื่องแห่งคลองพระโขนง ผิวน้ำในคลองพระโขนงกระทบแดดอุ่นยามสาย ส่องประกายระยับ สาเหตุที่วิชญ์เลือกให้เรามาพบกันที่ท่าน้ำแห่งนี้ เพราะเขาเริ่มพายเรือรอบปฐมฤกษ์ที่นี่ การพายเรือลัดเลาะไปตามแม่น้ำลำคลองทำให้วิชญ์ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ มากมาย โดยเฉพาะการได้เห็นภาพทิวทัศน์ที่งดงามหมดจดจากใจกลางแม่น้ำ
สายตาที่วิชญ์มองไปยังภาพเหล่านั้นถูกบันทึกกลับมาเป็นความทรงจำด้วยกล้องมือถือเรียบง่าย กดถ่ายภาพเท่าที่ตาเห็น ไม่ใส่สี ไม่เติมแต่งด้วยฟิลเตอร์ใดใด ที่สำคัญเขายังแบ่งปันภาพให้เพื่อนๆ ได้ชื่นชมไปพร้อมกัน
ภาพถ่ายแม่น้ำของเขา เป็นมุมมองที่คนเมืองแทบไม่ค่อยมีโอกาสได้สัมผัส มีแต่เรือลำเล็กๆ และสายตานักสำรวจของวิชญ์ที่ทำให้เราได้เห็นอีกแง่มุมของแม่น้ำที่สงบเงียบและสวยจับใจ เบื้องหลังภาพที่เราขออนุญาตวิชญ์จากช่องทางส่วนตัวเพื่อนำมาแบ่งปันผู้อ่านนี้ เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายไม่ใช่แค่ความสวย แต่ภาพเหล่านี้ทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งที่เรียกว่าแม่น้ำ เส้นเลือดของเมืองกรุงที่คนส่วนใหญ่ละเลย
คุณพอจะมีเวลาว่างออกมามองแม่น้ำที่สวยงามแต่กำลังประสบปัญหาพวกนี้ไหม เพราะถ้าตระหนักกันสักนิด เราจะเห็นองค์ความรู้ คุณค่าและประโยชน์จากสายน้ำ อย่างที่วิชญ์กำลังจะเล่าให้เราฟังต่อจากนี้
พายออกไปเจอปัญหา
วิชญ์เริ่มเล่าถึงปัญหา มูลเหตุที่ทำให้เขาเริ่มสนใจแม่น้ำจนเอาตัวลงไปพายในสายน้ำเจ้าพระยาที่คนเมืองละเลย นอกจากปัญหาต่างๆ ที่เขาสังเกตเห็น ผลพลอยได้คือวิชญ์สัมผัสกับตัวตนของสายน้ำที่ไร้ซึ่งการปรุงแต่งใดใด
“ประเด็นเรื่องทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา พวกพี่ๆ น้องๆ สถาปนิกเขาประท้วงกันมานาน เพราะรู้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ มันเป็นการก่อสร้างที่บ้าและผิดปกติมาก ผิดทั้งหลักสถาปัตยกรรมและผังเมืองสุดๆ ไปเลย แต่รัฐบาลหลายยุคหลายสมัยก็ยังพยายามจะสร้างไม่จบไม่สิ้นสักที”
“ที่ผ่านมาเราประท้วงด้วยหลักวิชาการมาตลอด พอมีรัฐบาลมาใหม่ก็ต้องคอยประท้วงเรื่อยๆ ไม่หยุดไม่หย่อน เลยลองคิดว่าน่าจะประท้วงด้วยวิธีอื่นๆบ้าง เช่น ประท้วงด้วยการเล่น การลงไปสนุก เพราะถ้าสนุกพวกเราอาจจะรู้สึกเป็นเจ้าของ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับแม่น้ำมากกว่าความเข้าใจเชิงวิชาการช่วงสองปีที่ผ่านมา”
“ถ้าไปจังหวะที่ปริมาณน้ำขอดคลอง เราจะได้เห็นขยะข้างใต้ มันคือนรก สกปรกมากๆ เพราะคนคิดกันแค่ว่าโยนทิ้งไปให้พ้นตัวเองก็พอ ผนวกกับการบริหารจัดการน้ำไม่สื่อสารกับคนบริเวณคลอง บางคลองน้ำเน่าเพราะกั้นประตูน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมหรือน้ำทะเลหนุนท่วมเรือกสวนไร่นา กลายเป็นว่าคลองนั้นเน่าเลย ทางน้ำก็เหมือนถนน พอไปปิดเส้นทาง ผักตบชวาก็อุดตันจนน้ำเน่าเสีย”
“ถ้าเราทิ้งขยะลงแม่น้ำ กลไกของน้ำจะพัดเอาขยะลอยมาริมฝั่งรอบตัวเรา กลางๆ แม่น้ำหรือไกลๆ ออกไปยังสวยอยู่ไม่แย่เท่าไหร่ ตอนนี้เหมือนเรากำลังทำลายตัวเอง ทำอะไรไว้มันก็แค่ปลิวกลับมาใส่หน้าเรา เรากำลังจมอยู่ในทัศนอุจาดรอบตัวเองแท้ๆ”
พายออกไปรู้จักธรรมชาติ
“จังหวะของแม่น้ำนั้นซับซ้อน เรายืนอยู่บนเวลาคนละจังหวะกับเขา ในบริเวณเดียวกันตอนเช้าระดับน้ำและสภาพแวดล้อมจะเป็นแบบหนึ่ง แต่ตอนเย็นจะเป็นอีกแบบ เวลาน้ำลง บางทีเราจะเห็นก้นคลองมีสีดำ คนอาจคิดว่าสภาพของแม่น้ำย่ำแย่แล้ว แต่ถ้ากลับมาดูตอนเช้าน้ำจะปกติดี แม่น้ำทำให้เราเรียนรู้ว่ามันมีวงจรของตัวเอง คนเมืองหลายคนมักจะคุ้นกับสิ่งก่อสร้างอย่างห้างสรรพสินค้าหรือมิวเซียมที่ไปตอนไหนก็มีสภาพที่คุ้นเคยรออยู่ แต่แม่น้ำไม่ได้เป็นแบบนั้น มันมีชีวิตหมุนเวียนด้วยตัวเอง ออกไปดูแต่ละเดือนสภาพจะไม่เหมือนกัน”
“ถ้าเราพายเรือ เราต้องรู้จักพระจันทร์ เพราะพระจันทร์ทำให้น้ำขึ้นและลง น้ำขึ้น-น้ำลงในวิชาวิทยาศาสตร์จำเป็นกับการพายเรือมากจริงๆ เราเรียนรู้ว่าถ้าพายเรือสวนกระแสน้ำจะทำให้เหนื่อย แต่ถ้าคุณรู้จักปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง จะได้รู้ว่าน้ำช่วยส่งให้พายง่ายขึ้นยังไง”
เรือที่วิชญ์พายคือเรือคายัก เขาลองพายเรืออีกหลายรูปแบบเพื่อล่องและท่องออกไปในลำน้ำเจ้าพระยา พื้นฐานการเป็นนักปั่นสนับสนุนให้เขามีพละกำลังในการพายเรือทางไกล ยิ่งไปกว่านั้นชีวิตนักปั่นของเขายังพัวพันกับการปั่นเส้นทางริมน้ำเป็นประจำ และพบว่าสถานที่นั้นปั่นจักรยานได้สะดวกที่สุด
“สำหรับเรา เส้นทางปั่นจักรยานที่ปลอดภัยคือเส้นทางเลาะแม่น้ำ ตั้งแต่แม่น้ำสายเล็กสายน้อย ด้วยความที่แม่น้ำคดเคี้ยวไปมา ประกอบกับถนนที่คดไปตามแม่น้ำคือถนนของชุมชนและที่อยู่อาศัย ทำให้ไม่ค่อยมีรถยนต์วิ่ง”
“เราคุยกันในเครือข่ายปั่นทางไกลว่าให้หาเส้นทางแม่น้ำและคลองชลประทานสำหรับการปั่นเสมอ ชีวิตของเราจึงเฉียดแม่น้ำตลอด เรามองเห็นภาพว่าเส้นทางเหล่านี้มีในหลายจังหวัด ซึ่งเวลาปั่นไม่ต้องกังวลเลยว่าจะโดนรถเฉี่ยวไหม ประจวบเหมาะกับความคิดที่อยากลองพายเรือดูแม่น้ำอยู่แล้ว เราเลยตัดสินใจหาเรือมาพายจริงๆ จังๆ เสียเลย”
หลังจากนั้นวิชญ์จึงพกเรือพกพาไปเหมือนจักรยานพับ ที่ไหนมีแม่น้ำที่มีสภาพพร้อมสำหรับการพาย คุณจะพบว่าวิชญ์หายตัวไปจากโลกบนบก เพราะเขากำลังพายเรือและดำดิ่งอยู่ในโลกที่มีคนกับน้ำเป็นเพื่อนกัน
พายหนีความวุ่นวาย
“รู้ไหมว่าจากคลองพระโขนงตรงนี้ไปจนถึงหน้าปากซอยอ่อนนุชข้างหน้าพายเรือไปตลาดด้านหน้าได้” วิชญ์ชี้ไปยังสายน้ำที่อยู่เบื้องหน้าศาลาที่เรานั่งอยู่ “เส้นทางคลองพระโขนง
มีวัดริมน้ำประมาณ 8 แห่ง ตลอดระยะทาง 4 กิโลเมตร คลองนี้เหมือนไทม์แมชชีน ลงเรือพายไปแล้วย้อนเวลาได้เลยทันที 40 ปี ถ้าสนใจสืบสาวจะรู้ว่าคลองนี้มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มันเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ มีรายละเอียดของชีวิต”
“ในขณะที่รถติดตรงปากซอยอ่อนนุชใกล้ๆ กันนี้ แต่คลองพระโขนงช่วงเย็นกลับเงียบสงบมาก” วิชญ์เล่าด้วยน้ำเสียงที่ชวนให้เราตื่นเต้นตามไปด้วย ระหว่างนั่งสนทนากัน ภาพที่เห็นอยู่เป็นระยะๆ คือการสัญจรทางน้ำของคนในชุมชมย่านนี้ อาทิ เรือไปรษณีย์ที่ทำหน้าที่ส่งจดหมาย เรือพายค้าขายของ และเรือขนส่งผู้โดยสารสัญจรผ่านไปผ่านมา
“ทิวทัศน์ตอนอยู่กลางน้ำไม่มีเสาไฟและไม่มีป้าย บ้านไม้โบราณและวัดไทยสวยสง่าเพราะมีสเปซตกกระทบลงน้ำที่ทิ้งระยะไว้ข้างหน้า ถ้ามองจากพื้นน้ำมันจะสง่ามาก แต่พอมองจากบนบกบางทีเรารู้สึกว่าทำไมมันชะลูดแปลกๆ” วิชญ์ชี้ให้เราดูบ้านใหม่หลังใหญ่ที่อยู่อีกฟากฝั่งคลอง
พายเพื่อตระหนักคุณค่าของแม่น้ำ
“สาธารณชนไม่ได้เห็นแม่น้ำเพราะเราใช้ชีวิตอยู่บนท้องถนนตลอด เศษหนึ่งส่วนสี่ของถนนที่ทะเลาะกันเรื่องรถติด คือแม่น้ำที่ไม่เคยมีใครเหลียวแล ถ้าเราสนใจกันจริงๆ แค่บอกเพื่อนคุณว่าจริงๆ แล้วแม่น้ำสวยนะ ลองออกมาดูสิ ถ้าเขาเห็นว่ามันสวยเขาจะอยากรักษาไว้ อีกอย่างแม่น้ำคือโครงสร้างพื้นฐานที่คนไทยทุกคนมีสิทธิ์ใช้และร่วมกันดูแล มันคือสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เราลืมใช้ พื้นที่สีเขียวขนาดมหึมาที่เราไม่ได้ใส่ใจ”
“พอได้ลองชวนคนรู้จักออกมาใกล้ชิดกับแม่น้ำ เห็นถึงข้อดีและความเสื่อมที่เกิดขึ้น เขาก็รู้สึกถึงคุณค่า คนริมคลองใจดีมาก เป็นคนไทยที่ยังคงวิถีชีวิตแบบเดิมๆ ไว้อยู่ เขาตะโกนข้ามคลองกัน ‘เฮ้ย! เดี๋ยวออกไปงานแต่งกัน’ ‘กินข้าวกัน’”
“ชีวิตนี้ผมยังรู้จักแม่น้ำไม่หมดเลย แค่จะบอกว่าอยากพายให้ครบทุกเส้น ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่ครบ ตอนนี้ขึ้นไปพายถึงแม่น้ำน่านและแม่น้ำปิง แม่น้ำแควใหญ่ใต้เขื่อนศรีนครินทร์สวยเหมือนฉากในหนัง เพราะข้างล่างเป็นเหมือนพรมสาหร่ายสีเขียวแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพฯ แค่ออกมา 2-3 กิโลฯ จากแหล่งชุมชนหลัก เราจะเห็นวิวที่สวยมาก มีสาหร่ายหางกระรอกในคลองที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ ผมว่าเราต้องมีสัก 5 ชีวิตนะถึงจะพายเรือไปยังเส้นทางต่างๆ ได้ครบ”
“นอกจากเราจะได้พักผ่อน ออกกำลังกาย และตระหนักว่ามีปัญหาที่ต้องแก้ไขเต็มไปหมด ตอนนี้เรากำลังพายเรือสะสมเรเฟอร์เรนซ์ส่วนตัว แต่ก่อนเราอาจหาข้อมูลหรือแรงบันดาลใจจากการอ่านหนังสือและดูหนัง แต่ตอนนี้เราพายเพื่อออกมาเก็บข้อมูล สะสมและค้นคว้า เรายังไม่ได้มีจุดหมายชัดเจน เป็นเหมือนคำตอบปลายเปิด เป็นวิถีทางต่อเนื่องจากการปั่นจักรยาน”
“ชีวิตนี้เราไม่เคยไปไกลถึงจังหวัดปัตตานี แต่การพายเรือทำให้เราเริ่มออกเดินทางไปอีกหลายๆ ที่ที่ไม่คิดว่าจะได้ไป ผมหวังว่าสักวันมันจะตกตะกอนเป็นผลงานบางอย่างในอนาคต แต่ต้องใช้เวลาว่าจะออกมาเป็นอะไร”
การพายเรือไปข้างหน้าเป็นการเสี่ยงดวงว่าจะได้พบเจออะไร แต่สิ่งที่วิชญ์พบระหว่างทางคือความรู้สึกที่ดี ความรุ่มรวยทางจิตใจ ก่อนจากกัน เขาทิ้งท้ายไว้สั้นๆ แต่น่าสนใจว่า “แม่น้ำต้องช่วยกันฟื้นฟูตลอดเวลา ต้องใช้ประโยชน์ ชื่นชมให้คุ้มค่า สมกับที่เกิดมาอยู่กลางแม่น้ำ ไม่ใช่แค่ทำตามวาระ เพราะถ้าเราตระหนักได้จริงๆ แม่น้ำช่วยเติมพลังใจคนได้ แล้วถ้าอะไรมาทำให้แม่น้ำเสียหาย อย่างทางเลียบแม่น้ำเนี่ย ถ้าสร้างเดี๋ยวได้เจอผมแน่นอน”
ภาพ ณัฐปคัลภ์ ทัศนวิริยกุล