ผู้ชายนู้ด สูตรเสน่หา ชาร์โคลแท่ง และเวลาแห่งความรัก ของ โอ๊ต มณเฑียร


1

บ่ายวันจันทร์ / สตูดิโอเล็กๆ ของโอ๊ต มณเฑียรย่านดอนเมือง

ผมยังจำความรู้สึกแรกได้ดีตอนที่เห็นนายแบบนู้ดเดินเข้ามาในสตูดิโอ

ก้าวย่างช้าๆ ของเขาลึกลับอย่างประหลาด เรือนร่างสมส่วนได้รูปพร้อมกับกางเกงในและชุดคลุมสีแดงปนเหลืองค่อยๆ เลื่อนไหลออกจากร่าง ร่างเกือบเปลือยไร้เสื้อผ้าอาภรณ์นั้นสร้างความรู้สึกที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน เมื่อพิจารณาดู ผมพบว่ามันไม่ใช่ความรู้สึกเสน่หาใดๆ ถ้าให้จำกัดความง่ายๆ มันคงเป็นความรู้สึกขัดแย้งที่ความกระอักกระอ่วนผสมปนเปอยู่กับความสนใจใคร่รู้

ผมกำลังนั่งอยู่ในคลาสเรียนสอนวาดรูปนู้ดผู้ชายของ โอ๊ต มณเฑียร ศิลปินและนักวาดภาพประกอบชื่อดัง ไหนๆ เราก็จะคุยกันเรื่องคลาสแล้ว ผมคิดว่าคงเป็นการดีถ้าจะได้ลองสัมผัสประสบการณ์นี้ด้วยตนเองสักครั้ง นี่จึงเป็นที่มาของการสนทนาที่พิเศษที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของผม

“ถามมาได้เลยนะ” โอ๊ตบอกผมพร้อมให้นายแบบถอดผ้าที่บังเครื่องเพศของเขาออก ชายหนุ่มที่มีร่างกายราวกับรูปปั้นค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นไปโพสท่าบนเตียงอย่างชำนาญ โอ๊ตจุดกำยานพร้อมกับเปิดเพลงคล้ายเป็นสัญญาณเริ่มต้นคลาสของเขาอย่างเป็นทางการ

เรื่องราวหลังจากนั้นดำเนินไปพร้อมกับเวลา

2

ท่าโพสที่หนึ่ง / ชายหนุ่มตะแคงซ้ายให้เห็นสัดส่วนและเบื้องหน้าอันเปล่าเปลือย

คล้ายๆ การทำความรู้จักกันขั้นต้น แต่อาจจะแปลกกว่าปกติสักหน่อยเพราะอีกฝ่ายไม่ใส่เสื้อผ้า

ผมค่อยๆ เริ่มวาดรูปผู้ชายนู้ดตรงหน้าด้วยแท่งชาร์โคลท่ามกลางเสียงดนตรีบรรเลงเป็นฉากหลัง ซาวนด์อิเล็กทรอนิกส์ฟุ้งๆ ในท่วงทำนองเชื่องช้าทำให้ผมจินตนาการภาพตัวเองล่องลอยอยู่ในอวกาศ อารมณ์ที่เกิดขึ้นคล้ายดาวที่นอนอยู่นิ่งบนผืนฟ้าโดยมีดาวอีกดวงอยู่ไม่ไกลออกไป บรรยากาศในห้องทั้งหมดทำให้การวาดรูปนู้ดของผมครั้งนี้ต่างไป ความรู้สึกกระอักกระอ่วนในตอนแรกหายไปอย่างรวดเร็วพร้อมหัวใจที่สัมผัสได้ถึงความพิเศษ

ความพิเศษซึ่งมีที่มา

“คลาสนี้เกิดขึ้นมาเพราะความคิดส่วนตัวเราที่ว่าการวาดรูปเป็น คือการวาดรูปที่ไม่ตาย เราถึงเรียกมันว่า Life Drawing คือมีพลังชีวิตอยู่ในเส้น คลาสนี้จึงเป็นการทดลองอะไรใหม่ๆ ในสภาวะนิ่งและเปิด คนที่มาเข้าร่วมจะได้มาลองเก็บพลังงานที่เกิดขึ้นระหว่างคนวาดและนายแบบลงไปในเส้นที่วาด”

“การวาดรูปสำหรับเรามีสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกันอยู่ 4 ประการ หนึ่งคือสิ่งที่มากระทบเรา ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น เสียง กลิ่นหรืออะไรก็แล้วแต่ มันเป็นข้อมูลที่ใส่เข้ามา ส่วนที่สองคือสมองที่ประมวลผลสิ่งนั้น เราเห็นอะไร เรามีความทรงจำกับสิ่งนั้นยังไง เราตีความหมายมันอย่างไร สามคือมือและการแสดงออก เราระบายสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาเป็นภาพผ่านมือเราได้อย่างไร และสี่ ‘การตระหนักรู้’ หลายคนไม่สนใจแต่เราคิดว่าเรื่องนี้สำคัญ ถ้าเราอยู่กับปัจจุบันและเสพทุกอย่างในระหว่างที่กระบวนการทั้งหมดมันเกิดขึ้น เราจะรู้ว่าตัวเราเองรู้สึกอย่างไรและเล่าในไปในเส้น ไม่ใช่เอาแต่วาด การตระหนักรู้จะทำให้เส้นที่เราวาดมีชีวิต รูปจะมีอารมณ์ความรู้สึก เหมือนเรารู้ว่าเรากำลังจะสื่อสารอะไร ไม่ใช่แค่วาดให้เหมือนเท่านั้น”

“ทั้ง 4 องค์ประกอบนี้คือสิ่งที่เราเอามาทดลองและพยายามให้เกิดประสบการณ์ใหม่ในคลาสนี้ เราจะทดสอบทีละผัสสะ เช่น ถ้าปิดไฟหมดแล้วเหลือแค่แสงเทียน คุณสามารถวาดรูปให้รู้สึกถึงพลังตอนนี้ได้ยังไง ถ้าคุณอยากวาดกลิ่นโคโลญจ์ของนายแบบหรือกลิ่นกำยานของที่นี่ คุณจะวาดยังไง หรือวาดภาพโดยเปิดดนตรีคลาสสิคกับเฮฟวี่เมทัลต่างกันยังไง ดังนั้นใครๆ ก็สามารถทดลองประสบการณ์นี้ได้ คนที่ไม่เคยทำงานศิลปะมาเลยก็ทำได้ แค่เตรียมใจที่เปิดรับมาทดลองอะไรใหม่ๆ ร่วมกัน”

3

ท่าโพสที่สอง / ชายหนุ่มโก้งโค้งพร้อมหันตัวให้เราเห็นสรีระด้านข้าง

ความไม่คุ้นชินหายไป ระหว่างตัวผมกับนายแบบเหมือนเกิดอะไรขึ้นบางอย่าง

เพลงในห้องเลื่อนบรรเลงสู่แทร็กใหม่ ถ้าเพลงก่อนหน้าพาตัวผมล่องลอยอยู่ในอวกาศ เพลงนี้กลับทำให้ตัวผมถูกดูดเข้าไปในหลุมดำ ซาวนด์ดนตรีจากกีตาร์ไฟฟ้าทำให้รู้สึกลึกลับแต่น่าค้นหา ในใจเกิดความเหงาขึ้นมาอย่างประหลาด เหมือนไฟนีออนสีชมพูในตรอกมืด มันยั่วยวน น่ากลัว ลึกลับ แต่ก็น่าสนใจ แปลกดีเหมือนกันที่ความรู้สึกของสิ่งแวดล้อมนี้ช่างตรงกับความรู้สึกคนตรงหน้า เขาหันมามองพวกเราด้วยสายตาชำเลืองเหมือนอยากจะบอกอะไรบางอย่างแต่ไร้เสียง ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนทำให้ผม ‘รู้สึก’

แต่รู้สึกอะไรกันแน่ล่ะ?

“ครั้งแรกที่เราวาดรูปนู้ดผู้ชายจริงๆ เราวาดแฟน ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเรารู้จักเขามากขึ้น ไม่ใช่แค่เห็นสรีระ แต่เราเห็นการเคลื่อนไหว เราเห็นตัวตนของเขา เราสัมผัสถึงลมหายใจเรา ลมหายใจเขา มันมีเสน่ห์มาก ก่อนหน้านี้ที่เราคิดว่าเรารู้จักคนๆ นึง พอมาวาดรูป บางทีเราจะพบว่าเราไม่รู้จักเขาเลย”

“เวลาเราวาดใคร เราจะวาดสวยที่สุดเมื่อเราตกหลุมรักเขา เสน่หาสำคัญมากสำหรับชิ้นงาน ถึงวาดออกมาแล้วรูปร่างจะไม่ได้ตรงตามมาตรฐาน แต่มันจะมีมวลและความละเอียดอ่อนทางอารมณ์บางอย่าง ดังนั้น ทุกคนที่เราเลือกมาเป็นนายแบบ เราต้องเสน่หาเขาไม่มากก็น้อย เพราะเรารู้สึกว่าสิ่งนั้นทำให้ประสบการณ์ตรงนี้สมบูรณ์ เราจะถามตลอดว่า ‘Can you draw love?’ ดังนั้นไม่ใช่แค่แสงและเงา ไม่ใช่วาดใครก็ได้ แต่ต้องเป็นคนที่เราอยากวาด คนที่มาเข้าร่วมคลาสนี้ก็จะรู้ว่าเราวาดอะไรแบบนี้ เขาจะได้มาดูว่ารู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นนายแบบนู้ดในลักษณะนี้”

4

ท่าโพสที่สาม / ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งอ้าขาพร้อมบิดศีรษะด้วยมือทั้งสองข้าง

ทั้งเพลงและท่าทางของนายแบบเหมือนเร่งจังหวะเข้าสู่จุดสูงสุดของช่วงเวลา

ความคมชัดของกล้ามเนื้อและท่าทางที่แข็งเกร็งทำให้ร่างกายร่างนั้นช่างเด่นชัด ท่าโพสประกอบกับการแสดงออกทางหน้าตาที่ลึกลับชวนค้นหาค่อยๆ ประสานรวมกับเสียงบรรเลงที่เร่งจังหวะขึ้น รายละเอียดของซาวนด์ดนตรีเพิ่มขึ้นเหมือนกับพยายามเร่งอารมณ์ให้เราขึ้นไปแตะจุดสูงสุด ภาพความคิดในหัวเปลี่ยนจากไฟนีออนสีชมพู กลายเป็นไฟหลากสีที่ผสมปนเปกันมั่วซั่ว แต่ความไร้ระเบียบที่แสนลึกลับนี้เองที่สร้างเสน่ห์ขึ้นมาอย่างประหลาด

นาทีนั้นผมสัมผัสใจตัวเองได้อยู่ 2 อย่าง

หนึ่ง ผมคิดว่าตัวเองรู้จักนายแบบตรงหน้ามากขึ้นแม้ไร้การพูดคุย

และสอง ผมคิดว่าผมรู้จักตัวเองมากขึ้นเช่นกัน

“มันเป็นหน้าที่ของศิลปินที่ต้องให้แรงบังดาลใจคนอื่นเพื่อให้เขาเอาแรงบันดาลใจนั้นไปต่อยอดเป็นอะไรที่ดีต่อชีวิตก็แล้วแต่ หน้าที่ของเราคือซื่อสัตย์ต่อการเป็นตัวเองมากที่สุดผ่านงานของเรา พอคนได้มาเสพ เขาก็จะได้อะไรบางอย่างจากตัวเรา เราดีใจเสมอที่ได้ส่งต่อสิ่งนั้น”

“คนมาเรียนคอร์สของเรามีทุกรูปแบบ ตั้งแต่นักเรียนไปจนถึงศิลปินหรือคนที่ไม่เคยทำงานศิลปะเลย ทุกคนอยากมาลองประสบการณ์ใหม่ที่เขาอาจไม่เคยทำมาก่อน แต่ละคนจะได้มาหายใจไปพร้อมกัน ได้กลิ่นเดียวกัน อยู่ในพื้นที่เดียวกัน เห็นแสงกระทบผิวเหมือนกัน แต่พวกเขาจะมีวิธีเล่าที่ต่างกัน อันนี้แหละคือสิ่งที่เราสนใจ ความคิดและตัวตนของคุณจะถูกนำมาแลกเปลี่ยนกันในวันนั้น และสิ่งที่พวกเขาได้ก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาอยากได้อะไร บางคนก็มาเรียนวิธีการเล่าเรื่องผ่านภาพ บางคนมาเพื่อเปิดประสบการณ์มองร่างกายนู้ดของผู้ชายและตกหลุมรักกับสิ่งที่เห็น หรืออย่างบางคนเป็นภาวะซึมเศร้า เขาก็รู้สึกว่าเหมือนมีอะไรดึงเขากลับมาสู่ปัจจุบันก็มี”

“แค่นี้เราก็รู้สึกดีใจแล้ว เหมือนเขาได้บางอย่างที่เฉพาะสำหรับเขากลับไปแล้ว”

5

เย็นวันจันทร์ / ภายในสตูดิโอเล็กๆ กับตัวตนที่ต่างไป

เสร็จสิ้นการสนทนาและประสบการณ์วาดรูปนู้ดผู้ชายครั้งแรกของผม

นายแบบค่อยๆ ใส่เครื่องห่มปกปิดเครื่องเพศและสรีระที่เคยเปล่าเปลือยต่อหน้าพวกเรา จะว่าไปมันก็เป็นเวลาเพียงไม่กี่นาทีที่เราได้หายใจร่วมกัน แต่ความคุ้นเคยระหว่างตัวแบบและคนวาดกลับเพิ่มมากขึ้นจนน่าประหลาดใจ เขากล่าวขอบคุณและจากไป ทิ้งให้เรานั่งสนทนากับโอ๊ตต่ออีกพักก่อนจะแยกย้ายกันด้วยตัวตนในใจที่ถูกประกอบเพิ่ม

6

เย็นวันจันทร์ / ทางเดินริมถนนที่เต็มไปด้วยผู้คน

ผมเดินออกมาจากสตูดิโอของโอ๊ตพร้อมความคิดบางอย่าง

ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า ผมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่เคยวาดรูปนู้ดผู้ชาย แต่ตอนนี้ผมกลายเป็นคนที่เคยสัมผัสประสบการณ์นั้น หลายคนฟังอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น แต่ในความเป็นจริง ภายในใจผมกลับมีความรู้สึกว่าถูกเพิ่มเติมอะไรบางอย่าง เมื่อมองให้ดี ผมพบว่ามันคือความรู้สึกเชิงบวกที่ปราศจากเสน่หา คล้ายชีวิตถูกเติมเต็มด้วยอีกเสี้ยวหนึ่งจากสิ่งแปลกใหม่ที่เข้ามา

แปลกแต่ดี ประหลาดใจแต่สบายใจ เคลื่อนไหวแต่สงบ

อาจจะดูขัดแย้งจนไม่อาจมั่นใจว่ามวลนี้คือความรู้สึกอะไรกันแน่

ที่แน่ๆ อย่างน้อยเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าผมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่เคยวาดรูปนู้ดผู้ชาย

แต่ตอนนี้ผมกลายเป็นอีกคน

ภาพ ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ และ เธียรสิน สุวรรณรังสิกุล

AUTHOR