สัมภาษณ์พิเศษ Paul Klein วง LANY อัพเดตเรื่องอัลบั้มใหม่ การทัวร์ และความเปลี่ยนแปลงของชีวิต

ครั้งก่อน a day เคยสัมภาษณ์ Paul Klein ไปเมื่อตอนที่ LANY ออกอัลบั้มชุด Mama’s Boy (2020) หลังจากนั้น LANY ก็ออกอัลบั้มใหม่มาอีกหนึ่งชุดคือ gg bb xx (2021) และออกทัวร์เรื่อยมาจนถึงตลอดปี 2022 

และในเดือนพฤศจิกายนนี้ก็ถึงคิวของโซนเอเชีย กับทัวร์ของ LANY ที่มีชื่อว่า A November to Remember ซึ่งรวมถึงคอนเสิร์ต 2 รอบที่ประเทศไทยด้วย คือในวันที่ 3, 4 พฤศจิกายน 2022 ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี โดยผู้จัด Live Nation Tero สาเหตุที่มี 2 รอบนั้นก็เพราะบัตร sold out อย่างรวดเร็วจนต้องเพิ่มรอบตามคำเรียกร้อง 

LANY มาเยือนเมืองไทยเป็นครั้งที่ 4 แล้ว และคราวนี้เป็นคอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุด บ่งบอกได้ถึงความป๊อปปูลาร์ของ LANY ที่มีต่อแฟนๆ ชาวไทยได้เป็นอย่างดี ซึ่งก่อนวันงาน a day ก็ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ พอล ไคลน์ นักร้องนำของวงทางออนไลน์อีกครั้ง เพื่ออัพเดตเรื่องอัลบั้มใหม่ การทัวร์ และความเปลี่ยนแปลงของชีวิต 

ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกคุณเริ่มทำอัลบั้มใหม่กันแล้ว พอจะบอกอะไรเราได้บ้าง

ครับ จริงๆ เรายังไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกไปเท่าไหร่ เพราะเราเพิ่งจะเริ่มๆ เอง แต่ก็คือเราดีใจมากที่ได้กลับมาร่วมงานกับ Mike Crossey อีกครั้ง เขาเป็นโปรดิวเซอร์ที่เก่ง และเคยโปรดิวซ์ให้เราในอัลบั้ม Malibu Nights (2018) แต่ว่ากระบวนการทำงานครั้งนี้ค่อนข้างจะแตกต่างออกไป เพราะว่าเราต้องเข้าสตูดิโอสลับกับออกไปทัวร์ ไปๆ มาๆ แบบนี้ ซึ่งจะว่าไปก็ทำให้เรามีเวลาตกตะกอนความคิดกับเพลงใหม่ที่เราจะทำเหมือนกัน แต่ก็อย่างที่บอกครับ ยังไม่รู้จะเล่าอะไรมากเพราะเพิ่งเริ่มทำ ยังไม่รู้ว่าอัลบั้มจะชื่อว่าอะไร แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นมากที่จะได้ทำอัลบั้มอีกครั้ง 

พวกคุณทำได้ยังไง ออกไปทัวร์สลับกับกลับมาเข้าสตูดิโอ ดูเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก

ก็เพราะว่านี่เป็นฟูลไทม์จ๊อบ เป็นงานประจำของพวกเรา ณ ตอนนี้เราเป็นนักดนตรี ไม่ได้มีงานแสดงหรืออะไร ฉะนั้นนี่ก็คือสิ่งเดียวที่เราทำ และมันก็เป็นสิ่งที่เรารักด้วย เลยไม่ค่อยเหมือนการทำงานสักเท่าไหร่ มันคือสิ่งที่เรามีแพสชั่นกับมันมากๆ เลย

หลังจากที่เลส (Les Priest) ออกจากวงไป ตอนนี้ LANY เหลือแค่คุณกับเจค (Jake Goss) กระบวนการทำงานแตกต่างออกไปจากก่อนหน้านี้ที่มีเลสอยู่ด้วยมั้ย

หลังจากที่เลสออกจากวงไป การเปลี่ยนแปลงต่างๆ มันเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปครับ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องดี เรารักเลสมาก ขอบคุณช่วงเวลาดีๆ ที่เรามีด้วยกัน

เลสมีส่วนในการสร้างวง LANY ที่เราภูมิใจนี้ขึ้นมา ผมไม่แปลกใจเลยตอนที่เลสมาบอกผมว่าเขาจะออกจากวง ลึกๆ ผมรู้อยู่แล้วว่าวันนั้นจะต้องมาถึง และได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว ซึ่งมันเป็นการตัดสินใจของเลสเอง เราก็อวยพรให้เขาโชคดีที่จะออกไปเป็นแฟมิลี่แมน ใช้เวลากับครอบครัว และโฟกัสกับอาชีพนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ และเลสเองก็รู้ดีว่าการที่เขาจะออกจาก LANY ไปอยู่บ้านนั้น ไม่ได้จะทำให้เรายุบวง ตอนนี้เรามีแฟนเพลงที่น่ารักของเราอยู่ทั่วโลก ซึ่งเรารู้สึกซาบซึ้งใจมากๆ และยังรู้สึกมีพลังที่จะสร้างผลงานเพื่อพวกเขาต่อไป

ส่วนกระบวนการทำงานนั้นเปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆ ในหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่ตอนที่เลสยังอยู่ในวงแล้ว ทุกๆ ซีซั่นผมก็จะเปลี่ยนมันนิดหน่อย ปกติผมจะเขียนเพลงแล้วเอามาให้เจคกับเลสฟัง ว่าพวกเขาชอบเพลงไหนบ้าง จากนั้นเราก็จะเข้าสตูดิโอกับโครงเพลงเหล่านั้นเพื่อไปเติมเนื้อหนังให้มันสมบูรณ์ 

ส่วนปัจจุบันปีนี้ก่อนที่เราจะออกทัวร์ ผมมีเวลา 2-3 เดือนก่อนไป ผมเลยเขียนเพลงไว้ 27 เพลง แล้วก็เอา 27 เพลงนั้นไปให้เจคฟัง เรานั่งฟังด้วยกันทุกเพลง รวมทั้งกับไมค์ ครอสซีย์ โปรดิวเซอร์ของเราด้วย ช่วยกันตัดสินใจว่าเพลงไหนจะได้ไปต่อ ซึ่งก็อาจจะเหลือสัก 17 เพลง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วจะเหลือกี่เพลงที่ได้อยู่ในอัลบั้มใหม่

คุณแต่งเพลงไว้ 27 เพลงเลยเหรอ เพลงเหล่านี้มาจากไหน มันออกแบบเป็นธรรมชาติทุกๆ วันเลยมั้ย

(หัวเราะ) ผมเชื่อในการที่จะเขียนเพลงทุกวันครับ มักไม่ค่อยมีช่วงเวลาไหนที่ผมคิดว่าจะไม่เขียนเพลง ถ้าเริ่มเขียนเพลงตอนบ่าย ผมก็คาดหวังว่าถึงตอน 6 โมงเย็น ผมก็จะต้องได้เพลงสักเพลง ผมพยายามที่จะเตรียมพร้อมและหาไอเดียตลอดเวลา จนในที่สุดบ่อน้ำก็จะเหือดแห้ง ถึงตอนนั้นก็คือเป็นเวลาที่จะมานั่งฟังเพลงทั้งหมดที่เขียนออกมา ว่าเพลงไหนที่ใช่ แต่ตอนนี้ผมคิดว่าจะเขียนเพลงเพิ่มเพื่อหาเพลงที่ดีกว่านี้อีกสักหน่อย แล้วค่อยดูว่าจะเป็นยังไงต่อไป 

เราคิดว่าคนส่วนใหญ่ฟังเพลง LANY แล้วได้ความรู้สึก nostalgia คุณคิดว่าเป็นเพราะอะไร

เอ… ไม่รู้สิครับ ผมไม่คิดว่าอย่างนั้น ผมรู้สึกแบบนั้นเวลาฟังเพลง LANY ที่เราทำเมื่อสัก 5 ปีก่อน แต่ nostalgia อาจจะเป็นความรู้สึกที่ดีซึ่งคนชอบที่จะรู้สึกแบบนั้น ผมคิดว่ามันก็โอเคนะ เราไม่สามารถคอนโทรลความรู้สึกของคนฟังได้ ผมกับเจคแค่ทำเพลงที่เราชอบและเชื่อ คนจะชอบหรือไม่ชอบ จะ nostalgia หรือตื่นเต้น เราไปบอกเขาไม่ได้ 

ถ้าอย่างนั้นประสบการณ์แบบไหนที่คุณตั้งใจมอบให้คนฟัง 

เพลงที่ผมชอบตอนโตขึ้นมาจะเป็นเพลงที่ผมฟังแล้วเข้าใจได้เลยว่าศิลปินกำลังพูดถึงอะไรหรือผ่านอะไรมา และผมว่าคนเรามีความสามารถอันน่าทึ่งที่จะบอกได้ว่า คนคนนั้นกำลังหมายความตามที่พูดอยู่หรือเปล่า คุณจะร้องเกี่ยวกับอะไรก็ได้ ตราบใดที่ผมรู้สึกว่าคุณจริงใจกับมัน ผมก็จะรู้สึกเข้าถึงมันได้ แต่ถึงที่สุด เราทำเพลง เราออกสินค้าต่างๆ เสื้อยืด หรืออัลบั้มอาร์ต เราสร้างโมเมนต์ ความทรงจำ และหวังว่าจะทำให้ชีวิตของผู้ฟังดีขึ้นได้สัก 1 เปอร์เซ็นต์ นั่นคือทั้งหมดเท่าที่คุณคาดหวังได้ในฐานะศิลปิน 

การทำเพลงให้แฟนเพลงก็เหมือนการให้ของขวัญหรือเขียนจดหมายถึงคนที่คุณรัก คุณอยากให้พวกเขารู้ว่าคุณตั้งใจทำสิ่งนั้นมามอบให้ คุณอยากให้พวกเขาชอบ รับรู้ถึงความรักที่เรามีให้ การทำอัลบั้มเหมือนกัน คุณอยากให้คนรู้สึกว่า พอลกับเจคนึกถึงเรานะ และก็หวังว่าพวกเขาฟังแล้วจะชอบ 

คุณมีเพลงที่ collab กับศิลปินอื่นๆ หลายเพลงเลย มีวิธีคิดอะไรเบื้องหลังการทำสิ่งนี้หรือเปล่า

ส่วนใหญ่เป็นโอกาสที่เราได้รับมากกว่าครับ อย่าง Lauv ที่ติดต่อมาหาผม บอกว่ามีเพลงชื่อ Mean It อยากให้ผมมาช่วยแต่งให้จบและร้องด้วยกันได้มั้ย Kelsea Ballerini เธออยากแต่งเพลงด้วยกันกับผมที่แนชวิลล์ เราก็แต่งเพลงชื่อ I Quit Drinking ขึ้นมา แล้วเธอบอกว่าอยากปล่อยแบบเพลงคู่ ก็เลยทำให้เราได้ร้องเพลงนี้ด้วยกัน หรือแม้แต่เพลงล่าสุดอย่าง dlma กับ Bazzi เราได้มาสนิทกัน แล้วเขาบอกว่าเขามีเพลงนี้อยู่ มาร้องมาเล่นด้วยกัน และช่วยเขาแต่งเถอะ ก็คือส่วนใหญ่เป็นโอกาสที่เข้ามาหาเรา และเราก็คิดว่าเป็นเพลงที่ใช่สำหรับเราด้วย 

การทัวร์ของ LANY ในปัจจุบันคุณมีนักดนตรีแบ็กอัพเพิ่มมาอีก 2 คน มันทำให้โชว์แตกต่างไปจากเมื่อก่อนมั้ย

แตกต่างนิดหน่อยครับ เพราะว่าผมก็มีแค่สองมือ เล่นๆ อยู่ก็ต้องวิ่งไปรอบเวทีเพื่อเอนเตอร์เทนคนดู การมีนักดนตรีเพิ่มขึ้นอีกสองคนเพื่อช่วยเล่นพาร์ตกีตาร์ ซินธิไซเซอร์ หรือเบส ก็ช่วยทำให้ซาวนด์ของเราเวลาเล่นสดแตกต่างออกไป ดังขึ้น อลังการขึ้น ซึ่งสนุก คือผมไม่ได้อยากขึ้นเวทีแล้วอยากให้ซาวนด์มันเหมือนแค่กดปุ่มเพลย์แบ็กกิ้งแทร็ก แต่อยากให้มันออกมาเป็นการแสดงดนตรีสดจริงๆ 

พวกเขา 2 คนดูเป็นคนสนุกดี

(หัวเราะ) ใช่ๆ คิม (Kim Vi) กับ พัฟ (Eric ‘Puff’ Scarborough) พวกเขาเป็นคนสนุกสนานมาก ตอนนี้เราสนิทกันมาก ทั้งสองคนมีความสำคัญกับเรามากทั้งในฐานะนักดนตรีและเพื่อนเลย

คุณมีกฎอะไรระหว่างการทัวร์มั้ย เพื่อจะทำให้คุณรู้สึกมีพลังอยู่ตลอดเวลา เช่น ไม่ดื่มเยอะเกินไป อะไรทำนองนี้ 

ใช่เลยครับ เราพยายามที่จะทัวร์อย่างมีสติ (หัวเราะ) คือเวลาทัวร์มันง่ายมากที่จะทำให้เรานอนดึกเกินไป แต่เราต้องบอกตัวเองว่าเรามีงานต้องทำ ไม่มีอะไรวิเศษไปกว่าการขึ้นเวทีไปทำการแสดงที่ยอดเยี่ยมเพื่อคนดู ด้วยสภาพร่างกายที่พร้อม ซึ่งการที่จะทำอย่างนั้นได้ก็คือ คุณต้องพักผ่อนให้เพียงพอ นั่นคือสิ่งที่สำคัญอันดับหนึ่งเลย และอย่าดื่มเยอะเกินไป ดูแลตัวเองให้ดี นี่คือสิ่งที่เราเรียนรู้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ปกติแล้วพวกคุณปาร์ตี้กันหนักมั้ยเวลาทัวร์

เอาจริงๆ ไม่เลยครับ ผมว่าเราเป็นวงที่ปาร์ตี้กันน้อยมากวงหนึ่งในโลกนี้เลย แย่จัง ผมอยากปาร์ตี้มากกว่านี้สักนิดนะ แต่ก็ไม่ได้ทำ (หัวเราะ) 

มองย้อนกลับไปในชีวิตสัก 2-3 ปีที่ผ่านมา คุณคิดยังไงกับมัน

ผมภูมิใจที่ได้มาอยู่ในจุดนี้และเป็นตัวเองในแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ ไม่เคยมีใครเขียนคู่มือการทำวงดนตรีและบอกวิธีรับมือกับทุกสิ่งทุกอย่างหรอกนะ แต่ผมก็ภูมิใจในตัวเอง ภูมิใจในวงของเรา และก็พยายามทำงานหนักขึ้น จริงๆ ก็ยังไม่หนักพอด้วยซ้ำ แค่คาดหวังว่าจะเป็นคนที่ดีขึ้นในทุกๆ วัน ทั้งในฐานะนักดนตรีด้วย ในฐานะเพื่อน พี่น้อง ลูก ผมรู้สึกโชคดีมากและมีความสุขกับชีวิต มีความสุขที่ได้อยู่ในวง LANY และอยากให้เป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งการเดินทางและเรียนรู้นั้นไม่สิ้นสุด เรายังเป็นคนที่เติบโตและพัฒนาได้อีก 

LANY มาเมืองไทยหลายครั้งแล้ว พูดอะไรถึงแฟนเพลงชาวไทยหน่อย

ผมรักประเทศไทยครับ ไทยเป็นหนึ่งในประเทศโปรดของผมในเอเชียเลย ด้วยหลายๆ เหตุผล คนไทยน่ารักและเสียงดังมาก (หัวเราะ) เราสนุกทุกครั้งที่ได้เล่นโชว์ที่นี่ ไม่อยากจะเชื่อว่าเราจะได้กลับมาเล่นโชว์ขนาด 20,000 คนที่กรุงเทพฯ มันเหมือนความฝัน ตอนที่เราเริ่มทำ LANY ผมแค่หวังว่าจะมีสัก 20 คนที่ฟังงานเรา แต่ตอนนี้เรามีคนดู 20,000 คน เรารู้สึกซาบซึ้งใจมาก LANY ไม่ได้กลับมาเล่นที่เมืองไทย 2-3 ปีแล้ว เราจะเล่นชดเชยให้กับช่วงเวลาที่หายไปอย่างเต็มที่เลยครับ

>ภาพบางส่วนจาก Instagram @thisislany

AUTHOR