Paco : คาเฟ่สมูตตี้โบว์ลที่อยากให้สุขภาพดีเข้าถึงง่ายเหมือนศิลปะร่วมสมัย

Highlights

  • Paco คือคาเฟ่สุขภาพ ของทีม–ศุภกร สุนานันท์ และหวาน–วรณัน สินลอย โดยมีคอนเซปต์ที่อยากให้อาหารสุขภาพเข้าถึงได้ง่ายเหมือนงานศิลปะ 
  • เพราะอีกอาชีพของทีมคือการเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ ไม่แปลกที่สมูตตี้โบว์ลของร้านจะมีสีสันสวยงามและมีหน้าตาเหมือนงานศิลปะ อีกทั้งตัวร้านก็ยังตกแต่งด้วยคอนเซปต์ศิลปะร่วมสมัยที่นำของที่เหมือนแตกต่างกันแต่มาอยู่ด้วยกันได้
  • นอกจากหน้าตาแล้ว Paco ยังใส่ใจว่าสมูตตี้โบว์ลของพวกเขาต้องอร่อย ซึ่งทีมและหวานต้องลองผิดลองถูกอยู่หลายรอบกว่าจะเจอรสชาติที่ลงตัวอย่างทุกวันนี้

เรายืนอยู่หน้าคาเฟ่ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าไซส์กะทัดรัด กลางซอยสุขุมวิท 31 ที่แม้จะมีคาเฟ่ตั้งเรียงราย แต่ร้านตรงหน้ากลับโดดเด่นสะดุดตาด้วยโมเสกสีขาว-น้ำเงินสะท้อนแสงแดดเป็นประกายวิบวับ บานกระจกหน้าร้านเผยให้เห็นภายในร้านที่ตกแต่งด้วยภาพวาดร่วมสมัย อย่างภาพโมน่าลิซ่าที่สร้างสีสันด้วยขีดสีส้ม ภาพคอลลาจสีส้ม-แดงตัดกันจัดจ้าน พร้อมไฟนีออนรูปหัวใจเขียนว่า ‘All you need is Paco’

เมื่อมองจากด้านนอกร้านแล้ว เราอาจนึกว่าที่นี่คือแกลเลอรีศิลปะแห่งใหม่ในย่านพร้อมพงษ์ จนกระทั่งเปิดประตูและก้าวเท้าเข้ามาในร้าน กลิ่นหอมของผลไม้สดก็ลอยมาแตะจมูก เคล้ากับเสียงเพลงของ The Beatles ที่ลอยอยู่ในอากาศ

ใช่แล้ว ที่นี่คือ Paco ร้านสมูตตี้โบว์ลแห่งใหม่แห่งย่านพร้อมพงษ์

Paco

Paco

เมื่อได้เจอเจ้าของร้าน เราจึงไม่แปลกใจที่หน้าตาของที่นี่จะเหมือนอาร์ตแกลเลอรีขนาดนี้ เพราะ ทีม–ศุภกร สุนานันท์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งมีอีกบทบาทเป็นดีไซเนอร์ เมื่อเปิดร้านร่วมกับ หวาน–วรณัน สินลอย เขาจึงผสานความรักในศิลปะร่วมสมัยเข้าไปในทุกมุมของร้าน รวมไปถึงสมูตตี้โบว์ลลายกราฟิกสีสันสดใส จนดูเหมือนเป็นงานศิลปะมากกว่าอาหารสุขภาพ

และการพบกันของสุขภาพและศิลปะนี่เองที่ทำให้เราสนใจแวะมาคุยกับพวกเขา ก่อนได้บทสนทนารสอร่อยไม่แพ้สมูตตี้โบว์ล

Paco

“เราอยากทำให้อาหารสุขภาพเข้าถึงได้ง่าย”​ 

คือสิ่งแรกที่ทีมบอกเราและเน้นย้ำอยู่เสมอตลอดบทสนทนา จากบัณฑิตคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร สู่กราฟิกดีไซเนอร์ที่โลดแล่นในวงการกราฟิกดีไซน์ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมงานกับศิลปินรุ่นพี่ที่ศิลปากรอย่าง อ๊อด–สุพิชาน โรจน์วณิชย์ ในการตีความเสียงเพลงเป็นปกอัลบั้มให้กับค่ายเพลงอย่าง genie records หรือโปรเจกต์ทำ personal branding ให้กับคนและร้านอาหาร จนเกิดแรงบันดาลใจให้ทีมหันมาจับสมูตตี้โบว์ลที่ตัวเองชอบกินมาขยายเป็นร้านอาหารของตัวเองบ้าง 

แต่เขาก็รู้ว่าสมูตตี้โบว์ลที่เต็มไปด้วยผักผลไม้อันอุดมไปด้วยสารอาหารก็อาจจะเป็นยาขมของใครหลายๆ คน 

Paco

“โจทย์หลักของผมคือทำยังไงให้คนที่ไม่ได้สนใจอาหารสุขภาพหันมากินอาหารสุขภาพ พอเราได้คอนเซปต์หลักนี้แล้วก็นำมาออกแบบรูปแบบการนำเสนอให้มีความดึงดูด ความน่าสนใจ และจดจำได้ง่าย”

เมื่อมีโจทย์ในใจ ตามประสากราฟิกดีไซเนอร์ ทีมและหวานจึงลงมือตีโจทย์และออกแบบวิธีนำเสนอให้สมูตตี้โบว์ลเข้าถึงง่าย และสลัดภาพลักษณ์สุดคลีนออกไป ว่าแล้ว พวกเขาจึงเริ่มประยุกต์ประสบการณ์ของทีมจากการทำแบรนด์ดิ้งให้ร้านอาหารต่างๆ และผนวกแนวคิดของศิลปะร่วมสมัยและลาเต้อาร์ตเข้ามาอยู่บนชาม เพื่อให้ใครๆ ที่อาจไม่ได้อินเรื่องสุขภาพอยากลองชิมสักครั้ง

 

“ทุกชามต้องมีทั้งสุขภาพและศิลปะ”

เพราะนี่คือร้านสมูตตี้โบว์ลโจทย์แรกและโจทย์หลักของทีมและหวานจึงเป็นการออกแบบสมูตตี้โบว์ลให้โดดเด่นกว่าที่อื่นๆ

“ตอนที่เราทำแบรนด์ดิ้งให้ร้านอาหารเป็นงานอีกแบบหนึ่งเลย” ทีมเริ่มต้นเล่าถึงวิธีคิด “สำหรับร้านอาหารที่มาจ้างเรา เขาจะมีทิศทางของตัวเองอยู่แล้ว เราก็ออกแบบไปตามนั้น แต่พอเป็นร้านของตัวเอง เราต้องกำหนดทิศทางของเราขึ้นมาทั้งหมด ถึงอย่างนั้น เราก็ใช้ประสบการณ์การทำแบรนด์ดิ้งให้ร้านอื่นๆ มาประยุกต์และต่อยอดเหมือนกัน เช่น ถ้าเราจะออกแบบโลโก้ เราก็รู้ว่าเราสามารถพัฒนาต่อไปในทิศทางไหนได้บ้าง”

นั่นคือที่มาของสมูตตี้โบว์ลซิกเนเจอร์ของร้านที่ลูกค้าทุกคนต้องถามถึงที่มาและความหมายของเส้นสายสีฟ้า ชมพู​ เหลือง ที่ถูกระบายแต่งแต้มเป็นลายกราฟิกเท่ๆ

Paco

ทีมเล่าว่าแต่ละชามต้องผ่านการคิดอย่างละเอียดและซับซ้อน การลองผิดลองถูกกันกว่าจะได้สมูตตี้โบว์ลหนึ่งชามที่อุดมไปด้วยสารอาหารเพื่อสุขภาพและความเป็นศิลปะ

“คนมักคิดว่าสีสันต่างๆ มาจากสีผสมอาหาร แต่จริงๆ แล้วผลไม้แต่ละชนิดสามารถสกัดจนได้สีที่ชัดเจนอยู่แล้ว อย่างมะม่วงก็ให้สีเหลือง แก้วมังกรให้สีชมพู เราก็หยิบมาผสมเป็นสีใหม่ๆ อย่างชาม Butterfly Effect นั้นเกิดจากการผสมกันระหว่างสีชมพูของแก้วมังกรกับสีฟ้าของสาหร่ายสไปรูลินาจนเกิดเป็นสีม่วง

“กว่าจะได้แต่ละชาม เราต้องลองผิดลองถูกกันเยอะมาก เพราะเราต้องคิดกันเองหมดเลยว่าอยากให้แต่ละชามมีหน้าตาแบบไหน รสชาติเป็นยังไง เหมือนข้าวราดแกงที่ต้องคิดว่าแกงส้มกินกับอะไรถึงอร่อย เช่นกัน เราต้องทดลองก่อนว่าผลไม้ชนิดไหนควรกินกับอะไร เช่น สารสกัดจากมะม่วงก็ต้องทานคู่กับเรดเคอร์แรนต์เพื่อให้ได้ทั้งรสเปรี้ยวและหวาน”

Paco

Paco

นอกจากจะต้องคิดสีสันที่จะสกัดได้จากผลไม้และรสชาติที่เข้ากันแล้ว ทีมและหวานยังต้องคิดถึงการดึงคาแร็กเตอร์ของผลไม้เพื่อเสริมจุดเด่นในชามสมูตตี้แต่ละชาม และคำนวณสารอาหารให้ได้ครบถ้วนทุกชาม ด้วยสารสกัดจากผลไม้ปลอดสาร ที่บางอย่าง เช่น มะเดื่อ หรือเรดเคอร์แรนต์ก็ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ เพื่อคุณภาพที่ดีที่สุด

“ตอนนี้เรามีสมูตตี้โบว์ลทั้งหมด 10 เมนู แต่เราก็พัฒนาสูตรและเมนูอยู่เรื่อยๆ และเปลี่ยนหน้าตาของสมูตตี้โบว์ลไปเรื่อยๆ ไม่ให้ลูกค้าเบื่อ

“เราต้องดูทั้งเรื่องคู่สีที่ตัดกัน แล้วก็ต้องดูเรื่องสารอาหารที่ยังขาดอยู่ด้วย เช่น Moonshine จะใช้สารสกัดสีเหลืองจากน้ำมันแคร์รอตกับมะม่วงซึ่งมีเบตาแคโรทีนสูง เราเลยเพิ่มสีชมพูที่เกิดจากแก้วมังกรเข้าไป เพื่อเพิ่มวิตามินบำรุงผิว หรืออย่าง Paco Bowl จะมีเบสข้างล่างจากเบอร์รีหลากชนิด เราก็ราดชั้นบนด้วยสารสกัดจากน้ำมันแคร์รอตและสาหร่ายสไปรูลิน่าเพื่อเพิ่มสารอาหารที่แตกต่างกัน”

ว่าแล้วทีมก็ยกสองเมนูเด่นของร้านมาให้เราลองชิม 

Paco

ชามแรกที่เขายกมาวางบนเคาน์เตอร์คือ Paco Bowl โรยหน้าด้วยผลไม้นำเข้าที่คัดสรรมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นสตรอว์เบอร์รี, ส้มนาเวล, ส้มคาราคาร่าสีชมพู,​ ลูกมะเดื่อฝรั่งสดๆ และที่พลาดไม่ได้คือเรดเคอร์เรนต์สีแดงสดรสเปรี้ยวอุดมไปด้วยวิตามินซีหลายชนิด และยังมีเมล็ดฟักทอง กราโนล่า และเมล็ดอัลมอนด์ให้เราได้เคี้ยวกรุบกรอบ คู่กับสมูตตี้ด้านล่างที่เบลนด์มาจากกล้วย สับปะรด สาหร่าย Dunaliella Salina และสาหร่ายสไปรูลินา

 

ส่วน Acai Bowl หรืือสมูตตี้โบว์ลที่มีเบสเป็นผลอาซาอีของร้านนั้นมีหลายแบบให้เลือกทาน ไม่ว่าจะเป็นชามที่โรยหน้าด้วยลูกฟิก หรือชามที่โรยด้วยผลไม้หลากหลายชนิด ส่วนเราเลือก Acai Bowl ที่ด้านล่างเป็นสมูตตี้ที่เบลนด์ด้วยผลอาซาอี กล้วย และแบล็กเบอร์รี ส่วนด้านบนเป็นรูปดอกไม้หลากสีสกัดมาจากผลไม้นานาชนิด พร้อมโยเกิร์ตรสเปรี้ยวตัดกับรสหวานเฝื่อนของอาซาอี 

“ดูเหมือนไม่เข้ากัน แต่อยู่ด้วยกันได้”

ระหว่างที่เรานั่งละเลียดสมูตตี้โบว์ลสายตาของเราก็กวาดไปทั่วร้าน พลันอดสงสัยถึงแรงบันดาลใจในการตกแต่งร้านไม่ได้  เพราะทีมตกแต่งร้านสไตล์เรโทรอ้างอิงจากยุค 80-90s ช่วงเวลาที่ศิลปะแนวป๊อปอาร์ตที่ทีมชื่นชอบกำลังเฟื่องฟู เช่น ภาพกระป๋องซุปแคมป์เบลล์อันโด่งดังของ Andy Warhol หรือภาพ Queen Elizabeth

ทีมยังวางแจกันเซรามิกทรงกระบอกใส่ช้อนและเทียนแต่งแต้มด้วยรูปหัวใจสีชมพู และรูปพระแม่มารีที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะของเม็กซิโก มีวิทยุยุคเก๋าเครื่องใหญ่ตั้งบนเคาน์เตอร์สีขาว และมีมาสคอตประจำร้านชื่อเจ้า Paco ที่มีหัวเป็นถ้วยสมูตตี้โบว์ล มีมือมีเท้าเหมือนมิกกี้ เมาส์ หน้าตาทะเล้นที่ตั้งอยู่หน้าร้านคอยโบกมือต้อนรับลูกค้าทุกคน 

ทั้งหมดนี้ มีเป้าหมายเดียวกันกับสมูตตี้โบว์ลสีสวย คือเพื่อทำให้ร้านสนุกสนานจนสลัดภาพลักษณ์อาหารคลีนที่ต้องนิ่ง ขรึม และดูชีวจิตไปเสียหมด

“เราอยากทำให้ร้านเข้าถึงง่าย อย่างคำว่า Paco ก็ไม่ได้มีความหมายอะไร เราแค่อยากตั้งชื่อที่คนเห็นแล้วจำง่าย ใครๆ ก็อ่านได้หมด แล้วเราพัฒนามาสคอตจากตัวการ์ตูนอเมริกันสไตล์เรโทรกับภาพมิกกี้เมาส์ ของ Kaws แล้วเอามาใส่หัวที่เป็นถ้วยลงไป

“หรือป้าย All You Need is Paco อันนี้จะตอบโจทย์ความเข้าถึงง่ายเลย เพราะเราหยิบเอาท่อนหนึ่งของเพลง All You Need is Love ของ The Beatles มาแปลงให้จำง่าย เราไม่อยากใช้คำที่ยุ่งยากจนต้องเปิดดิกชันนารี อยากให้ทุกคนอ่านได้ เด็กๆ ก็อ่านได้” 

นอกจากนี้ทีมยังใช้ไอเดียของศิลปะร่วมสมัยที่เน้นจับของต่างยุคต่างสมัยมาวางร่วมกัน เช่น การแต่งร้านด้วยโมเสกสีน้ำเงิน-ฟ้า โลโก้ร้านที่ทำจากโมเสกดำ เทา และทอง และเคาน์เตอร์เสาโรมันที่ดูมาจากคนละยุคกันอย่างสิ้นเชิง

“การใช้โมเสกของที่ร้านมีที่มาจากตัวอาซาอี เพราะอาซาอีเป็นซูเปอร์เบอร์รีที่มาจากบราซิล​ พอนึกถึงบราซิลเราก็นึกถึงงานศิลปะที่ใช้โมเสก เราจึงใช้โมเสกทำเป็นพื้น ผนัง และตัวโลโก้ร้าน

“ส่วนตัวเคาน์เตอร์ที่เป็นเสาโรมันเราเห็นว่ามันตัดกับตัวโมเสกดี เราเลยหยิบอะไรที่มันดูไม่เข้ากันให้มาอยู่ด้วยกัน เหมือนศิลปะร่วมสมัย ที่หยิบจับสิ่งต่างๆ มาพัฒนาใหม่ให้ดูเหมือนไม่เข้ากัน แต่ว่าอยู่ด้วยกันได้” 

ความสนุกยังไม่จบแค่นี้ เพราะทันทีที่เราออกปากชมว่าร้านของเขาสวย โดดเด่น ทีมก็รีบบอกว่าเขามีแผนจะเปลี่ยนการตกแต่งร้านไปเรื่อยๆ 

“ผมอยากให้ที่นี่เป็นเหมือนอารต์แกลเลอรีที่เปลี่ยนคอนเซปต์ไปเรื่อยๆ สำหรับสมูตตี้โบว์ลก็เหมือนกัน เราจะพัฒนาหน้าตาอยู่เรื่อยๆ ทุกๆ 1 ปี”

เพราะความสนุกสนานของร้านนี้เอง ไม่น่าแปลกใจที่ทีมเล่าให้ฟังด้วยรอยยิ้มว่า มีบางคนที่ไม่ชอบทานผลไม้ ก็เปลี่ยนใจมาทานผลไม้เพราะหน้าตาของสมูตตี้โบว์ลด้วย

“หัวใจหลักของศิลปะร่วมสมัยคือนำสิ่งที่ดูเหมือนเข้ากันไม่ได้แต่อยู่ด้วยกันได้มาพัฒนา ก็เหมือนกับสมูตตี้โบว์ลของเราที่มีสีสันสดใสเหมือนลูกกวาดแต่กลับเต็มไปด้วยสารอาหารที่เราอยากให้คนได้รับในชีวิตประจำวัน เหมือนศิลปะที่อยู่กับเราทุกขณะ” ทีมทิ้งท้าย

Paco 

address: ร้านอยู่ในซอยสุขุมวิท 31 จอดรถได้ในโรงแรม The Euro Grande Hotel
tel. 061 919 9265
hours: ทุกวัน 10:00-20:00 น.
facebook: Paco.Bangkok 
instagram: pacobangkok

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ณัฐปคัลภ์ ทัศนวิริยกุล

นักเรียนฟิล์มที่มาฝึกงานช่างภาพ รักการถ่ายรูป ชอบกินของอร่อย และชอบใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนสนิท คนรัก