OOObkk คาเฟ่ของคนรักกาแฟที่คนไม่กินกาแฟก็โอเคนะคะ

Highlights

  • OOObkk คือคาเฟ่น้องใหม่ย่านทาวน์อินทาวน์ของ ฟ้า–นิโรธา วีรธรรมพูลสวัสดิ์ เจ้าของคาเฟ่ One Ounce for Onion ที่ชูจุดขายเรื่อง specialty coffee หรือกาแฟพิเศษเป็นเจ้าแรกๆ ในประเทศไทย
  • เมื่อเปิดร้านใหม่ ฟ้าก็ยังมีเมนูกาแฟพิเศษมาให้คนรักกาแฟได้จิบหนำสำราญกันเช่นเดิม เพิ่มเติมคือมีกาแฟที่เราๆ คุ้นหูกันอย่างเอสเพรสโซ มอคค่า และอื่นๆ มาขายในคุณภาพเกินราคา ด้วยความตั้งใจของฟ้าที่อยากให้ร้านนี้เป็นคาเฟ่ที่คนทุกกลุ่มมาแฮงเอาต์กันได้
  • ที่นี่ยังมีเมนูอาหารและเบเกอรีสูตรเฉพาะน่าลิ้มลอง ความพิเศษคือความสนุกของการใส่วัตถุดิบและเรื่องราวลงไปในแต่ละจาน แนะนำให้กินไปแล้วฟังเชฟเล่าไปจะเจริญอาหารอย่างยิ่ง

จำไม่ได้แล้วว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ฉันเลิกไปคาเฟ่

ทั้งที่เมื่อก่อนแทบจะเรียกได้ว่าเสพติด เสาร์-อาทิตย์เป็นอยู่นิ่งไม่ได้ ต้องตะแล้ดแต๊ดแต๋ออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ ฉันเคยชอบบรรยากาศอบอุ่นในคาเฟ่ แสงธรรมชาติ เสียงหวูดของเครื่องทำกาแฟที่ดังคลอไปกับเสียงเพลง ชอบบทสนทนาฟุ้งฝันระหว่างฉันกับเพื่อน

ในช่วงหนึ่ง คาเฟ่เคยเป็นเซฟโซนสำหรับฉัน คือที่ที่ฉันสามารถใช้เวลาจมอยู่ตรงนั้นได้ทั้งวัน ไม่ไปไหน

อาจเพราะเมื่อย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ คาเฟ่กลายเป็นสถานที่ที่ไกลทั้งในด้านระยะทางและความรู้สึก แทนที่จะอยู่ห้องเพื่อพักสมองจากการทำงานมาทั้งสัปดาห์ ทำไมฉันต้องดั้นด้นฝ่ารถติดไปนั่งในที่ทึมๆ กินกาแฟที่ฉันไม่ได้อินกับขนมที่ทางร้านรับมาจากที่อื่นอีกที (ซึ่งไม่มั่นใจว่าอร่อยไหม) จะนั่งทำงานนานๆ ก็เกรงใจ และแน่นอนว่าอยู่ได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องออกไป…เพราะหิวข้าว

เพราะแบบนี้ล่ะมั้งฉันถึงได้เลิกไปคาเฟ่

แต่นั่นคือก่อนที่ฉันจะเจอ OOObkk คาเฟ่ที่ขีดฆ่าทุกข้อจำกัดที่กล่าวมา

O1 คาเฟ่ที่ทลายข้อจำกัด

แสงแดดยามบ่ายส่องลอดช่องตัว O บนประตูตกกระทบพื้นปูน เมื่อเข้ามาด้านใน อย่างแรกที่สะดุดตาคือบาร์กาแฟปูนเปลือยขนาดใหญ่ และรอยยิ้มสดใสของ ฟ้า–นิโรธา วีรธรรมพูลสวัสดิ์ เจ้าของร้านผู้รอต้อนรับฉันอยู่

“OOObkk คือการจับมือกันระหว่าง One Ounce for Onion คาเฟ่เดิมของเรา กับ Espressoman บริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์เครื่องกาแฟและเมล็ดกาแฟ ซึ่งก็คือร้านที่อยู่ข้างๆ กันนี่แหละ” ฟ้าเล่าถึงจุดเริ่มต้นของคาเฟ่นี้ให้ฟัง และก็เฉลยว่าชื่อร้าน OOO (อ่านว่า โอ-โอ-โอ) นั้นมาจากชื่อ One Ounce for Onion คาเฟ่โซนเอกมัยซอย 12 นั่นเอง

“จากการทำ One Ounce for Onion อยู่ 6 ปี เรารู้สึกว่าคนที่มาคาเฟ่นั้นมีหลายจุดประสงค์ ทั้งชอบบรรยากาศ ชอบเข้ามาแฮงเอาต์ ชอบมาถ่ายรูป หรือบางคนมานัดคุยงาน มานั่งทำงาน แล้วก็มีอีกแบบหนึ่งคือคนที่กินกาแฟเพราะฟังก์ชั่นจริงๆ

“ตอนทำร้านเดิม เราเคยเป็นคนที่คุยกับลูกค้าเรื่องกาแฟแบบจริงจังมาก อยากให้ความรู้ เหมือนอยากพูดอะไรก็พูด ซึ่งเราลืมคิดจากมุมมองของคนกินไปว่า ลูกค้าทุกคนเขาอาจไม่ได้มาเพื่อฟังสิ่งที่เราพูดก็ได้ ทุกคนที่เข้ามาเขาก็อยากได้อะไรแฮปปี้กลับไปสักอย่างหนึ่ง จากประสบการณ์ตรงนี้ เราก็พยายามหาที่ที่จะเปิดโปรเจกต์ใหม่เพื่อทลายข้อจำกัดนั้น”

ฟ้านิโรธา วีรธรรมพูลสวัสดิ์

จากแนวความคิดนั้น OOObkk จึงเกิดขึ้นด้วยคาแร็กเตอร์ของร้านกาแฟที่เปิดกว้าง ผ่อนคลาย มีเมนูหลากหลาย และประนีประนอมมากขึ้น ด้วยคอนเซปต์ non-boundary experience ประสบการณ์แบบไม่มีขีดจำกัด หมายถึงการไม่มีเส้นกั้นระหว่างคนรักกาแฟพิเศษและคนกินกาแฟทั่วไป

ไม่ว่าคุณจะอินกับการดื่มกาแฟ หรือไม่เคยสนใจ ที่นี่จะเปิดประตูต้อนรับคุณเสมอ

 

O2 คาเฟ่ที่มอบประสบการณ์ใหม่

OOObkk ตั้งอยู่บนทำเลงามใจกลางย่านทาวน์อินทาวน์ นอกจากเพื่อนใหม่ที่ฟ้าได้เจอทุกวัน คาเฟ่แห่งนี้ยังมีแฟนๆ ที่ติดใจจากร้านเดิมตามมากิน

แม้คุณภาพจะเท่าเดิม แต่พวกเขาจะได้รับประสบการณ์ใหม่ในแง่ของพื้นที่และบรรยากาศ

“โจทย์ของเราคือไม่อยากทำให้ร้านอึดอัด อย่าง One Ounce for Onion คาเฟ่จะเป็นแนวลึก ด้วยข้อจำกัดของตัวอาคาร แสงธรรมชาติเข้าได้แค่ด้านเดียวทำให้ขาดชีวิตชีวา เราก็ได้เรียนรู้จากตรงนั้น”

เมื่อมีโอกาสได้มาทำคาเฟ่อีกครั้ง ฟ้าก็เจอความท้าทายใหม่คือโครงสร้างของฝ้าเพดานที่ต่ำ อยู่แล้วค่อนข้างอึดอัด เธอจึงปรึกษาสถาปนิกและจัดการรื้อฝ้าทั้งหมดใหม่ให้สูงขึ้น ยกให้เป็นแนวเดียวกับหลังคาสโลป จากนั้นก็ทำโครงสร้างคอนกรีตให้แสงธรรมชาติส่องลงมาอย่างทั่วถึง

พื้นที่ทรงสี่เหลี่ยมคางหมูก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าหนักใจ ฟ้าแก้ปัญหาด้วยการใช้ผนังทรงโค้งนูนเพื่อลดความทื่อ มีการใช้ตัว o ซ่อนในดีไซน์หน้าต่างเพื่อสอดรับกับชื่อร้าน และมีการแบ่งโซนเพื่อกำหนดให้คนเดินอย่างค่อยเป็นค่อยไปทีละจุดๆ คล้ายการเล่าเรื่องในนิทรรศการ

“ร้านเดิมที่เอกมัยมีบาร์กว้างแค่ 3 เมตร เรารู้สึกว่ามันขาดการพูดคุยกัน อยากให้มีพื้นที่ที่เราเจอกับลูกค้าให้มากกว่านี้ จึงตัดสินใจแบ่งบาร์ให้เป็น 2 บาร์

“ถ้าลูกค้าเดินเข้ามา เขาจะเห็นบาร์ชงกาแฟก่อนเป็นอันดับแรก เป็น speed bar ที่ออกเครื่องดื่มทำเร็วๆ เหมาะสำหรับคนที่อยากซื้อกลับไปเร็วๆ ซื้อแล้วเอาไปถ่ายรูป เมื่อเดิมอ้อมผนังไปด้านหลัง เขาจะเจอ slow bar ซึ่งจะออกเครื่องดื่มที่ต้องใช้เวลา พวกดริป ฟิลเตอร์ น้ำปั่น ลูกค้าสามารถนั่งหน้าเคาน์เตอร์เพื่อดูบาริสต้าชงกาแฟได้เลย”

โต๊ะกับที่นั่งในร้านทั้งหมดคือเฟอร์นิเจอร์จากยุค mid-century มีการคุมธีมสีให้เข้ากับความปูนเปลือย ที่สำคัญคือเพียงพอกับลูกค้าทุกกลุ่ม ไม่ว่าคุณจะมาคนเดียว เป็นคู่ หรือแบบกลุ่ม ก็มั่นใจได้เลยว่าไม่ต้องยืนเก้อ ฟังก์ชั่นของที่นั่งก็สะดวกสบายต่อการนั่งจิบกาแฟ แฮงเอาต์กับเพื่อน หรือแม้กระทั่งการมาหามุมสงบๆ เพื่อนั่งทำงานก็ดี แต่ถ้าใครมีจุดประสงค์เพื่อถ่ายภาพ ฟ้าขอแนะนำช่วงเช้าตอนเปิดร้านใหม่ๆ ที่ไม่ค่อยมีคน รับรองว่าคุณจะได้เซลฟีกับผนังปูนเปลือยได้สบายอารมณ์แน่นอน

O3 คาเฟ่ที่เป็นทุกอย่างให้คุณแล้ว

แม้คาเฟ่แห่งใหม่จะให้ความสำคัญกับการประนีประนอมกับลูกค้า แต่สิ่งหนึ่งที่ฟ้าบอกฉันว่าจะยอมไม่ประนีประนอมเลยคือ การรักษาคุณภาพของอาหารและเครื่องดื่มให้ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ เธอยังสนุกกับความหลากหลายและความพิเศษที่ใส่ลงไปในทุกๆ เมนู

“ส่วนมากเวลาคนไปคาเฟ่จะคิดถึงน้ำดื่มสักแก้วกับขนมสักชิ้น แต่จริงๆ มันจะมีคาเฟ่ที่เสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มทั้งสองอย่างในที่เดียว เราเจอคาเฟ่แบบนี้ตอนไปเที่ยวออสเตรเลีย รู้สึกว่า เฮ้ย มันมีชีวิตชีวาจังเลย แทนที่ลูกค้าจะมาที่นี่เพื่อนั่งพัก เขาสามารถอยู่ได้นานขึ้น หิวข้าวก็สั่งอาหาร ไม่หิวก็สั่งขนม หรือเพื่อนมาเป็นกลุ่ม คนหนึ่งหิว คนหนึ่งไม่หิว ก็แยกกันสั่งได้

“เราเลยเซตเป้าหมายขึ้นมาว่า อยากเป็นคาเฟ่ที่ดีได้ทั้งกาแฟและส่วนที่เป็นอาหาร ซึ่งยากมาก เพราะทีมทั้งสองด้านจะต้องแข็งทั้งคู่”

เพราะฉะนั้น ทีมที่ฟ้าเลือกมาทำงานด้วยคือทีมงานที่มีสกิลและแพสชั่นในด้านนั้น เริ่มจากทีมบาริสต้าที่เชี่ยวชาญการทำกาแฟ โดยเฉพาะกาแฟพิเศษที่ต้องร่วมกันเลือกเมล็ดกับโรงคั่ว Espressoman โดยคำนึงถึงรสชาติที่อยากได้ก่อน จากนั้นจึงคิดกลับไปว่าการจะได้รสชาติแบบนี้ต้องใช้เมล็ดแบบใดและมีวิธีการทำยังไง

ทีมบาริสต้าแบ่งเมล็ดกาแฟออกเป็น 3 ประเภท ตัวแรกคือ เมล็ดโทนฟรุตตี้ จากเอธิโอเปียและโคลอมเบีย คั่วอ่อนถึงกลาง รสชาติติดเปรี้ยวเหมาะสำหรับคนที่ชอบกินกาแฟ แต่ไม่อยากได้กลิ่นขมหรือกลิ่นไหม้ หรือหากใครไม่ชอบกินกาแฟเข้ม แต่ก็ไม่ได้กินกาแฟเปรี้ยว ที่ร้านก็มี เมล็ดโทนนัตตี้ หรือเรียกง่ายๆ ว่าโทนถั่วนำเข้าจากบราซิลและในบ้านเรา เป็นกาแฟคั่วกลางที่ไม่ขมหรือไหม้ ไม่มีกลิ่นผลไม้ แต่มีความเข้มข้นของรสชาติกาแฟพอสมควร

และชอยซ์สุดท้ายสำหรับคอกาแฟที่เลิฟกาแฟเข้มๆ ต้องโดน เมล็ดดาร์กโรสต์ จากไทยและบราซิล พูดเลยว่ารสชาตินั้นจัดจ้านในย่านทาวน์อินทาวน์ และเต็มไปด้วยกลิ่นที่ทำให้รู้สึกถึงความเข้มของกาแฟเป็นพิเศษ

O4 คาเฟ่ที่ทุ่มเทหัวใจเพื่อความสุขของลูกค้า

เมนูอาหารก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะฟ้ามีความเชื่อว่าอยากให้ OOObkk นั้นเป็นคาเฟ่ที่สตาร์ทจากไอเดียของเธอและทีม ทุกเมนูมีการปรึกษากับทีมงาน ไม่ว่าจะเป็นเมนูในหมวดหมู่ที่ลูกค้าคุ้นเคยหรือเมนูที่เปิดประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้า ที่สำคัญทุกเมนูจะสร้างสรรค์จากคนที่เชี่ยวชาญเรื่องนั้น แต่ก็ไม่ลืมใส่ความสนุกลงไปเป็นสีสันของแต่ละจาน

ความโดดเด่นของอาหารคือมีการผสมผสานด้านวัตถุดิบ เทคนิคการทำ และวัฒนธรรมอันหลากหลายลงไป เช่น การใช้เส้นอูด้งผัดกับครีมด้วยเทคนิคแบบตะวันตก หรือการใช้แป้งต็อกบกกีผสมกับซอสพิซซ่า

หรืออย่างเครื่องดื่มและขนม ลูกค้าจะเจอเมนูที่สั่งแล้วได้อย่างนั้นแน่นอน แต่ร้านจะมีกระบวนการทำบางอย่างที่พิเศษกว่าปกติ “เช่น เมนูเลมอนฮันนี่โซดา เราจะเอาเลมอนไปดองกับน้ำผึ้งก่อน 2-3 วัน มันอาจเป็นขั้นตอนหลังบ้านที่ลูกค้าไม่รู้ แต่เรารู้ และเราต้องการรักษาคุณภาพที่พิเศษแบบนี้ไว้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ลูกค้าจะได้กลับไปคือเครื่องดื่มที่ทานแล้วมีความสุข

“หรือขนม ในครัวเราก็มี pastry chef หนึ่งคนที่รับผิดชอบส่วนนี้โดยเฉพาะ ทุกอันทำสดใหม่ และเปลี่ยนแปลงเมนูแต่ละวันให้ลูกค้าเก่าเซอร์ไพรส์ได้ตลอด อาจมีเมนูที่ดูธรรมดามากอย่างเค้กกล้วยหอม แต่เราจะทำยังไงให้เค้กกล้วยหอมของเราเป็นที่ประทับใจ นี่คือโจทย์

“เราอยากให้ทุกคนเข้ามาอยู่ร่วมกันในพื้นที่นี้ได้ ไม่อยากจำกัดว่าต้องเป็นคนกินกาแฟอย่างเดียวนะ เพราะฉะนั้นขอบเขตราคาก็จะตั้งไว้กว้างด้วยเช่นกัน ตั้งแต่ 70-200 บาทสำหรับเครื่องดื่ม และอาหารสตาร์ทที่ 140-300 บาท”

 

O5 คาเฟ่ตัวโอที่ทุกเมนูเป็นมากกว่าคำว่า ‘โอเค’

ฟ้ากลัวว่าเล่าไปแล้วฉันจะไม่รู้รส ไม่รอช้า เธอจัดแจงอาหารจานแรกมาเสิร์ฟทันที

“คอนเซปต์ของอาหารที่นี่คือ upscale homecook ครับ” อาหารถูกยกพร้อมกับการปรากฎตัวของ เชฟแทน–ภากร โกสิยพงษ์ head chef ของ OOObkk ที่มาเล่าให้เราฟังถึงโต๊ะ “หมายถึงเป็นอาหารทำกินที่บ้านได้ แต่ดีเทลเยอะ รายละเอียดเยอะ มากินที่นี่ดีกว่า บรรยากาศอบอุ่น homey เหมือนที่บ้านเลย”

จานแรกของเราวันนี้คือ OOO’s on toast เมนู all-day breakfast เสิร์ฟตลอดทั้งวัน เชฟเลือกเสิร์ฟเมนูมังสวิรัติให้ฉัน โดยใช้ขนมปังบริยอชแผ่นหนาจากร้าน Conkey’s Bakery ราดซอสครีมมะเขือม่วงเผา แล้วโปะด้วยยำบีทรูตที่คลุกเคล้าบีทรูททรงลูกเต๋า เฟดด้าชีส และผักร็อกเก็ตป่าเข้าไปอีกชั้น ท็อปด้วยดอกเอื้องเข็มแสดรสชาติหวานหอมสดชื่น ทานคู่กับโปเตโต้ชิพโฮมเมดกรอบๆ เพลินๆ รู้ตัวอีกทีก็เกลี้ยงจาน

จานต่อมาคือ Korean pizza เป็นลูกครึ่งระหว่างอิตาเลียน ไทย เกาหลี ปกติเราจะเห็นเมนูจากอิตาลีมีซอสโบโลเนสที่ทำจากซอสมะเขือเทศ แต่จานนี้ใช้ซอสโคชูจังเข้มข้นผัดกับหมู เหยาะน้ำปลาเพิ่มความอูมามิ รสชาติเผ็ด เค็ม มันคล้ายน้ำพริกอ่องบ้านเรา แต่พระเอกของจานนี้ต้องยกให้ข้าวเหนียวเกาหลีหรือ ต็อกบกกี หนึบกรอบ เป็นส่วนผสมต่างวัฒนธรรมที่ไม่น่าเชื่อว่าเข้ากันดีกับพาเมซานชีส  ใบโหระพา และดอกดาวกระจาย

จานที่สาม Chinese fried chicken with side of rice, noodle or bao คือสะโพกไก่กรอบนอกนุ่มใน ราดซอสเพรสโต้สไตล์จีนทำจากโหระพา งา ต้มหอม ขิง หอมแดง น้ำมันงา ให้ความเผ็ดที่หอมฉุนต่างไปอีกแบบ เสิร์ฟพร้อม accessories เคี้ยวสนุกอย่างผักสลัดผัดน้ำมันงา แคร์รอทชิพ และดอกแวววิเชียรกินได้ ก่อนกินต้องราดซอสทีเด็ดบนชิ้นเนื้อไก่ ซึ่งเชฟได้แรงบันดาลใจมาจากน้ำจิ้มข้าวมันไก่จากเซี่ยงไฮ้ที่เป็นน้ำจิ้มซีอิ๊ว ทานคู่กับหมั่นโถวเนื้อเนียนหรือเส้นบะหมี่ เส้นปอหรือเส้นแบน หรือข้าวก็อิ่มอร่อยไม่ต่างกัน

หลังจาก 3 จานเด็ด เฮดบาริสต้า ศร–ดิศรณ์ ชาติวิทยา ก็ยกเครื่องดื่มและขนมเซตใหญ่มาตบท้าย เริ่มจาก banana cake ที่ฟังชื่อแล้วอาจธรรมดา แต่เค้กกล้วยหอมของที่นี่มีการโปะเนยถั่วหวานพอดี เพิ่มอัลมอนด์คาราเมลกรุบๆ บอกเลยว่าคำเดียวไม่เคยพอ ยิ่งดีงามเมื่อกินคู่กับ dirty เครื่องดื่มสูตรพิเศษของร้านที่เลเยอร์ล่างคือนมทำเอง ส่วนเลเยอร์บนคือช็อตกาแฟ เวลาทานให้ยกกระดกโดยไม่ต้องคน จะได้บาลานซ์ทั้งความร้อนเย็น และหวานขมให้กลมกล่อมอยู่ในปาก

หลังลิ้มรสความละมุน ฉันตัดเลี่ยนด้วย carrot cake เผ็ดกึ่งหวานเพราะมีทั้งขิงและแคร์รอตในเนื้อเค้ก เสิร์ฟพร้อมกับครีมชีสรสชาติเปรี้ยวมัน เข้ากันดีกับ yuzu punch เมนูที่พนันได้เลยว่าสาวๆ ทั้งหลายต้องชอบ เพราะมีเยลลียูซุเคี้ยวเพลินๆ ผสมน้ำพันช์หวานหอม ทานแล้วสดชื่น

ตบท้ายด้วย Coffee granita & lemon with meringue เมนูเกล็ดน้ำแข็งอารมณ์บิงซู ที่ทำจากกาแฟผสมกับน้ำเลมอนที่นำไปฟรีซแล้วขูดเป็นเกล็ด ท็อปด้วยเมอแรงจากไข่ขาวและน้ำตาล เวลากินต้องตักเมอแรงกินพร้อมกับกรานิต้า จะได้รสหวานขมพร้อมความชุ่มฉ่ำของเกล็ดน้ำแข็ง และได้กลิ่นหอมเปรี้ยวนิดๆ จากเลมอนฝานดอง

หลังจัดการทุกเมนูจนเกลี้ยง ฉันปล่อยตัวเองให้นั่งอยู่กับที่อยู่นาน ด้วยอยากซึมซับความรู้สึกดีๆ จากการมาขลุกตัวในคาเฟ่ ซึ่งครั้งหนึ่งฉันเคยโปรดปรานมากกว่าสิ่งไหน

OOObkk ทำให้คิดถึงความรู้สึกตอนนั้น และถ้าหากให้แนะนำ คนที่เลิกไปคาเฟ่แล้วอย่างฉันคงบอกต่อว่าที่นี่ไม่โอเคนะ

ถ้าจะมีคาเฟ่ที่เป็นทั้งบาร์กาแฟ ห้องอาหาร โต๊ะทำงาน มุมถ่ายรูป เป็นทุกอย่างให้ฉันแล้วขนาดนี้ คำว่าโอเคคงน้อยไปล่ะมั้ง

ใช้คำว่าอะไรดี

ต้องมาให้ได้ คำนี้ได้ไหม

 


OOObkk cafe

address: สามแยกโลตัสทาวน์อินทาวน์
hours: วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08:00-19:00 น., เสาร์-อาทิตย์ เวลา 08:00-20:00 น.
tel: 098-812-4649
facebook: ooobkk

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

สรรพัชญ์ วัฒนสิงห์

ชีวิตต้องมีสีสัน