Oh My Green Friends! รายการสัมภาษณ์ที่ชวนทุกคนกรีน ตั้งแต่ผู้ชม แขกรับเชิญ พิธีกร ยันทีมงาน

Oh My Green Friends! รายการสัมภาษณ์ที่ชวนทุกคนกรีน ตั้งแต่ผู้ชม แขกรับเชิญ พิธีกร ยันทีมงาน

ทุกวันนี้เปิดดูในโซเชียลมีเดียเรามักเห็นคอนเทนต์รักษ์โลกที่บอกเล่าความรุนแรงของภาวะโลกร้อนผ่านปรากฏการณ์น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ไฟป่า ภัยแล้ง ไปจนถึงน้ำท่วมหนักอย่างในบ้านเรา แม้ทุกอย่างกำลังเกิดขึ้นจริง แต่ทำไมคนมากมายยังไม่สนใจ ราวกับเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อยู่นะ

เราเชื่อว่าทุกคนมีสิ่งที่ชอบ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะรู้ว่าความชอบเหล่านั้นอาจหายไปในอนาคตจากการที่โลกร้อนขึ้น ไม่ว่าคุณจะชอบกินเนื้อ เป็นคอกาแฟ หรือรักการดำน้ำ ทั้งหมดจะได้รับผลกระทบในวันหนึ่ง ฟังแล้วน่าเศร้า แต่มันกำลังเกิดขึ้นจริง

วันหนึ่งทีมงานของ a day BULLETIN หนึ่งในสื่อเพื่อนบ้านของเราได้พูดคุยกับทีมงานผู้อยู่เบื้องหลังโปรเจกต์ ‘เปลี่ยน…เพื่อโลกที่คุณแคร์’ วีนัส อัศวสิทธิถาวร Enterprise Brand Management Office Director จาก SCG ที่มีแนวคิดเดียวกัน คือเล่าเรื่องภาวะโลกร้อนในมุมใกล้ตัว เพื่อชวนทุกคนปรับการใช้ชีวิตให้กรีนขึ้นเพื่อลดโลกร้อน

Oh My Green Friends

แต่การปรับชีวิตเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้กลายเป็นสายกรีนอย่างยั่งยืนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเราเคยชินกับการใช้ชีวิตแบบเดิมมาตั้งนาน อยู่ดีๆ จะให้ลด ละ เลิกสิ่งที่สะดวกสบายกว่า มันก็ต้องยากกว่าเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นการมีเพื่อนร่วมทางในการเปลี่ยนเป็นสายกรีนจึงสำคัญ เพราะจะได้ช่วยกันแบ่งปัน ส่งต่อความรู้ และแลกแรงบันดาลใจ

a day BULLETIN จึงร่วมมือกับ SCG จับมือกันทำซีรีส์สัมภาษณ์ Oh My Green Friends! ชวนเพื่อนๆ สายกรีนหลายแนวมาจับเข่าคุยถึงการใช้ชีวิตของแต่ละคน ว่ากว่าจะกรีนได้อย่างทุกวันนี้ไม่ใช่พยายามครั้งเดียวแล้วผ่านฉลุย แต่ต้องผ่านบททดสอบทางจิตใจ และเรียนรู้จากข้อผิดพลาดมานับครั้งไม่ถ้วน 

Oh My Green Friends

มิ้ง–มิ่งขวัญ รัตนคช ครีเอทีฟของรายการ อินเรื่องกรีนไม่แพ้ใคร เบื้องหลังการทำงานจึงพยายามนำแนวคิดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาปรับใช้กับการถ่ายทำ โดยชวนทุกคนในกองถ่าย ตั้งแต่แขกรับเชิญ พิธีกรอย่าง ตุลย์–ภากร ธนศรีวนิชชัย และทีมงานทุกคน นำโดยโปรดิวเซอร์ จุ้ย–ปริญญา ก้อนรัมย์ มาลองออกกองถ่ายแบบกรีนๆ ทั้งลดใช้กระดาษ คัดแยกขยะทุกชิ้นในกองถ่าย เพื่อส่งไปรีไซเคิล และ carpool ติดรถกลับบ้านไปด้วยกัน

และนี่คือเรื่องราวกว่าจะมาเป็น Oh My Green Friends! ที่ทีมงานเบื้องหลังรายการคือเพื่อนร่วมทางสายกรีนของทุกคนเช่นกัน

มองประเด็นต่างมุม

จุ้ยเริ่มเล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้น “ตอนเห็นแคมเปญและภาพยนตร์โฆษณา ‘เปลี่ยน…เพื่อโลกที่คุณแคร์ – SCG’  ในยูทูบครั้งแรก ทีมงาน a day BULLETIN ยังคุยกันอยู่เลยว่าเป็นแนวคิดเดียวกับที่เราพยายามสื่อสารมาตลอด คือโลกร้อนหรือ climate emergency เนี่ยมันใกล้ตัวทุกคนกว่าที่คิด 

“เพื่อให้คนทั่วไปเห็นภาพและเชื่อมโยงได้ ว่าตัวเขาจะได้รับผลกระทบอะไรจากการที่อุณหภูมิโลกสูงขึ้นแค่หนึ่งถึงสององศาเซลเซียส เพราะภาพไฟป่าหรือน้ำแข็งขั้วโลกละลายแบบที่เราสื่อสารกันมาตลอด มันใหญ่ไป คนไม่เก็ต

“วันต่อมา เราบังเอิญได้เจอกับพี่ตู่ (วีนัส อัศวสิทธิถาวร), พี่อู๊ด, แมค และโอปอ ทีมงานของ SCG ที่ดูแลแคมเปญนี้ และอีกหลายๆ โปรเจกต์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ผ่านมาของ SCG ว่าคงน่าสนุกและน่าสนใจไม่น้อยถ้าเราจับมือกันทำโปรเจกต์ต่อเนื่องจากภาพยนตร์โฆษณาที่ได้ดูกันไป

“เลยกลายมาเป็นโปรเจกต์ซีรีส์สัมภาษณ์ Oh My Green Friends!

Oh My Green Friends

ตั้งโจทย์เล่าเรื่องให้ถูก

มิ้งอธิบายต่อว่า “หลังดูภาพยนตร์โฆษณาจบ คุณจะเริ่มเห็นความเชื่อมโยงของภาวะโลกร้อนกับสิ่งใกล้ตัว อีก 30 ปีจะไม่มีที่ไหนในโลกปลูกโกโก้ได้อีก สนามฟุตบอลบางพื้นที่จะจมอยู่ใต้น้ำ สัตว์ทะเลสูญพันธุ์มหาศาล และฝุ่นพิษ PM2.5 จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งชัดทั้งเคลียร์ 

“โจทย์ที่ตามมาคือ คนรู้แล้วว่าโลกร้อนจะกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันแน่ๆ อาหารโปรด กิจกรรมที่ชอบทำ ความฝันที่ต้องการจะหายไปทั้งหมด แล้วในฐานะคนธรรมดาจะทำอะไรบ้าง ฉันไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ผู้นำประเทศ ไม่ใช่อินฟลูเอนเซอร์มีชื่อเสียง ฉันทำอะไรได้บ้าง เพื่อช่วยโลกใบนี้ นี่คือโจทย์แรก

“และเราเชื่อว่ามีคนมากมายที่เข้าใจเรื่องผลกระทบของโลกร้อนมานานแล้วว่าใกล้ตัว พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง พยายามจะกรีนขึ้นแล้ว แต่มันยากกว่าที่คิดนะถ้าจะทำไปตลอดอย่างยั่งยืน อย่างเราเองมีเพื่อนหลายคนที่ลองพกกระติกน้ำ พกกล่องข้าว ลดการกินเนื้อสัตว์ แยกขยะที่บ้าน ทำทุกอย่าง ฟูลออพชั่นเลยนะ อารมณ์ว่าฉันจะโกกรีนแล้วต้องไปให้สุด สุดท้ายทำได้แป๊บเดียวก็เลิก ถอดใจไปเลย

“โจทย์ต่อมาจึงเน้นไปที่คนที่เริ่มต้นเปลี่ยนแล้วจะรักษาเขาไว้ยังไงจนเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ได้อย่างยั่งยืน ทำยังไงไม่ให้คนหมดกำลังใจ ไม่ให้เครียดจนกดดัน เข้าใจว่าการเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ง่ายต้องใช้เวลา และอาการเหนื่อย ท้อ มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคน”

ตอบคำถามที่คนฟังอยากรู้

ทีมงานลองไปทำแบบสำรวจกับคนรุ่นใหม่ เพื่อหาคำตอบว่าการที่คนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้กรีนขึ้นอย่างยั่งยืนได้ จะต้องมาจากปัจจัยอะไรบ้างกันแน่

“คำตอบของน้องๆ น่าสนใจมาก พวกเขาอยากรู้ว่าสิ่งที่ทำสร้างอิมแพกต์ต่อโลกในภาพกว้างจริงๆ การลงมือลงแรงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจะได้ไม่สูญเปล่า แม้จะเล็กน้อย แต่เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นหนึ่งในการลดโลกร้อนจริงๆ ไม่ได้เหนื่อยเปล่า ที่สำคัญคือต้องไม่สร้างความยากลำบากมากจนชีวิตไม่มีความสุข อยากรักษ์โลก อยากกรีนขึ้นนะ แต่ถ้าทำไปน้ำตาไหลไปก็ไม่ไหวนะ ใช้ชีวิตให้ผ่านไปในแต่ละวันมันก็ยากอยู่แล้ว

“และอีกข้อที่น่าสนใจคือน้องๆ รุ่นใหม่ไม่ได้มองแค่ตัวเองเปลี่ยนเป็นสายรักษ์โลก แต่เขารู้สึกว่าภาครัฐและเอกชนเองก็ต้องกรีนขึ้นด้วยหรือเปล่า ไม่ใช่คนตัวเล็กๆ เปลี่ยนแล้วแต่คนตัวใหญ่ยังไม่รู้ร้อนรู้หนาว แบบนี้คนที่ตั้งใจดีจะยิ่งหมดกำลังใจ”

จุ้ยอธิบายต่อถึงการทำงานว่าเมื่อได้อินไซต์มาแล้ว ขั้นต่อมาคือส่วนสำคัญที่สุดในการทำรายการสัมภาษณ์ นั่นคือการเลือกแขกรับเชิญ “บทสนทนาจะเกี่ยวกับเรื่องอะไร คอนเทนต์ที่ได้จะตอบโจทย์ที่เราตั้งไว้หรือไม่ อยู่ที่การเลือกแขกรับเชิญที่จะมาพูดคุยกับเรา”

ชวนเพื่อนมาคุยกัน

มิ้งเล่าอย่างตั้งใจว่า “แขกรับเชิญจะต้องเป็นตัวอย่างความสำเร็จ ที่แสดงให้เห็นว่าทุกคนสามารถใช้ชีวิตอย่างเป็นมิตรกับโลกได้โดยไม่ทำให้ชีวิตยากเกินไปนัก และทุกคนที่พยายามเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ต้องเคยประสบภาวะหมดกำลังใจ แม้แต่คนที่เราเห็นว่าใช้ชีวิตโคตรจะกรีน เขาก็มีวันที่ขี้เกียจเหมือนกัน และนี่คือวิธีที่แขกรับเชิญดีลกับตัวเอง

“นอกจากนี้เราตั้งใจเลือกแขกรับเชิญที่สไตล์ต่างกันอย่างชัดเจน มีความถนัดและความชอบของตัวเอง ตามแนวคิดของแคมเปญ ‘เปลี่ยน…เพื่อโลกที่คุณแคร์’ ที่เชื่อว่าทุกคนมีโลกที่ตัวเองแคร์ 

“ดังนั้น เพื่อเยียวยาภาวะโลกร้อนให้ความชอบของเรายังคงอยู่ แขกรับเชิญแต่ละคนจะมาเล่าประสบการณ์ เพื่อให้ไกด์ไลน์ทางลัดกับคนรุ่นใหม่ที่ดูรายการ Oh My Green Friends! ว่ามันมีวิธีสนุกๆ ครีเอทีฟๆ มากมาย การเปลี่ยนเป็นสายกรีนอย่างยั่งยืนไม่ได้ยากอย่างที่คิด แค่ต้องใช้เวลาอย่างสม่ำเสมอค่อยเป็นค่อยไป”

Oh My Green Friends

 แขกรับเชิญ 10 คน สำหรับ 10 ตอนของรายการ Oh My Green Friends! จึงมีทั้งสายโหด มัน ฮา แบบ นิว–ชัยพล พูพาร์ต และ รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น สายไลฟ์สไตล์อย่าง นท พนายางกูร และ เต้ย–จรินทร์พร จุนเกียรติ สายทำโปรเจกต์กรีนจริงจังอย่าง ซี–สิโมนา มีสายญาติ พิธีกรรายการ 2 องศา, อัด–อวัช รัตนปิณฑะ โปรเจกต์ Save Thailay, เมย์–ภัททิยา ธนศรีวินิชชัย เจ้าของแบรนด์ HappiCup, ตี๋–พรรณรังสี วัชรินทร์ แห่ง Plas-Repeat และสายฟื้นฟูพื้นที่ชุมชนอย่าง วินเนอร์–วินชนะ พฤกษานานนท์ เกาะมันนอกรีสอร์ต และกลุ่มยังธน

“เพราะอยู่ในแวดวงกรีนๆ อยู่แล้ว แขกรับเชิญบางคนเราเคยสัมภาษณ์ พูดคุย พบเจอกันมาก่อน แม้บางคนอาจจะไม่เคยรู้จักมาก่อนอย่าง พี่ตี๋ Plas-Repeat แต่แค่โทรศัพท์ไปคุย ก็รู้เลยว่าเรื่องราวของพี่เขาเป็นสิ่งที่เรากำลังหาอยู่ และเป็นคำตอบในการเปลี่ยนไลฟ์สไตล์สายกรีนอย่างยั่งยืนที่เราตั้งใจส่งมอบให้ผู้ชมรายการ Oh My Green Friends!

เดอะแบกแห่งรายการ

หัวใจของรายการสัมภาษณ์คือแขกรับเชิญก็จริง แต่เดอะแบกของรายการคือพิธีกรรายการ

“ทีมงานคิดไม่ตกว่าใครจะมาเป็นเดอะแบก รับหน้าที่ผู้ดำเนินรายการ Oh My Green Friends! เพราะคนคนนั้นต้องมีความเข้าใจเรื่องรักษ์โลกในระดับที่พอจะต่อบทสนทนากับแขกรับเชิญได้ และในขณะเดียวกันก็ต้องคุยสนุก เฮฮา ไม่วิชาการจ๋า เพราะเราตั้งใจให้เรื่องกรีนจับต้องได้ เป็นเรื่องไม่เครียด

“มีรายชื่อพิธีกรและนักแสดงหลายคนถูกเสนอขึ้นมา ส่วนใหญ่เป็นสายกรีนอยู่แล้ว เห็นหน้าก็รู้เลยว่าคนนี้เป็นพิธีกรสายรักษ์โลก แต่เราไม่อยากให้เป็นแบบนั้นน่ะสิ เราอยากนำเสนอเรื่องกรีนในมุมมองที่แปลกใหม่ พิธีกรควรเป็นใครสักคนที่สนใจเรื่องกรีนนะ แต่ยังไม่ expert ขนาดนั้นเหมือนกัน กำลังพยายามเปลี่ยนตัวเองอยู่ เพื่อให้เขาเป็นตัวแทนเรียนรู้ไปพร้อมเพื่อนๆ ที่ชมอยู่ทางบ้าน”

มิ้งเล่าต่อยิ้มๆ ว่า “แล้วชื่อหนึ่งก็ปิ๊งขึ้นมา ตุลย์–ภากร ธนศรีวินิชชัย ตุลย์เป็นเพื่อนสมัยเรียนที่คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ ของเรา ปกติตุลย์จะอินเรื่องสังคมและโลกในภาพกว้างอยู่แล้ว พูดง่ายๆ คือเป็นคนติดตามข่าวสารและสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนั่นแหละ ช่วงสองสามปีที่ผ่านมาถ้าติดตามทางโซเชียลฯ จะเห็นเลยว่าตุลย์อินเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในเชิงนโยบาย และตุลย์เองก็กำลังพยายามปรับไลฟ์สไตล์ให้กรีนขึ้นอยู่เหมือนกัน แต่เจอ pain point เดียวกับกลุ่มเป้าหมายที่เล่าไปข้างต้นเป๊ะ

“ที่สำคัญคือตุลย์มีโหมดจริงจัง และโหมดตลกโปกฮา ที่เราว่าเหมาะกับการดำเนินรายการ Oh My Green Friends! ที่สุด”

ทุกคนมีครั้งแรกเสมอ

“ปกติเวลาทำโปรเจกต์เราจะชวนทีมงานพกกระติกน้ำและแยกขยะอยู่แล้ว นี่เรากำลังทำรายการที่พูดเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนโดยตรง แล้วทำไมเราจะไม่ทำงานกันแบบ circular shooting ล่ะ จริงไหม” มิ้งเอ่ยขึ้น

จุ้ยเล่าว่า “โชคดีที่ SCG สนับสนุนความคิดนี้เต็มที่ เลยไม่ต้องกังวลจะถูกมองว่ากองถ่ายของเราจงใจประหยัดงบบางส่วน เพื่อเอากำไรเข้ากระเป๋าหรือเปล่า”

circular economy คือการหมุนเวียนทรัพยากรและพลังงาน ให้ใช้ต่อเป็นวงกลมต่อไปไม่สิ้นสุด ไม่ใช่แค่การลดการสร้างขยะ แต่รวมถึงทุกสิ่งที่เราทำ เช่นเดียวกับภาวะโลกร้อน ก๊าซเรือนกระจกเกิดขึ้นจากทุกกิจกรรม ขับรถมากองถ่าย โทรศัพท์สั่งกาแฟ พิมพ์สคริปต์ใส่กระดาษ circular shooting คือการออกกองถ่ายแบบที่เราพยายามลดการเกิดก๊าซเรือนกระจก ลดการใช้ทรัพยากรลง

“แล้วเราลดอะไรไปบ้าง อย่างแรกคือลดการใช้บรรจุภัณฑ์ใช้ครั้งเดียวทิ้ง ใครสะดวกพกแก้ว กระติกน้ำมาเอง เรามีจุดบริการน้ำดื่มให้ ถ้าใครไม่สะดวก หิ้วแก้วกาแฟจากร้านสะดวกซื้อหรือเครื่องดื่มกระป๋องมา ดื่มหมดแล้วรบกวนเทน้ำแข็งลงในอ่าง ล้างน้ำเปล่า และทิ้งลงในถังที่แยกประเภทขยะไว้

Oh My Green Friends
Oh My Green Friends

“อย่างต่อมาคือเราเชิญชวนแกมบังคับ (หัวเราะ) ให้ทุกคนแยกขยะเป็น 4 ประเภทใหญ่ คือ ขยะอาหาร พลาสติกรีไซเคิล กระป๋องรีไซเคิล และขยะทั่วไป พี่ๆ ช่างภาพบางคนไม่เคยแยกขยะมาก่อนเลยในชีวิต วันแรกๆ ของการออกกองผ่านไปแบบทุลักทุเลมาก ก่อนหน้านี้บางคนมองว่ายุ่งยาก แต่พอได้ลองทำจริงๆ เฮ้ย มันไม่ได้ยากขนาดนั้น อย่างข้าวกล่องทีมงาน กินกันเสร็จ ถังก็มีอยู่แล้ว แค่เขี่ยอาหารออก ล้างพอสะอาดให้หมดคราบมัน หย่อนลงถังพลาสติกรีไซเคิล มันก็ไม่ต้องไปจบชีวิตในบ่อฝังกลบแล้ว” มิ้งว่า

จุ้ยเสริมต่อ “เอาจริงเสียดายนะ ถ้าเตรียมการดีกว่านี้เราน่าจะไปได้ไกลถึงขั้นส่งปิ่นโต หรือสั่งอาหารแบบเป็นถาดมาให้ทีมงานตักกินเลย ไม่ต้องใช้กล่องพลาสติก แต่ด้วยสถานการณ์โควิด 19 ด้วย เราเลยคิดว่าในครั้งนี้ทำได้ประมาณนี้ก็แฮปปี้แล้ว

“เราพยายามลดการใช้กระดาษเท่าที่ทำได้ คือยังมีพิมพ์สคริปต์ลงกระดาษอยู่ เพราะมันอ่านง่ายกว่าสำหรับคนหน้ากล้อง แต่ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนที่ต้องพิมพ์แจกคนทั้งกอง เลิกกองทีกระดาษใช้แล้วมีเป็นตั้งๆ ครั้งนี้คือใช้น้อยลงมาก และใช้แบบหน้าหลังด้วย เหมือนเล็กน้อย แต่ถ้ามองเป็นหลายๆ กองถ่าย มันก็ถือเป็นกระดาษจำนวนมหาศาลนะ”

Oh My Green Friends

มิ้งเล่าทิ้งท้ายว่า “ความน่ารักคือทุกคนที่เราทำงานด้วยเขาเอากับแนวคิดของกองถ่ายเราด้วย แขกรับเชิญทุกคนก็มาพร้อมกระติกน้ำของตัวเอง หรือตุลย์ที่ยินดีช่วยสุดๆ อาสาขนเสื้อผ้ามาจากที่บ้านสำหรับตัวเองและเผื่อเป็นพร็อพให้แขกรับเชิญคนอื่นๆ ด้วย จะได้ไม่ต้องไปหาเสื้อผ้าชุดใหม่มาเข้าฉาก คือเป็นทั้งพิธีกรและสไตล์ลิสต์ เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว (หัวเราะ) และเราพยายามปลูกวัฒนธรรมทางเดียวกัน มาด้วยกันกลับด้วยกันในกองถ่ายนี้ แยกเป็นโซนเลย บ้านใครโซนเดียวกัน ให้มารถคันเดียวกันนะ”

Oh My Green Friends

สุดท้ายนี้ทีมงานฝากชวนเพื่อนๆ มากรีนไปด้วยกัน กับรายการ Oh My Green Friends! ได้ทุกช่องทางของ a day BULLETIN ที่นี่เลย!

Facebook : facebook.com/watch/adaybulletin/915450819317280

SoundCloud : bit.ly/3EE8lC0

Podbean : bit.ly/3t5z0kW

Anchor : bit.ly/3s3u3YP

Spotify : spoti.fi/3o43jGm

Apple Podcasts : apple.co/34Ut984

YouTube : bit.ly/39riLGY

Website : bit.ly/3AzYqLl

AUTHOR