หมอกจางๆ และควัน คล้ายกันจนบางทีไม่อาจรู้
แต่สำหรับชาวเชียงใหม่ พวกเขารู้และแยกควันจากหมอกออกมานานกว่า 10 ปีแล้ว
ปัญหาเรื่องฝุ่นควัน PM 2.5 ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับชาวเชียงใหม่ ทุกครั้งในช่วงที่ปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่นควันมาเยือน ชาวเชียงใหม่หลายคนมักจะหันหน้ามองไปที่ดอยสุเทพ ไม่ใช่เพื่อการขอพร หากเพราะในวันใดที่ปัญหาหมอกควันรุนแรงคลุมทั้งเมืองให้มัวและกลายเป็นสีส้มราวกับใครมาใส่ฟิลเตอร์ ในวันเช่นนั้นเราจะไม่สามารถมองเห็นดอยสุเทพได้ทั้งดอย ดอยสุเทพจึงกลายเป็นวิธีการวัดดัชนีค่าฝุ่นในแต่ละวันของคนเชียงใหม่ในอดีต ก่อนที่ปัจจุบันเราจะเริ่มนำแอพฯ AirVisual มาใช้วัดค่าฝุ่นในแต่ละวัน
เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ปัญหาหมอกควันได้ขยายเพิ่มไปสู่กรุงเทพฯ และจังหวัดข้างเคียง ทำให้ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเฉพาะจังหวัดในภาคเหนืออีกต่อไป หากกลายเป็นสิ่งที่ทั้งประเทศให้ความสนใจ เสียงจากผู้คนในเชียงใหม่ที่เคยร้องเรียนถึงปัญหานี้ก็กลายเป็นเสียงที่ดังขึ้นจากทั่วประเทศ และเรียกร้องให้เกิดการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันอย่างเร่งด่วน
แต่ในเสียงเรียกร้องที่ดังขึ้น เราอาจจะเผลอลืมฟังอีกเสียง เสียงที่ไม่สามารถบ่นหรือก่นด่าได้อย่างเรา
ปัญหาฝุ่นควันไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับมนุษย์เท่านั้น เพื่อนร่วมโลกอย่างสัตว์ป่าก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน เพียงแต่มันไม่อาจบ่นหรือโพสต์บนเฟซบุ๊กหรือทวิตเตอร์ให้เราได้รู้เท่านั้น
ในวันที่ทะเลหมอกยังเป็นทะเลควันในเชียงใหม่ เราสนใจอย่างยิ่งว่าความเป็นอยู่ของสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ป่าในสวนสัตว์จะเป็นอย่างไร ในวันที่ทางการประกาศเตือนให้ผู้คนหลีกเลี่ยงการออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้ง
เราจึงชวนเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี สวนสัตว์เปิดยามค่ำคืนขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียที่มีสัตว์ในดูแลจำนวนมากกว่า 1,000 ตัว มาเป็นผู้สื่อสารเรื่องปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้นกับสัตว์ และออกมาพูดในนามของสัตว์ป่า
“สัตว์ป่าไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ครับ” อนุชา ดำรงมณี ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร จังหวัดเชียงใหม่ ที่ดูแลสวนสัตว์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเกริ่นนำกับเรา
“ถ้าช่วงนี้ลองสังเกตไปบนท้องฟ้าให้ดี สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดจากการมาของหมอกควันก็คือ เราจะไม่ค่อยเห็นนกบิน แม้แต่บ่อน้ำที่บ้านผมเองก็ต้องเปลี่ยนน้ำทุกวันนกถึงจะมากิน แค่ทิ้งน้ำไว้ข้ามวันจนน้ำดำนกก็ไม่มาแล้ว ยิ่งเขาอ่อนแอเขาก็ยิ่งรักษาตัวเขาเอง หลบอยู่ที่ปลอดภัยไม่ต่างจากคน นี่คือผลกระทบหนึ่งต่อสัตว์ที่เราเห็นได้อย่างชัดเจนใกล้ตัว” อนุชาอธิบายให้เราเห็นภาพ
“เราค้นพบว่า นกเป็นสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นควันมากกว่าสัตว์อื่นๆ เนื่องจากสรีรวิทยาของนกจะมีถุงลมสำหรับช่วยในการบินและมีอัตราการหายใจค่อนข้างสูง จึงมีโอกาสที่จะรับสารพิษในอากาศเข้าไปมากกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ รองลงมาคือกลุ่มม้า ที่ตามธรรมชาติมีพฤติกรรมใช้พลังงานค่อนข้างสูงจึงมีอัตราการหายใจสูงตามไปด้วย” นายสัตวแพทย์ชาตรี คูหเทพารักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจัดการสัตว์ของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีและทีมช่วยกล่าวเสริม
คำกล่าวที่ว่า สัตว์ป่าไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ คือความจริงในแง่ของการแสดงอาการผลกระทบจากปัญหาหมอกควัน ในระยะสั้น สัตว์เองก็มีอาการภูมิแพ้ หอบหืด หายใจลำบาก มีอาการอักเสบในโพรงจมูก และในระยะยาวก็จะกลายเป็นปัญหาระบบทางเดินหายใจเรื้อรังหรือเป็นมะเร็งเช่นเดียวกับคน
ในทางอ้อม ปัญหาหมอกควันในปริมาณมากมีผลทำให้แสงแดดส่องผ่านลงมาได้น้อย ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืชซึ่งเป็นอาหารของสัตว์ในธรรมชาติ ส่งผลต่อการเจริญเติบโตและลอกคราบของแมลง พฤติกรรมการออกหากินของสัตว์ป่าบางชนิดที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงรอบการทำงานของระบบสืบพันธุ์ในสัตว์หลายชนิด และในระยะยาวอาจรวมถึงการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อราบางชนิดที่ก่อโรค ซึ่งอาจยังไม่เห็นชัดเจนในวันนี้
ในเชิงสถิติ วันนี้ทางสวนสัตว์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารียังไม่พบอาการของสัตว์ที่สืบสาวแล้วพบว่ามาจากปัญหาหมอกควันได้อย่างชัดเจน ทั้งยังไม่มีงานวิจัยศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงต้องมีการติดตามต่อในระยะยาว ส่วนในปัจจุบันทางสวนสัตว์เองก็มีการออกมาตรการในการป้องกันและช่วยบรรเทาปัญหาหมอกควันโดยการสั่งหัวฉีดน้ำเป็นละอองมาเพื่อฉีดบริเวณรอบๆ สวนสัตว์ โดยเฉพาะบริเวณกรงนกจะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อเริ่มฉีดน้ำ นกจะรีบบินกรูกันเข้ามาใกล้ที่ฉีดเพื่อเล่นน้ำอย่างร่าเริง จากเดิมที่ซึมเซา
ที่นี่ออกกฎห้ามอย่างชัดเจนไม่ให้มีการเผาไหม้หรือจุดความร้อนในสวนสัตว์อย่างเด็ดขาด ซึ่งถือเป็นมาตรฐานสากลของสวนสัตว์ทั่วโลก นอกจากนั้นภายในสวนสัตว์ยังมีโรงพยาบาลสัตว์พร้อมทีมแพทย์คอยรักษาและตรวจสุขภาพสัตว์เป็นประจำ นั่นคือสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้มากที่สุดในขณะนี้
“มันเป็นเรื่องค่อนข้างยากที่เราจะไปควบคุมสิ่งแวดล้อมได้ ถึงวันนี้ ปัญหาหมอกควันกลายเป็นเรื่องของรัฐบาลแล้วที่ต้องออกมาเคลื่อนไหว เจรจากับเพื่อนบ้าน รวมถึงชาวบ้านของเราเองด้วยในเรื่องของการจุดไฟ การระวังไฟป่า ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องระดับประเทศ ในส่วนของสวนสัตว์ เราก็จะพยายามช่วยเหลือและรักษาสัตว์ของเราให้ดีที่สุด” นายสัตวแพทย์ชาตรี คูหเทพารักษ์ กล่าวทิ้งท้าย
ทุกๆ ปีเมื่อฝุ่นควันมาเยือน สำหรับชาวเชียงใหม่พวกเขาจะตั้งตาคอยให้เทศกาลสงกรานต์ หรือวันปีใหม่เมืองของชาวเหนือมาถึงโดยเร็ว เพราะนอกเหนือจากการคลายร้อนด้วยการเล่นน้ำแล้ว เทศกาลนี้ยังเป็นความหวังของการมาถึงของสายฝนที่มักจะตกในช่วงนี้แทบทุกปี เผื่อว่าฝนจะมาช่วยชะล้างฝุ่นควันคลุมเมืองให้สลาย คืนท้องฟ้าใส ดอยสุเทพ และอากาศบริสุทธิ์สู่คนเชียงใหม่
แน่นอนว่าการมาของฝนยังถือเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องพึ่งพาธรรมชาติอย่างฟ้าฝน เทศกาลสงกรานต์ก็สิ้นสุดไปแล้ว คงไม่มีใครอยากให้มีวันไหลของปัญหาหมอกควัน เสียงของเทศกาลหยุดลง แต่เสียงร้องของประชาชนเกี่ยวกับปัญหาหมอกควันยังคงอยู่ ครั้งนี้สิ่งที่พวกเราทุกคนรอคอยไม่ใช่การมาของหยาดฝนอีกต่อไป หากเป็นการรอคอยภาครัฐออกมาเคลื่อนไหวให้ปัญหานี้เป็นเรื่องระดับชาติ มีการวางแผนแก้ไขในระยะยาว เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ รวมถึงเพื่อนร่วมโลกอย่างสัตว์นานาชนิด
ใช่ ที่ผ่านมาเราเตรียมตัวกันได้ไม่ดี
แต่หลังจากเหตุการณ์นี้เราจะต้องรับมือได้ดีกว่าเดิม และขจัดปัญหาฝุ่นควันทิ้งไป
อย่างไม่เห็นฝุ่น