ไรม์ จังหวะ และจิตวิญญาณอิสระของ NGAZ และ JXHMXN แห่ง YOUNG BONG

Highlights

  •  NGAZ (เอ็นก๊าซ, ไบรอัน–มารุต เมนสารท) และ JXHMXN (จาห์มาร, เจม–สกล สงวนพัฒน์) แห่ง YOUNG BONG คือคู่หูแรปเปอร์ที่เริ่มเส้นทางในวงการฮิปฮอปมาได้เกือบ 10 ปีแล้ว จนไม่กี่เดือนก่อนพวกเขาได้ปล่อยอัลบั้มแรกในชีวิตออกมา
  • กับผลงานครั้งนี้ พวกเขายึดถือในความหลากหลายเพราะเชื่อว่าการได้ทำอะไรหลายอย่างคือความเป็น YB ที่แท้จริง จิตวิญญาณอิสระคือสิ่งที่แฝงอยู่ในทุกผลงานที่พวกเขาทำ
  • สุดท้าย พวกเขาเชื่อว่าจะทำสิ่งนี้ต่อไปตลอดเพราะนี่คือเส้นทางที่พวกเขาค้นพบว่าถูกต้อง แม้จะมีคำครหา แต่พวกเขาตั้งใจจะทำต่อไปอย่างมีความสุข

“YB! YOUNG MOTHERF*CKING BONG! YOUNG BONG MOTHERF*CKER!”

YOUNG BONG

เพื่อให้บทสัมภาษณ์นี้คล้ายบทเพลงของ YONG BONG คงไม่มีสิ่งไหนเหมาะสมในการเปิดเท่าประโยคข้างต้น

เป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้วที่ NGAZ (เอ็นก๊าซ, ไบรอัน–มารุต เมนสารท) และ JXHMXN (จาห์มาร, เจม–สกล สงวนพัฒน์) เริ่มต้นเล่าเรื่องราวชีวิตของพวกเขาผ่านไรม์ในเพลงแรป จากแรปเปอร์หน้าใหม่ในวงการ ปัจจุบันพวกเขาคือศิลปินมืออาชีพที่เพิ่งปล่อยอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกออกมา 

18 บทเพลงในอัลบั้ม DEVIL BOYZ ANIME GIRLZ ของ YOUNG BONG ล้วนบ่งบอกความเป็นพวกเขา และแนวดนตรีที่หลากหลาย ไรม์ที่เล่าตั้งแต่เรื่องชีวิตไปถึงความรัก ไปจนถึงความหมายที่พวกเขาซ่อนไว้ในแต่ละเพลงนี้เองคือจุดเริ่มต้นที่พาให้เรามาสนทนากับ NGAZ และ JXHMXN ในวันนี้

แต่จากตรงนั้น ถ้อยคำของเราไปไกลกว่านั้น

เราเริ่มต้นด้วยการพูดคุยถึงเรื่องอัลบั้ม ก่อนจะนำไปสู่เรื่องราวในชีวิตของพวกเขาในอดีต ความเป็นตัวเอง ความหลากหลาย ความแตกต่าง การแปะป้ายที่พวกเขาเคยโดน และความ ‘real’ ในสิ่งที่พวกเขาทำ คำตอบที่เป็นดั่งไรม์ของทั้ง NGAZ และ JXHMXN เกิดขึ้นตลอดหนึ่งชั่วโมงที่เราคุยกัน และนี่เป็นเหมือนหลักฐานที่พิสูจน์กับเราว่าทำไม YOUNG BONG ถึงมาอยู่จุดนี้ในวันนี้

ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา 

ก็ Esketit!

Music On

ฟรีสไตล์แรปในแบบฉบับ YB พร้อมเอื้อนเอ่ยคำตอบในบรรทัดถัดไป

YOUNG BONG

อัลบั้มแรกในชีวิตที่เพิ่งปล่อยออกมาเป็นหนึ่งในหมุดหมายที่พวกคุณตั้งใจไว้แต่แรกไหม

JXHMXN : ถ้านับจากตอนแรก พวกเราไม่เคยคิดว่าต้องมีอัลบั้มเลยครับ เราแค่ทำและสะสมเพลงมาเรื่อยๆ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่ทำไปแล้วหลายเพลงก็ไม่ได้ปล่อย เราเลยคุยกันว่าน่าจะเอาเพลงที่ดีที่สุดของที่ดองไว้มาคัดเลือกและรวมกันเป็นอัลบั้มดู

NGAZ : โดยส่วนตัวผมว่าแรปเปอร์หรือศิลปินทุกคนบนโลกอยากมีผลงานที่เป็นรูปแบบเป็นของตัวเองอยู่แล้ว พวกเราก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น เราเลยมาคุยกันว่าจะทำไงกับของที่มีในสต็อกดี สุดท้ายก็รวมมันและปล่อยออกมา บางเพลงอาจทำไว้นานแล้ว แต่เราก็มองว่าเพลงเหล่านั้นเป็นเหมือนตัวแทนแต่ละช่วงเวลาของ YB มากกว่า

YOUNG BONG

ถ้าบางเพลงกลายเป็นอดีตไปแล้ว ไม่กลัวว่ามันจะไม่สดหรือไม่จริงสำหรับเราในตอนนี้เหรอ

JXHMXN : ผมกลับมองว่ามันจริงนะ เพราะมันจริงจริงๆ ในช่วงเวลาหนึ่งของผม

NGAZ : อย่างเพลง ‘ปังป่าว’ พวกเราแต่งกันตอนที่ไปทำเพลงบ้านเพื่อน ช่วงนั้นเราไม่ได้มีเงินเยอะ ดังนั้นเวลาไปเราต้องรวมเงินกันซื้อมาม่ากับขนมปังไว้กินเพื่อให้อยู่ได้นานที่สุด เหตุการณ์นั้นก็ออกมาเป็นเพลงนี้ ซึ่งตอนนี้พวกเราอาจไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว แต่ครั้งหนึ่งพวกเราก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

 

ฟังดูเหมือนอัลบั้มนี้ทำหน้าที่เป็นบทบันทึกชีวิต

NGAZ : ใช่ๆ ซึ่งพอกลับมาฟัง ผมก็ได้ทบทวนว่าตอนนั้นตัวเองคิดอะไรบ้าง ซึ่งก็มีทั้งเรื่องดีและเรื่องระยำตำบอน (หัวเราะ)

JXHMXN : แต่ถึงจะหลายช่วงเวลา กลับมาฟังแล้วผมก็ยังมั่นใจในทุกคำที่เขียนไปนะ ผมไม่ได้เขินกับมัน แค่เป็นอีกความรู้สึกหนึ่งที่ก็ปั่นๆ ดีเหมือนกัน

YOUNG BONG

ทำไมถึงเลือกมาปล่อยมาตูมเดียวเป็นอัลบั้มมากกว่าปล่อยเป็นซิงเกิล

JXHMXN : ผมว่าการปล่อยทีละเพลงเป็นเหมือนการสร้างไวรัลอะไรสักอย่างแค่ในช่วงเวลานั้น แต่เวลาผมอยากฟังเพลงจากศิลปิน ผมฟังเป็นอัลบั้มมากกว่า เพราะผมอยากรู้ว่าเขาคิดอะไร ทำไมเขาถึงทำเพลงเป็นอัลบั้ม เขาพูดเรื่องเดียวกันในทุกเพลงไหม เขาร้องอะไรบ้าง แนวเดิมทั้งหมดหรือเปล่า ทั้งหมดนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าเราได้รู้จักศิลปินมากกว่าเดิม ไม่ใช่แค่ผิวเผิน พวกเราเลยอยากทำอัลบั้มเพราะเหตุนี้ และอีกเหตุผลคือเป็นเรื่องของแนวเพลงด้วย YB ไม่อยากจำกัดตัวเอง เราอยากทำเพลงหลายแนว เพราะเราคิดว่าถ้าทำแนวเดียวกับตลาดที่เคยดัง อัลบั้มคงมีเหลี่ยมเดียวเหมือนกันไปหมด พวกเราอยากทำให้ลึกซึ้งกว่านั้น 

NGAZ : คนส่วนใหญ่ชอบเข้าใจผิดว่าถ้าอยากดัง มึงต้องทำเพลงที่ตลาดชอบ แต่ผมว่าจริงๆ แล้วคนที่ทำเพลงที่ตลาดชอบออกมาได้ เขาไม่ได้มานั่งคิดว่าต้องทำเพลงตลาดหรอก เขาแค่ทำตัวเองเป็นตลาดให้คนมาซื้อของเท่านั้นเอง นอกจากนั้นคือการตกแต่งร้าน

JXHMXN : เปรียบเทียบง่ายๆ คือว่าในขณะที่ทุกคนบอกว่าเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วจะขายดี หลายคนเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว แต่เราอยากทำตัวเองให้เป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง คุณเบื่อก๋วยเตี๋ยวเหรอ ผมมีต้มยำให้นะ และคุณจะกินมันตอนไหนก็ได้ ผมอยากให้เป็นแบบนั้น มากกว่าการที่คิดถึงฮิปฮอปแล้วเป็นเหลี่ยมเดียวเหมือนกันหมด

NGAZ : นั่นรวมถึงความหมายของเพลงด้วย

JXHMXN : ใช่ๆ

YOUNG BONG

NGAZ : ก่อนหน้านี้ในประเทศเรา เพลงจะอิงกับความรักเพราะชีวิตวัยรุ่นโหยหาความรัก เพลงรักเลยอยู่ในตลาดได้นานที่สุด แต่ตอนนี้ปี 2020 ผมว่าคนไทยเริ่มเปิดมากขึ้น ทุกคนเริ่มได้เห็นมากขึ้นว่าชีวิตมีอะไรมากกว่านั้น ยังมีความรู้ที่รอให้เราไปค้นหา มีประวัติศาสตร์รอให้เราไปเรียนรู้ ทีนี้พอคนเปิดมากขึ้น เพลงก็เปิดมากขึ้นเช่นกัน เราเลยสามารถใช้เพลงพูดถึงหลายเรื่องได้มากขึ้น  

JXHMXN : อย่างพวกเราก็ใช้เพลงเพื่อเล่าเรื่องชีวิต ความเมา ความเท่าเทียม ไปจนถึงการบอกกับคนฟังว่าเราจะอยู่ในสังคมเหี้ยๆ แบบนี้ยังไงให้มีความสุข เราสื่อสารมันออกมาโดยแทบไม่ต้องเค้นเพราะออกมาโดยจิตวิญญาณจากสิ่งที่เจอทุกวัน 

 

บางคนอาจแย้งว่าในช่วงแรกหรืออัลบั้มแรก ศิลปินควรทำเพลงและพูดแต่ละเรื่องให้ชัดหรือเปล่า ซึ่งตรงกันข้ามกับ YB ที่ทำเพลงหลายแนวและพูดหลายเรื่อง

NGAZ : แต่ผมเห็นต่างว่านั่นแหละคือจุดเด่นของพวกเรา YB อยากโชว์ความหลากหลายและผมก็อยากให้คนจำแบบนั้น เพราะถ้าเรามองเข้าไปในแก่น เพลงมีการเล่าเรื่องได้หลายแบบมาก ศิลปินก็สามารถเล่าเรื่องได้หลายแบบเช่นกัน การจะไปคาดหวังให้ศิลปินพูดเรื่องเดียวหรือแบบเดียวตลอดชีวิตคงไม่ถูกนัก ดังนั้นโดยส่วนตัวผมอยากเห็นศิลปินทำลายขีดจำกัดของตัวเองนะ ผมอยากเห็นเขาไปไกลกว่าที่เคยและทำอะไรที่ผมไม่เคยเห็นมากกว่า และความอยากเห็นอะไรใหม่ๆ นี่แหละ YB เลยอยากทำให้คนเห็นว่าเราทำได้ทุกอย่าง 

อย่างจากเมื่อก่อนที่หลายคนอาจมองว่า YB ดูดิบเถื่อน พวกเราก็ทำให้เห็นว่า YB ทำเพลงน่ารักได้ เพียงแต่ความน่ารักนั้นก็น่ารักแบบ YB และผมต้องชอบมัน นี่คือสิ่งที่พวกผมรู้สึกว่าเป็นกลางที่สุด เพราะผมไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง โอเค ผมรู้ว่ามันไม่ได้ดีเลิศ แต่อย่างน้อยผมถือว่าสิ่งที่ชัดที่สุดก็คือตัวเรา คาแร็กเตอร์เรา อุดมการณ์เรา เราอยากให้คนรู้ว่าพวกเราใช้ชีวิตกันแบบนี้ อยู่กันแบบนี้ ไม่ได้มีแต่คำว่ามั่วสุมอย่างที่ทุกคนมอง พวกเราไม่ได้เอาแต่เล่นยา

YOUNG BONG

พวกคุณเห็นข้อความพวกนี้อยู่เหมือนกัน

JXHMXN : (พยักหน้า) คือพวกเราก็เคยผ่านมา แต่คนที่เล่นยาจะมี 2 ประเภท คือเล่นยา กับ ยาเล่น อย่างพวกเราแค่เคยลองแต่ไม่ติด ยังไม่ถูกยาเล่น เพราะสุดท้ายเราก็รู้ว่ามันไม่ดี อย่างเพลง YETI GANG ก็มาจากช่วงเวลาหนึ่งที่พวกเรากินยาน้ำกัน เมากันจัดๆ แต่พอผ่านมาแล้ว พวกเราก็ทำเพลงออกมาเพื่อบอกคนอื่นว่ามันไม่ดีนะ ซึ่งบางคนอาจบอกว่าพวกผมยุยง แต่ผมกลับคิดอีกมุมหนึ่งว่าเพลงนี้คือการบอกว่าในสังคมมันมีสิ่งนี้ แต่พวกผมสามารถหนีและจัดการมันได้

NGAZ : เหมือนเพลงที่เราทำคือการบอกตัวเองด้วยซ้ำว่าเราจะไม่กลับไป และอีกอย่างคือศิลปินไม่เคยเดินไปป้อนยาใคร ทุกอย่างมันอยู่ที่เราเลือก สำหรับผม คนเราไม่ควรโทษใครเลยกับเรื่องนี้ ควรโทษจิตใต้สำนึกของตัวเองมากกว่าที่เห็นทุกอย่างแล้วแต่ก็ยังทำ อย่างผมเองก็ไม่เคยโทษ Wiz Khalifa นะ 

JXHMXN : ผมผ่านมาทุกอย่างเลยครับ แต่สุดท้ายอะไรที่ไม่ดีจริงๆ ผมก็ไม่เอา เพราะมันทำให้ผมทำงานไม่ได้ ตอนนี้ผมเลยอยู่ที่ตรงนี้ แค่ smoke weed เพราะมันช่วยให้ผมนิ่งขึ้น มีสมาธิและทำงานได้

 

เพลงมีหน้าที่บอก แต่การตัดสินใจเป็นเรื่องปัจเจก

NGAZ : ใช่ เพลงพวกเราเป็นเหมือนสารมากกว่าที่อยากให้คนที่เจออะไรเหมือนกันได้เข้าใจ เพราะการที่เราจะไปพูดกับคนไม่รู้จักว่า ‘เฮ้ย พี่ ช่วยฟังผมหน่อยว่าโลกใบนี้เป็นยังไง’ ก็คงไม่ได้ แต่ถ้าผมทำเพลง คนที่มีเรื่องราวตรงกับเรา เขาจะฟัง

สิ่งที่พวกคุณทำต้องใช้ความกล้าอยู่เหมือนกัน อะไรเหล่านี้มาจากไหน

JXHMXN : ผมว่าในทุกแขนงที่เราก้าวเข้าไป มันจะมีคำถามตลอดแหละ ว่าที่นี่ใช้ที่ของเราหรือเปล่า งานแบบนี้ใช่สำหรับเราไหม แต่อย่างพวกเรา ถึงยังตั้งคำถามแต่พวกเราจะเชื่อไปก่อนว่ามันใช่ เชื่อไหม สุดท้ายหลายครั้งมันก็จะใช่ แต่ถ้าเริ่มด้วยความไม่มั่นใจ โห่ แล้วใครจะมามั่นใจกับคุณ สมมติอย่างงาน MC ถ้าคุณมาแบบ ‘ขอเสียงหน่อยครับ’ (เสียงอ่อยๆ) คนดูคงเขินที่จะตะโกนกับคุณ แต่ถ้าคุณ ‘ขอเสียงหน่อยยยย!’ คนดูจะยกมือและตะโกนตามคุณแน่ๆ 

 

ถ้าเทียบกับวันแรก พวกคุณว่าตัวเองยังมีแรงและพลังเท่าเดิมไหม

พูดพร้อมกัน : น่าจะมากกว่า

YOUNG BONG

NGAZ : เหมือนเราเห็นภาพมากขึ้น กว้างขึ้น แล้ววันหนึ่งเราก็รู้สึกว่าถอยไม่ได้แล้ว พวกเรามาไกลเกินกว่าจะถอยแล้วเพราะตอนนี้มีผลงานตั้งอยู่ข้างหน้าแล้ว เราไม่สามารถหนีได้ เพราะจะมีคนประนามเราแน่ๆ ว่าท้อเหรอ หนีเหรอ คำพวกนี้คอยจี้ตูดพวกเราอยู่

JXHMXN : พวกเราลำบากกันมาตั้งเยอะ ถ้าจะมาแผ่ว มันไม่เมคเซนส์สำหรับผม ด้วยวัย เราไม่ใช่วัยรุ่นที่ทำเพลงไปวันๆ แล้ว ตอนนี้พวกเรามีแผนมากขึ้น เป็นมืออาชีพมากขึ้น ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไร ผมก็อยากผ่านมันไปให้ได้ 

 

มุมมองแบบนี้ทำให้กดดันไหม

NGAZ : ตั้งแต่ทำเพลงมา ผมกดดันแค่ครั้งเดียวคือช่วงก่อนปล่อยอัลบั้มนี่แหละ ตอนนั้นผมกลัวว่าปล่อยออกมาแล้วจะมีปัญหานู่นนี่ มันกังวลเพราะผมคาดหวังมากว่าต้องไม่มีอะไรผิดพลาด แต่พอถึงจุดหนึ่งก็เริ่มคิดได้ว่าตอนนี้มากเกินไปแล้ว ผมเริ่มไม่เป็นตัวเอง ก่อนหน้านี้ไม่เคยต้องมานั่งคิดแบบนี้ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างอิสระ ให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด พอนึกได้แบบนี้ก็เริ่มปล่อยวาง แม้ปล่อยอัลบั้มแล้วเจอโควิดก็ช่างมัน เพราะผมได้ทำทุกอย่างแล้ว ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าจะต้องดัง เพราะถึงไม่ดัง พวกเราก็ทำเพลงต่ออยู่ดี 

 

ถ้าอย่างนั้นสำหรับอัลบั้มนี้ ดอกไม้สำหรับคุณคืออะไร

NGAZ : แค่ได้ร้องเพลงจากอัลบั้มนี้ในคอนเสิร์ตให้คนอื่นฟัง นั่นก็ดีมากแล้ว

ก้อนหินล่ะ อย่างคอมเมนต์ต่างๆ ในโซเชียล คุณให้ค่ามากแค่ไหน

JXHMXN : ถ้าคอมเมนต์แย่ๆ แบบด่า ผมไม่ให้ราคาเลย เพราะหลายครั้งคนเหล่านี้ก็ไม่แสดงตัวด้วยซ้ำ ดังนั้นจะไปให้ราคากับคนที่ไม่แสดงตัวตนทำไม เพราะมึงยังไม่ให้ราคาตัวเองเลย จะมาใช้วาจาสถุลถ่อย มึงพูดไปเถอะ

NGAZ : วิจารณ์พวกเราได้นะครับ แต่มันจะมีมากกว่านั้นคือคนที่สนุกกับการทำให้คนอื่นหัวร้อนจากสิ่งที่ตัวเองพูด ซึ่งสำหรับพวกเรา สิ่งที่น่าตลกกว่าคือการเห็นคนพวกนี้พยายามทำให้พวกเราหัวร้อนนี่แหละ กูขำมึงมากกว่าอีก 

 

แล้วคิดยังไงกับบางคอมเมนต์ท่ีนิยามแรปเปอร์ว่า ‘real’ หรือ ‘ไม่ real’ 

NGAZ : (นิ่งคิด) ถึงผมจะโตมากับแรปแบบโอลด์สคูล และตอนนี้ก็ทำเพลงหลายแบบ แต่ผมว่าเราไม่ได้เป็นเจ้าของอะไรสักอย่างจริงๆ เลยนะ ดังนั้นผมว่าเราควรปล่อยตัวไหลไปตามน้ำเพื่อได้รู้ว่าเราทำอะไรได้บ้างและมีขีดจำกัดอะไรบ้างมากกว่า โลกใบนี้หมุนไปตลอด ทุกอย่างไม่ได้หยุดอยู่กับที่ ดังนั้นถ้ามีใครที่อยากสอนเรื่องนี้กับเด็กรุ่นใหม่ ผมว่าเขาไม่ควรใช้คำว่า ‘สไตล์พวกมึงไม่ได้เรื่อง พวกมึงไม่จริง ออกไปเถอะ’ ผมว่าคุณควรใช้วิธีอธิบายดีกว่าว่า ‘ในยุคสมัยผม แรปเป็นแบบนี้ ถ้าเป็นไปได้ ยุคสมัยน้องก็อย่าให้มันหายไป’ ผมว่าแบบนี้ดีกว่า ไม่ใช่มารังแกกัน ขัดขากัน

JXHMXN : ซึ่งสุดท้ายแล้วผมว่าไม่มีอะไรถูก-ผิดนะ เพราะถูก-ผิดมันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ของคุณกับของผมอาจไม่เหมือนกันก็ได้ เพราะอย่างนั้นแหละเราถึงควรจะหมุนตามคนอื่นบ้างเพื่อได้เจอสิ่งใหม่ ไม่ใช่ให้ทุกคนหมุนตามเราอย่างเดียว

ดูพวกคุณชัดเจนกับตัวเองมาก 

JXHMXN : แฮปปี้กับชีวิตนะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นแบบนี้มาตลอด พวกเราเคยเป็นคนที่ไม่รับอะไรอยู่เหมือนกัน เราผ่านกันมาหมดแล้วในช่วงวัยรุ่น คิดว่ากูน่ะเฟี้ยวสุด และแนวเพลงที่กูชอบก็เฟี้ยวสุด แต่พอโตมา เราจะรู้เองแหละว่ายังมีอีกหลายอย่างนี่หว่าที่เฟี้ยวได้ และมันทำให้ชีวิตสนุกขึ้น พอเราไม่ได้แอนตี้กับทุกสิ่ง เราได้รู้ว่าความชอบไม่ได้จำเป็นต้องจำกัดตัวอยู่แค่อย่างเดียว เราเปลี่ยนหีบห่อข้างนอกโดยที่ข้างในยังเหมือนเดิม เพราะสุดท้ายผมเชื่อว่าเนื้อแท้จะเป็นเนื้อแท้อยู่วันยังค่ำ 

NGAZ : ชีวิตไม่ได้มีแค่อย่างเดียว และเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะอยู่ถึงเมื่อไหร่ ดังนั้นเราก็อยากใช้ชีวิตให้คุ้มก่อนตาย ทุกคนล้วนมีอิสระ และเราก็เลือกมีอิสระแบบนี้ 

 

ถ้ามีใครสักคนกำลังพยายามทำงานของตัวเองอยู่ท่ามกลางคำครหา จากประสบการณ์ของคุณ คุณอยากฝากอะไรถึงคนเหล่านั้นไหม 

NGAZ : ทุกวงการมีการวิจารณ์อยู่แล้ว ทุกวงการมีการบูลลี่ แต่ถ้าคุณทำงานของตัวเองได้ดีและนานพอ วันหนึ่งคนที่ด่าจะมายกย่องคุณเอง แต่ที่คุณโดนในช่วงแรกๆ นั่นเป็นเพราะสังคมกลัวคนที่แตกต่างเท่านั้นเอง

JXHMXN : และถ้าคุณไม่ได้ไหลตามเขา เขาจะได้แค่มองคุณ ใครจะพูดอะไรคุณก็ทำไป ใครจะฉุดลงมายังไงคุณทำต่อไป แล้วมันจะมีแต่ขึ้นๆๆ

สุดท้าย เชื่อเถอะ สิ่งที่คุณทำมันจะไปจบที่คำว่า ‘ไอดอล’ 

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ปัณณทัต เอ้งฉ้วน

เล่าไว้เมื่อวัยสนธยา