Naya Rivera กับบทเลสเบี้ยนสายฉอดเชื้อสายลาตินในสื่อกระแสหลักของสังคมอเมริกัน

Highlights

  • บทวิเคราะห์ตัวละครเลสเบี้ยนในซีรีส์เรื่อง Glee และ Grey’s Anatomy
  • ลักษณะร่วมของตัวละครหญิงเชื้อสายลาตินในสื่อกระแสหลักของสังคมอเมริกัน
  • LGBTQ+ กับการใช้ความก้าวร้าวปกปิดความเปราะบางทางอารมณ์และจิตใจ
  • การปลูกฝังความคิดเรื่องเพศสภาพและชาตินิยมที่ยึดโยงเข้าด้วยกันอย่างเหนียวแน่น

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา นักแสดงสาว Naya Rivera หายตัวไปในขณะที่พักผ่อนกับลูกชายวัย 4 ขวบ ริเวร่าเช่าเรือไปล่องเล่นในทะเลสาบไพรุทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อเลยกำหนดเวลาต้องคืนเรือกลับพบเพียงลูกชายของเธอนอนหลับอยู่ในเรือเพียงลำพัง ลูกชายให้การว่าทั้งคู่ลงไปว่ายน้ำเล่นกัน แม่ช่วยดันเขากลับขึ้นเรือแล้วก็จมหายไป ผ่านไป 5 วันจึงพบร่างผู้เสียชีวิตอยู่ในทะเลสาบได้รับการยืนยันว่าเป็นร่างของริเวร่า

นายา ริเวร่า เป็นนักแสดงผู้สร้างชื่อเสียงโด่งดังจากซีรีส์มิวสิคัลอเมริกันเรื่อง Glee ที่ออกอากาศระหว่าง ค.. 2009-2015 เธอรับบทเป็น Santana Lopez เชียร์ลีดเดอร์สาวสุดเฟียร์ซผู้มีเพศสภาพกำกวม วิวัฒนาการตัวละครเริ่มต้นจากแม่เสือสาวนักล่าผู้ไม่จริงจังเรื่องความรัก พรากพรหมจรรย์ตัวละครนำชาย ปากร้ายพร้อมฟาดใส่ทุกคน หลังจากนั้นตัวละครคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นเมื่อเธอสามารถยอมรับว่าตัวเองรักเพศเดียวกัน

ในซีซั่นแรกซานตานาเป็นเพียงตัวละครสมทบ มีบทบ้างประปราย แต่ฉากฮิตจนเป็นที่กล่าวถึงทั่วประเทศคือปฏิกิริยาตอนเธอโยนผ้าเช็ดปากทิ้งพร้อมกอดอกขมวดคิ้วทำหน้า ‘ว่าไงนะ’ ใส่เพื่อนเชียร์ลีดเดอร์ร่วมก๊วนอีกคนชื่อ Brittany ที่ถามว่านี่ รู้หรือเปล่าว่าโลมาก็คือปลาฉลามที่เป็นเกย์” (Did you know that dolphins are just gay sharks?) ฉากนี้ออกอากาศวันที่ 13 เมษายน 2010 คำว่า ‘gay sharks’ กลายเป็นคำที่ถูกใช้สืบค้นบ่อยที่สุดบนกูเกิลในวันที่ 14 เมษายน เรียกว่าดังชั่วข้ามคืน

ซีรีส์เรื่อง Glee สอดแทรกประเด็นการยอมรับความหลากหลายทางเพศผ่านหลายตัวละคร ไม่ว่าจะเป็น Kurt ที่แอ๊บแมนว่าเล่นอเมริกันฟุตบอลตบตาพ่อ แต่วิ่งลงสนามพร้อมเพลง Single Ladies ของแม่บียอนเซ่ Sheldon Beiste โค้ชฟุตบอลที่จำใจฝากทีมไว้กับผู้ช่วยเพื่อไปผ่าตัดแปลงเพศก่อนเปิดตัวว่าเป็นผู้ชายข้ามเพศ หลังจากซีซั่นแรกซานตานาและบริตนีย์ก็มีบทบาทเพิ่มขึ้นเพราะเคมีที่เข้ากันระหว่างสาวผมบลอนด์สุดทึ่มกับสาวเชื้อสายลาตินปากร้ายสายฟาด

ในตอนที่ชื่อว่า Mash Off ของซีซั่นสาม Finn ไม่พอใจซานตานาที่พูดจาไม่ดีทำให้เขาต้องอับอายเพื่อน จึงเอาคืนด้วยการแฉว่าเธอถนัดแต่ทำให้คนอื่นขายหน้าเพราะตัวเองก็มีปมที่ไม่กล้ายอมรับว่าแอบชอบบริตนีย์ แท้จริงแล้วซานตานาฉอดกลบเกลื่อนความไม่มั่นคงทางอารมณ์ภายในจิตใจตัวเอง กลัวทุกคนรู้แล้วยอมรับไม่ได้ กังวลว่าบริตนีย์จะปฏิเสธ เส้นเรื่องและปมขัดแย้งระหว่างซานตานาและบริตนีย์ถูกพัฒนาไปจนตอนจบของเรื่องที่ทั้งสองตัดสินใจแต่งงานกัน

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งเดียวที่สื่ออเมริกันนำเสนอสาวลาตินเป็นเลสเบี้ยนผู้เอาความสวยและดุดันเป็นเกราะกำบังความเปราะบางทางจิตใจก่อนหน้านี้ก็มีตัวละครคุณหมอชื่อ Callie Torres จากซีรีส์แนว medical drama เรื่อง Grey’s Anatomy แคลลี่ไม่ได้ปากร้ายเท่าซานตานา แต่เธอก็เป็นคนโผงผาง พูดจาตรงไปตรงมาจนทำเอาเพื่อนร่วมงานสะอึกไปหลายครั้ง แคลลี่เดตและมีความสัมพันธ์กับหมอผู้ชาย 2 คนคือ George O’Malley กับ Mark Sloan ก่อนจะหันมาสนใจเพศเดียวกัน

ซานตานาและแคลลี่ยังคงรักษาภาพจำของสาวลาตินไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ฉากแคลลี่ใส่ชั้นในสีชมพูยืนเต้นเป็นปมสำคัญของเรื่องและถูกนำมาใช้โฆษณาเรียกความสนใจ สุดท้ายแล้วสื่อกระแสหลักของอเมริกันชอบนำเสนอภาพแทนสาวลาตินว่าสวยร้อนแรง ที่เพิ่มเติมคือซานตานาและแคลลี่มีความสัมพันธ์ได้ทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย มีงานวิจัยที่เสนอว่าการถ่ายทอดเรื่องราวลักษณะนี้อาจกลายเป็นดาบสองคมได้

ผู้ชมอาจคิดได้ว่าเพศสภาพเป็นภาวะของความลื่นไหล บุคคลหนึ่งสามารถพัฒนาความชอบผู้ชายแล้วหันไปสร้างความสัมพันธ์กับผู้หญิงได้ไม่ใช่สิ่งผิดปกติ แต่ในอีกด้านหนึ่งผู้ชมอาจคิดว่าภาวะความเป็นเกย์และเลสเบี้ยนเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะ สามารถเปลี่ยนแปลงและแก้ไขได้ อย่างตอนแคลลี่แนะนำแฟนสาวให้พ่อรู้จัก พ่อเธอไปพาบาทหลวงมาอ่านคัมภีร์ไบเบิลให้ฟังจนแคลลี่ทนไม่ไหวสวนกลับไปว่า “นี่พ่อคิดว่าสวดไล่ความเป็นเกย์ได้เหรอ” (You think you can pray away the gay. You can’t pray away the gay.) 

เป็นที่น่าสังเกตว่าสื่ออเมริกันมักมอบบทบาทความหลากหลายทางเพศให้กับตัวละครผิวสี สร้างความเป็นอื่นทั้งในแง่สีผิวและเพศสภาพ ตัวการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่เกย์คนแรกของสำนักพิมพ์ดีซี คอมิกส์ชื่อว่า Extraño ก็มีเชื้อสายลาติน แถมคำว่า extraño ในภาษาสเปนแปลว่า ‘แปลก’ เวลาสังคมอเมริกันกล่าวถึงความหลากหลายทางเพศก็ยังมีเส้นแบ่งเราแบ่งเขาอยู่ดี สร้างตัวละครที่แปลกแตกต่างให้มีเชื้อชาติอื่นก่อนแล้วค่อยเชื่อมโยงใกล้ตัวเข้ามา

การสลับระหว่างการใช้ภาษาอังกฤษและภาษาสเปนในซีรีส์ Glee และ Grey’s Anatomy ก็น่าสนใจมาก ผู้กำกับไม่ได้เปิดเผยภูมิหลังเรื่องเชื้อชาติของซานตานาและแคลลี่มากนัก ผู้ชมเห็นเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกของทั้งสองคนว่าดูเหมือนผู้หญิงลาติน จนเมื่อถึงฉากหลังการ come out จึงให้ตัวละครรัวภาษาสเปน ซานตานาบอกยายว่าAbuelita, I love girls the way that I’m supposed to feel about boys.”

Sara Ramirez นักแสดงผู้รับบทแคลลี่พูดได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาสเปน ฉากที่พ่อของแคลลี่ปฏิเสธไม่ยอมรับแฟนเธอ รามิเรซใส่สปีดรัวภาษาสเปนแบบถึงเครื่อง ได้อารมณ์โกรธผิดหวังจนผู้ชมอ่านซับไตเติลไม่ทัน สุดท้ายเพื่อนหมอต้องขอให้แคลลี่หยุดฟูมฟายเพราะฟังไม่รู้เรื่อง และกำลังต้องเข้าผ่าตัดยายของซานตานาผู้รับไม่ได้ที่หลานเป็นเกย์ไล่เธอไปให้พ้นหูพ้นตา พ่อของแคลลี่ถึงกับไปเชิญบาทหลวงมาสวดไล่ความเป็นเกย์

จะเห็นว่าภาษาสเปนและวัฒนธรรมลาตินถูกสอดแทรกเข้าไปในซีรีส์ช่วงจังหวะไม่สู้ดีนัก ยายของซานตานาและพ่อของแคลลี่คือสัญลักษณ์ชวนเชื่อว่าวัฒนธรรมลาตินล้าหลังและไม่ยืดหยุ่น แถมถูกนำมาเปรียบเทียบกับความเป็นอเมริกันผิวขาว ตอนแคลลี่ของขึ้นสุด Arizona แฟนของเธอเลยเล่าแบ่งปันให้ฟังตอนบอกพ่อว่าเป็นเลสเบี้ยน พ่อแอริโซน่าเป็นทหารที่ความคิดค่อนไปทางอนุรักษนิยมยังยอมรับเรื่องความหลากหลายทางเพศได้มากกว่า

 

ถึงแม้ว่าริเวร่าจากโลกนี้ไปแล้ว ผลงานและบทบาทของเธอใน Glee ยังสร้างประโยชน์นานัปการ กระตุ้นการแสวงหาความรู้เรื่องเลสเบี้ยนผิวสี หากเปรียบเทียบกันแล้วเกย์ได้รับความสนใจจากสื่อกระแสหลักมากกว่าเลสเบี้ยน สะท้อนอคติทางสังคมว่าสุดท้ายแล้วยังสนใจเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นชายมากกว่า เรื่องราวประสบการณ์ของเลสเบี้ยนถูกจำกัดอยู่แค่ในสื่อเฉพาะกลุ่ม ไม่สามารถเข้าถึงผู้ชมในวงกว้าง สร้างแรงกระเพื่อมได้น้อย

ผู้มีความหลากหลายทางเพศหลงรักตัวละครซานตานาเพราะเธอสามารถสื่อสารกับ LGBTQ+ ที่เป็นเยาวชนได้ดีกว่าและมากกว่า ครั้งหนึ่งริเวร่าให้สัมภาษณ์ว่า เธอรู้สึกละอายเพราะคิดว่าตัวเองไม่สมควรได้รับการเชิดชูเยอะมากมายขนาดนี้ เธอก็เป็นแค่นักแสดงคนหนึ่งที่โชคดีได้รับบทที่คนเขียนสร้างขึ้นมาอย่างจับใจริเวร่าบอกว่าในชีวิตจริงเธอไม่ได้มีประสบการณ์ใกล้เคียงกับตัวละครซานตานาเลย ความอ่อนน้อมถ่อมตนยิ่งทำให้แฟนซีรีส์เสียใจกับการจากไปของเธอ 

AUTHOR