มิตรภาพที่ซ่อนอยู่ผ่านบทสนทนาเปรี้ยวอมหวานของบอลและยอด ‘หนังพาไป’

Highlights

  • ‘หนังพาไป’ คือรายการท่องเที่ยวเชิงสารคดี ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการทำหนังสั้นร่วมกันของ บอล–ทายาท เดชเสถียร และ ยอด–พิศาล แสงจันทร์
  • พวกเขาออกเดินทางไปหลากหลายประเทศ หากแต่ความน่าสนใจไม่ใช่จำนวนแต่เป็นการนำเสนอข้อมูล การตั้งคำถาม และความสนุกสนานของพวกเขาทั้งคู่ที่ทำให้รายการ ‘หนังพาไป’ แตกต่างจากรายการท่องเที่ยวอื่นๆ
  • รวมถึงการเดินทางของเขาทั้งสองในฐานะของเพื่อนร่วมงานและเพื่อนร่วมทาง บนความเป็นเพื่อนตลอด 10 ปีที่มีทั้งดีกันและตีกันบ้าง

‘จุดหมายปลายทางอาจไม่ใช่ที่สุดของความงดงาม’

นี่คือโควตจบสวยๆ ของทุกตอนในรายการท่องเที่ยวเชิงสารคดีที่ชื่อ หนังพาไป จากจุดเริ่มต้นของการทำหนังสั้นร่วมกันของ บอล–ทายาท เดชเสถียร และ ยอด–พิศาล แสงจันทร์ สู่รายการอันเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมทุกเพศทุกวัย การเดินทางของรายการกว่าสิบปียังคงยืนยันว่าจุดหมายปลายทางอาจไม่ใช่ที่สุดของความงดงาม

‘ขอเชิญแพ็กกระเป๋า ผูกเชือกรองเท้าแน่นๆ แล้วไปด้วยกันกับหนังพาไป คำเชิญชวนเปิดรายการที่มาพร้อมกับแอนิเมชั่นภาพวาดสีไม้และเพลงประกอบจังหวะสนุกคือภาพจำและเสียงจำของรายการนี้ไปแล้ว จากความชอบที่อยากจะทำหนังสั้นสู่รายการท่องเที่ยวสารคดีอันเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้มันกำลังเดินทางเข้าสู่ปีที่ 10 พวกเขาผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย และนั่นคือสิ่งที่เราสนใจ เกี่ยวกับมิตรภาพที่ซ่อนอยู่ของพวกเขาสองคน

เราลังเลอยู่นานว่าสถานที่สำหรับสัมภาษณ์เขาทั้งสองควรจะเป็นที่ไหนดีที่จะตอบโจทย์รายการท่องเที่ยวอย่าง หนังพาไป เราโยนปัญหานี้ไปให้คู่หูบอลและยอด คำตอบที่ได้กลับมาไม่ได้ทำให้เราแปลกใจนัก แต่เราก็แอบกลัวว่ามันจะน่าเบื่อไปสำหรับทั้งคู่หรือเปล่า เพราะสถานที่แห่งนั้นคือจุดเริ่มต้นของเขาทั้งคู่เกือบตลอด 10 ปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

เรานัดเจอกันที่ร้านกาแฟซึ่งไม่ไกลจากจุดนัดพบ เสียงคุ้นหูจากปลายสายบอกกับเราเช่นนั้น และไม่นานเราก็ได้เจอกัน บอลและยอดเดินเข้ามาในร้านด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ก่อนทั้งคู่จะเดินเข้าไปสั่งเครื่องดื่มกับเจ้าของร้านกาแฟที่เขาทั้งสองคุ้นเคย ก้อนเมฆอึมครึมในช่วงเช้าถูกแทนที่ด้วยแสงแดดยามสาย แต่ยังเป็นเรื่องดีที่มีร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ช่วยให้บทสนทนาของเราเริ่มต้นขึ้นได้อย่างราบรื่น

หนังพาไป

เตรียมตัวพร้อมหรือยัง

“ถึงแม้จะเดินทางมาเยอะ แต่เตรียมเท่าไหร่ก็ไม่พร้อมสักที”

เราเปิดด้วยคำถามตามประสาเมื่อรู้ว่าพวกเขากำลังจะออกเดินทางอีกครั้งในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ถ้าพูดกันตามตรงแล้ว ประสบการณ์การเดินทางอันโชกโชนตลอด 4 ซีซั่นของทั้งคู่ ปัญหาเรื่องการเตรียมตัวคงไม่ใช่ปัญหาที่พวกเขาเจออย่างแน่นอน

“ไม่พร้อม เตรียมเท่าไหร่ก็ไม่พร้อมสักที” คำตอบจากบอลทำเอาเราแปลกใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน “ถึงแม้จะเดินทางมาเยอะ แต่เตรียมเท่าไหร่ก็ไม่พร้อมสักที ต่อให้เตรียมตัวนานแค่ไหนก็ไม่พร้อม เพราะยุคนี้ข้อมูลเยอะ มันเลยทำให้เราเตรียมตัวนานและละเอียดมากขึ้น แต่เมื่อก่อนข้อมูลมันน้อย เราก็ต้องไปลุยเอง ไปตายเอาดาบหน้า”

ในยุคที่ใครๆ ก็สามารถทำรีวิวได้เอง ไม่ใช่แค่ตอนไปเที่ยว แม้แต่สิ่งของเครื่องใช้หรืองานบริการ ต่างถูกรวบรวมอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ตไว้อย่างเรียบร้อย เพียงค้นหาข้อมูลเหล่านี้ด้วยคำไม่กี่คำ ข้อมูลก็พรั่งพรูออกมาให้เราได้เลือกดูตามความชอบ ถึงแม้ว่าสิ่งที่บอลเล่ามาจะเป็นเรื่องที่ดี แต่มันก็กลับทำให้เขารู้สึกกังวลเช่นกัน

“เมื่อก่อนเราไม่จำเป็นต้องรู้อะไรเยอะเราก็ไป ตอนนี้ไกด์บุ๊กเล่มนี้บอกอย่างนี้ เว็บนู้นบอกอย่างนั้น ทำให้การเตรียมตัวมันยากขึ้นเรื่อยๆ จากแต่ก่อนที่มีแค่ตัวหนังสือในไกด์บุ๊ก แล้วจะต้องไปลุ้นเอา ไปจินตนาการเอา ถ้าผิดหวังก็เล่าในรายการได้ แต่ตอนนี้จะอดไม่ได้เลยที่จะขอดูรูปว่าสถานที่จริงเป็นอย่างไร แค่นี้เองเหรอ ไม่ต้องไปก็ได้มั้ง แต่มานั่งนึกดูก็เสียดายเรื่องราวระหว่างการเดินทาง มันคงสนุก แม้จะไม่ดีแต่ก็ได้ประสบการณ์ชีวิต แต่พอเราเลือกแบบนี้ก็เหมือนเราเข้าไปอยู่ในเซฟโซนโดยไม่รู้ตัว ที่ที่มันไกลก็อย่าไปเลย แบ่งไปเที่ยวที่อื่นดีกว่า มันคือผลกระทบที่เรารู้สึกได้โดยตรง”

ขนาดยังไม่ออกเดินทาง เราก็เห็นถึงความเหนื่อยยากที่ซ่อนอยู่สำหรับรายการท่องเที่ยวที่มีแค่เขาสองคนแบกรับภาระนี้เอาไว้ แต่อะไรที่ทำให้พวกเขายังทำมันมาถึงทุกวันนี้

หนังพาไป

เหนื่อยนะ อยากเลิกนะ แต่ก็คิดถึงนะ

“พอแล้ว เหนื่อยแล้ว ไม่เอาแล้ว ครั้งสุดท้ายแล้ว”

เราเชื่อว่าการเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะในต่างประเทศ เป็นความฝันของใครหลายๆ คน พวกเราพยายามหาหนทางกางปฏิทินดูวันหยุดยาว วันหยุดชดเชยกันตั้งแต่ต้นปีและตั้งตารอคอยให้วันนั้นมาถึงในเร็ววัน

ต่างจากบอลและยอดที่การออกเดินทางกลายมาเป็นงานและบางครั้งก็ทำให้ต้องเสียน้ำตา

“มันเป็นกรรมของเราสองคนที่ต้องฝ่ามันไปให้ได้ มันเป็นความทุกข์ที่โดดเดี่ยว เวลาออกมานอกบ้านจะรู้สึกว่าทำไมทุกคนมีเวลาไปช้อปปิ้ง ไปตีแบด แต่กูเนี่ย หนึ่งนาทีที่เสียไปกับการมาฉี่ กูตัดต่อได้อีกหนึ่งท่อนแล้ว และมันจะวนอยู่อย่างนี้อย่างน้อย 1 ปี อย่างซีซั่น 4 เราร้องไห้ทุกเย็นเลยนะ พอเราออกไปข้างนอก ไปปะทะกับโลกความเป็นจริงที่ไม่มีเดดไลน์ เราก็จะรู้สึกพังทลายทุกวันจนมันเป็นจุดเริ่มต้นว่าพอเถอะ”

น้ำเสียงของบอลทำให้รู้ว่าเบื้องหน้ารายการคุณภาพที่ทำออกมาให้พวกเราชมกันต้องแลกมาด้วยความเหนื่อยอย่างแสนสาหัสของพวกเขา มันทำให้เราเข้าใจว่าทำไมผลงานของพวกเขาถึงมีผู้ชมมากมายตั้งตารอดูอยู่เสมอ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าซีซั่นต่อไปจะมาเมื่อไหร่หรือจะมาอีกไหมก็ตาม

หนังพาไป

“พอจบทุกซีซั่นเราจะรู้สึกว่าพอแล้ว เหนื่อยแล้ว ไม่เอาแล้ว ครั้งสุดท้ายแล้ว ไม่เอาเด็ดขาด งานมันหนัก ตัดเทปหนึ่งเราไม่ได้ไปไหนเลย ต้องอดหลับอดนอน แต่พอมันผ่านไปปีหนึ่ง เอ๊ะ ทำไมไม่มีอะไรทำเลยวะ คิดถึงเนอะ อยากกลับไปทำ ลองเอามาตัดดีไหม ทริปนี้เราก็เคยไปเที่ยวเล่นๆ ลองมาทำดูไหม เราว่าการมาเป็นซีซั่นเหมาะกับเรา อยากจะมาเมื่อไหร่ก็มา หรือพักไปนานๆ เลย ไปหาข้อมูล ไปพักให้พอ ไปพักจนตัวเป็นขนเลย แล้วพอเป็นขนจนเริ่มไม่ไหวแล้วค่อยรวบรวมพลังขึ้นมาทำใหม่” ยอดบอกกับเราอย่างนั้น

ความเหนื่อยล้าจากการวิ่งหนีเดดไลน์ถูกเยียวยาด้วยความคิดถึง และก็เป็นความคิดถึงนี่เองที่ทำให้พวกเขามีแรงกลับมาเดินทางอีกครั้ง

“เราคิดถึงทุกอย่างเลย เวลาเราเดินทางไปเจอเหตุการณ์บางอย่างก็จะคิดว่าถ้ามันไปอยู่ในรายการเรา แล้วเราใส่เพลงแบบนี้ มีการเล่าแบบนี้ มันรู้สึกคันไม้คันมือ แต่ตอนนี้เราไม่ได้ถ่ายอยู่นี่หว่า กูมาเที่ยว ส่วนเวลาตัดต่อมันเป็นช่วงเวลาที่ทรมานที่สุดจริงๆ นะ แต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่ผูกพันมากจริงๆ แล้วพอไม่ได้ทำนานๆ ก็จะคิดถึง โหยหา ทั้งที่ชีวิตเราไม่ต้องทำอะไรก็สบายอยู่แล้ว มันเป็นความเสียดายที่เราได้จมอยู่กับแต่ละเรื่อง” บอลกล่าว

ช่วงเวลาที่ห่างหายไปจากจอ ความคิดถึงไม่ได้ทำงานแค่กับบอลและยอดแต่มันก็ทำงานกับเราและผู้ชมทางบ้านเช่นกัน จากวันที่ หนังพาไป ออกอากาศเทปแรกจนถึงวันนี้ รายการได้นำเสนอข้อมูล แง่มุม และประเด็นต่างๆ ออกมาอย่างสม่ำเสมอ บางประเด็นทำให้เราฉุกคิด ในขณะที่บางประเด็นทำให้เราตั้งคำถามกับสังคมที่เป็นอยู่

ตกหล่นระหว่างทาง

“บางคนทำได้ บางคนทำไม่ได้ และนี่แหละที่เขาเอาไปประกวดกัน แต่เรื่องแบบนี้ก็หมดสิทธิเล่า”

ความสนุกของเรื่องราวระหว่างทางของบอลและยอดถูกนำเสนอออกมาอย่างสมจริง อย่างตอน ‘เดลี…ในที่สุดก็ได้มาถึง’ กล้องใหม่แกะกล่องที่บอลและยอดอุตส่าห์ลงทุนซื้อมาเพื่อเก็บภาพที่คมชัดมากขึ้น แต่กลับโดนฉกไประหว่างทางเสียอย่างนั้น มันช่างสมจริงเพราะมันเป็นเรื่องจริง จนเราแอบสงสาร แต่เราก็แอบขำไปด้วยไม่ได้ มันทำให้เราเชื่อว่านอกเหนือจากเรื่องราวในรายการที่ถูกฉายออกมา ยังมีเรื่องไหนอีกบ้างที่ตกหล่นไประหว่างทางของพวกเขาทั้งสอง

“เยอะนะ บางเรื่องเราก็เล่าไม่ได้เพราะมันเกี่ยวกับสิ่งที่ออกทีวีสาธารณะไม่ได้ อย่างประเด็นเซ็กซ์ช็อปที่ญี่ปุ่น เราอยากเล่าความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบอุปกรณ์ต่างๆ มันทำให้เราเห็นและเข้าใจสรีระ อารมณ์ สิ่งเหล่านี้มีความหลากหลายมาก การเดินเข้าไปในเซ็กซ์ช็อปไม่ใช่แค่การตอบสนองทางอารมณ์ มันเป็นการเข้าไปดูสถาปนิกอารมณ์ แต่มันเล่าออกมาไม่ได้” ยอดเล่าให้เราฟังก่อนบอลจะยกอีกหนึ่งตัวอย่าง

“ตอนซีซั่นแรกๆ เราสนใจเทศกาลหนังโป๊มากๆ เลยนะ ในโลกนี้มีเทศกาลหนังโป๊ที่เอาดาราหนังโป๊หรือหนังโป๊มาประกวดกันเหมือนหนังอาร์ตเลย หลายประเทศจัดกันใหญ่โตและตอนนั้นเราอยากไปกันมาก แต่พอมานั่งคิดกันดูว่าต่อให้เราไปก็จะเห็นแต่อะไรเบลอๆ ไปหมดเพราะทุกเรื่องที่เล่าสุ่มเสี่ยงกับการถูกเซนเซอร์มากๆ มันจะเหนื่อยมากแน่ๆ

“จริงๆ หนังโป๊มันคือศาสตร์อย่างหนึ่ง มันมีหนังโป๊บางประเภทที่ดูแล้วแม่งไม่รู้สึกอะไรเลยก็มี แต่หนังโป๊บางเรื่องมันก็สามารถสร้างอารมณ์ได้เหมือนหนังทั่วไป จุดประสงค์ของหนังโป๊คือทำให้คนมีอารมณ์และฟินตามเป้าหมายของผู้กำกับ บางคนทำได้ แต่บางคนทำไม่ได้ นี่แหละที่เขาเอาไปประกวดกัน แต่เรื่องแบบนี้ก็หมดสิทธิเล่า”

เราเห็นถึงความตั้งใจผ่านสายตาและน้ำเสียงของพวกเขาทั้งคู่ได้ไม่ยาก บอลและยอดเดินทางกันมาไกลมาก ไม่ใช่แค่ประเทศที่พวกเขาไปเยือนแต่เป็นการเดินทางของรายการ หนังพาไป จากความชอบ จากทัศนคติที่คล้ายกัน หากแต่ความขัดแย้งของเขาทั้งคู่ก็ยังมีอยู่

ความต่างในความเหมือน

“ความขัดแย้งยังมีเหมือนเดิมแหละ ไม่ได้ดีขึ้นเลยตลอด 10 ปี แต่ก็เข้าใจกันมากขึ้นว่าความต่างมันดี ถ้าเล่าแค่ในของมุมเราเรื่องมันก็จะไม่กลมกล่อม”

การที่คนสองคนจะเป็นเพื่อนกันอาจเริ่มต้นมาจากความชื่นชอบที่คล้ายๆ กันทำให้เรามีหัวข้อ มีเรื่องราวให้พูดคุย ให้ได้สนิทกันมากขึ้น

ไม่ต่างจากบอลและยอด มากกว่า 10 ปีที่พวกเขาเป็นเพื่อนกันมา ความชอบหลอมรวมจนกลายมาเป็น หนังพาไป แต่การที่มันดำเนินมาได้จนจะถึงซีซั่นที่ 5 ใช่เพราะความเหมือน แต่คือความต่างต่างหาก

“เราขัดแย้งกันทุกอย่าง แต่มันแค่เบาลงจากแต่ก่อน ตอนทำรายการแรกๆ แต่ละคนจะมีของของตัวเอง และบางเรื่องจะมีความขัดแย้งกันสูง คนหนึ่งรู้เรื่องนี้ แต่อีกคนสนใจเรื่องนี้ แล้วก็จะหาทางประนีประนอมกัน จนมาช่วง 5 ปีนี้ความสนใจเริ่มเข้ามาใกล้กันมากขึ้นเพราะมันถูกจูน

“จนมาตอนนี้ความสนใจก็เริ่มขยับไปตามทางของตัวเองอีกครั้งด้วยอายุที่มากขึ้น แต่ละคนก็จะดำดิ่งไปตามที่ตัวเองสนใจ พอมาทำงานร่วมกัน ความขัดแย้งก็จะกลับมาอีกแหละ แต่พอเราผ่านประสบการณ์ขัดแย้งมาเยอะ เราก็เริ่มรู้สึกว่าความต่างมันก็ดี แล้วก็พยายามรับฟังกันมากขึ้น แต่ถ้าถามว่าขัดแย้งไหมมันก็ยังขัดแย้งกันเหมือนเดิมแหละ ไม่ได้ดีขึ้นเลยตลอด 10 ปี แต่ก็เข้าใจกันมากขึ้นว่าความต่างมันดี ถ้าเล่าในแค่มุมของเราเรื่องมันก็จะไม่กลมกล่อม” บอลกล่าว

“ช่วงแรกๆ เราทะเลาะกันได้ทุกเรื่อง เพลงนี้กูไม่เอา กูจะเอาเพลงนี้ กูจะเอามู้ดนี้ ทะเลาะกันได้ตั้งแต่นาทีแรกของรายการ จนสุดท้ายกว่าจะผ่านมาได้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม เราอยากให้งานเรามันดีขึ้น ไม่ว่าจะขัดแย้งยังไงเราก็อยากให้งานมันดีขึ้น เหมือนเรามีอุดมคติเดียวกันว่างานต้องดีขึ้นไม่ใช่ถดถอย ไม่ใช่ว่าอันนี้กูยอมก็ได้จนกลายเป็นว่ามันไม่ใช่งานของเรา” ยอดเสริม เขาไม่เพียงแต่เล่าถึงปัญหาของกันและกัน แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะโยงเข้าประเด็นสังคมตามสไตล์ที่ความขัดแย้งมีอยู่ทุกแห่ง

แต่การที่เรามีเป้าหมายเดียวกันและอยากทำให้มันดีขึ้นคือสิ่งที่ดี

ระหว่างทาง ระหว่างกัน

“บางทีมันก็ไม่ได้สวยงามเหมือนในรายการไปทั้งหมดหรอก”

หลายตอนในรายการ หนังพาไป พวกเขาทั้งคู่ต่างยิงคำถามต่อสังคมและพูดถึงประเด็นต่างๆ ที่พบเจอระหว่างทาง หลายบทสัมภาษณ์ต่างตั้งคำถามให้พวกเขาทั้งคู่ตอบและแสดงความคิดเห็น หากแต่ในความสัมพันธ์นั้น เรายังอยากฟังพวกเขาพูดถึงกันและกัน มันอาจเป็นคำถามที่ต้องใช้เวลาในการตอบนานเสียหน่อยสำหรับเพื่อนร่วมทางตลอดกว่า 10 ปี  

ทั้งบอลและยอดเงียบไปสักพักจนเราใจหาย แต่ไม่นานบอลก็ชิงตอบก่อน

“พี่ยอดเป็นคนที่ไม่ค่อยร้องไห้ถ้าไม่สุดจริงๆ บางครั้งที่พี่ต้องทำเทปที่มันมีความดราม่า มีประเด็น พี่จะตั้งเป้าไว้เลยว่าถ้าเทปนี้ทำให้พี่ยอดร้องไห้ได้แสดงว่ามันถึง มันจะมีบางเทปที่นั่งตรวจกันไปก็จะแอบสังเกตดู ถ้าเทปไหนหันมาอีกทีน้ำตาไหลท่วมจอ โอเคผ่าน พี่ก็จะเอาเรื่องนี้มาทำให้เกิดประโยชน์ ถ้าพี่ยอดร้องไห้แสดงว่าอารมณ์คนดูก็น่าจะไปได้ไกลแล้ว”

แต่สำหรับยอด ดูเหมือนคำถามนี้จะทำเอาคิดหนักหน่อย เขาคิดอยู่นานแต่สุดท้ายคำตอบก็ออกมา ยอดได้พูดถึงตอน ‘บวชชี หนีรัก’ ในซีซั่น 2 ครั้นไปเยือนประเทศเมียนมาร์ ในตอนนี้รายการได้เล่าถึงโศกนาฏกรรมรักระหว่างเจ้าน้อยศุขเกษม เจ้าชายจากล้านนากับสาวชาวพม่านามว่า มะเมียะ ที่มาพบรักกัน หากแต่มีอุปสรรคมากมายมาขวางกั้นเขาทั้งคู่ทั้งชนชั้นและเชื้อชาติ ยอดได้เล่าถึงบอลในตอนนั้นด้วยน้ำเสียงจิกกัดปนชื่นชม

“เขาเป็นคนดราม่ามาก มันมีเทปหนึ่งที่เราพูดถึงเจ้าน้อยกับมะเมียะ มันเป็นเทปที่เราต้องเล่าในหลายมุม เราต้องมานั่งคุยกันว่าเราจะเล่ามุมไหนดี การที่เราจะเล่าได้เราต้องดำดิ่งไปกับตัวละคร บางวันตื่นเช้ามายอดก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าน้อย แต่พอตอนบ่ายก็เป็นมะเมียะขึ้นมาเฉยๆ และอีกวันก็เป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ ผมว่ามันดีมากเพราะมันทำให้เราเข้าใจงานในทุกมุม ทำให้เราก้าวเข้าไปรับรู้ความรู้สึกนั้นได้ง่ายขึ้น และเทปนั้นก็ถือว่าเป็นเทปที่อาจไม่ได้ดีที่สุดแต่เราเล่าได้ดีที่สุดแล้วในภาวะนั้น เราชอบเทปนั้นมากๆ

“เพราะบางทีมันก็ไม่ได้สวยงามเหมือนในรายการไปทั้งหมดหรอก แต่เราควรจะมีเพื่อนที่บางอย่างก็คล้าย บางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ไม่งั้นมันจะน่าเบื่อ” บอลและยอดบอกกับเราอย่างนั้น

ตลอดบทสนทนาเคล้าเสียงหัวเราะท่ามกลางอุณหภูมิที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จากแสงแดดในยามสาย เรารับรู้เรื่องราวระหว่างทางของพวกเขาทั้งคู่ผ่านคำถามเพื่อให้ได้คำตอบที่ซ่อนอยู่ในมิตรภาพของคนสองคน

ที่สำคัญคือบนเส้นทางที่พวกเขาร่วมกันสร้างขึ้นมากว่า 10 ปี รายการที่ชื่อ ‘หนังพาไป’ ของพวกเขาได้ทำให้เราเชื่อแล้วว่า ‘จุดหมายปลายทางอาจไม่ใช่ที่สุดของความงดงาม’ จริงๆ

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

พิชย์ สุนทโรสถ์

ช่างภาพหน้าหมี ผู้ชอบเพลงแจ๊สเป็นชีวิตจิตใจ