My Child Lebensborn : เกมที่ให้คุณดูแลเด็กนาซีที่ถูกบูลลี่หลังสงครามโลก

Highlights

  • My Child Lebensborn เป็นเกมที่ให้เรารับบทเป็นผู้ปกครองของเด็กที่เกิดจากพ่อที่เป็นนาซี เราต้องคอยดูแลเขาให้เติบโตในสังคมที่เห็นเขาเป็นตัวประหลาดและถูกบูลลี่ต่างๆ นานา
  • สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับเกมนี้คือเรื่องราวที่ดัดแปลงมาจากเรื่องจริง ระบบเกมเพลย์ที่สนุก ภาพการ์ตูนที่มีเอกลักษณ์และสิ่งที่เราตกตะกอนได้หลังจากเล่นเกม สุดท้ายสงครามอาจจะจบลงไปแล้ว แต่ผลของมันจะยังคงอยู่ตราบนานเท่านานเพื่อเป็นบทเรียนให้เราได้เรียนรู้

สงครามจบไปนานแล้ว

ผู้คน สถานที่ และร่องรอยของมันค่อยๆ หายไปตามกาลเวลา ประวัติศาสตร์เหล่านั้นค่อยๆ เหลือไว้กลายเป็นเพียงบทเรียนที่ถูกจารึก แม้ตะกอนหลังสงครามจะสร้างผลกระทบตามมาจนถึงปัจจุบัน แต่คนยุคใหม่ก็เริ่มรู้สึกว่าสงครามเป็นเรื่องไกลตัวมากขึ้นทุกทีๆ

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ยังมีคนพยายามนำเรื่องราวเหล่านั้นกลับมาพูดถึงอยู่เรื่อยๆ เพื่อให้เราเห็นภาพ เข้าใจและตระหนักว่าผลกระทบของมันร้ายแรงขนาดไหน

เราจะได้ไม่เดินกลับไปสู่ความโหดร้ายเหล่านั้นอีก

My Child Lebensborn

ถ้าเราลองเข้า App Store ในวันนี้ (21 ธันวาคม) เราจะเห็นว่าเกมที่อยู่อันดับหนึ่งในหมวดเกม Top Paid คือ My Child Lebensborn

เกมนี้จะพาเราย้อนกลับไปสู่ปี 1951 ในประเทศนอร์เวย์ เกมจะให้เรารับบทเป็นคนดูแลเด็กคนหนึ่งผ่านระบบการเล่นคล้ายๆ กับเกม Tamagotchi ที่ให้เราดูแลสัตว์เลี้ยงตั้งแต่อาหารการกินไปจนถึงสภาพจิตใจ แต่พวกเขานิยามตัวเองว่าเป็นเกมแนว dark Tamagotchi เพราะจุดเด่นของเกมจริงๆ คือเรื่องราวของเด็กและสภาพสังคมที่เกมจำลองขึ้นต่างหาก

My Child Lebensborn

ตามเนื้อเรื่องของเกม เด็กที่เรารับเลี้ยงคือผลผลิตของโครงการ Lebensborn โครงการของนาซีเยอรมันในยุคสงครามโลกครั้งที่สองที่มีเป้าหมายเพิ่มจำนวนเด็กเชื้อสายอารยันป้อนเข้าสู่ประชากรโลก พวกเขาใช้วิธีทั้งการรับเลี้ยงและการให้ทหารเยอรมันที่ไปทำสงครามตามที่ต่างๆ ไปมีสัมพันธ์กับหญิงสาวท้องถิ่นที่ผ่านเกณฑ์ แต่เมื่อสงครามจบลง เด็กที่เกิดขึ้นจากโครงการก็ถูกละเลย กลายเป็นเด็กกำพร้า และเราคือคนที่เข้ามาดูแล

สภาพสังคมในประเทศนอร์เวย์ในตอนนั้นก็ได้รับผลกระทบจากสงครามเช่นเดียวกัน ความเกลียดชังที่มีต่อชาวเยอรมันมีอยู่เต็มเปี่ยมและแผ่ขยายไปทุกหย่อมหญ้า จุดนี้เองจึงเป็นประเด็นสำคัญที่เราต้องพาเด็กคนนี้เจริญเติบโตไปท่ามกลางการเกลียดชังและถูกบูลลี่ว่าเขาคือเด็กที่เป็นผลผลิตจากนาซี

My Child Lebensborn

จริงๆ แล้ว My Child Lebensborn มีความยาวเฉลี่ยในการเล่นประมาณ 4-5 ชั่วโมงกว่าจะจบเกม สำหรับเกมมือถือที่เป็นแนวเนื้อเรื่อง นี่ถือเป็นเวลาที่นานเอาการ แต่กลายเป็นว่าการดำเนินเรื่องของเกมนั้นพาผู้เล่นเล่นจบภายในรวดเดียวมาหลายรายแล้ว

เกมค่อยๆ เปิดเรื่องโดยให้เรารู้เรื่องราวของเด็กคนนี้ทีละน้อย เราจะได้มีส่วนในการเจริญเติบโตของเด็กผ่านการตัดสินใจของเราที่มีให้เลือกเป็นข้อๆ ทุกข้อที่เราเลือกจะมีผลต่อจิตใจของเด็ก นอกจากนี้เรายังต้องวางแผนในการจัดการเวลาในเกมให้ดี เพราะเราไม่สามารถทำทุกอย่างได้ด้วยเวลาที่จำกัด เราต้องจัดการทั้งเรื่องอาหาร ความสะอาด สภาพจิตใจ แถมเรายังต้องรับมือการถูกบูลลี่ที่เด็กคนนี้เจอและผ่านเรื่องราวทั้งหมดไปด้วยกัน

My Child Lebensborn

ถ้าย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้น My Child Lebensborn มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปีที่แล้วผ่านการระดมทุนในเว็บไซต์ kickstarter.com โดย Elin Festøy เธอเป็นนักสื่อสารมวลชนที่มักจะนำเสนอเรื่องสงครามมานานหลายปี มาถึงวันหนึ่งที่เธอได้รับรู้เรื่องเด็กที่เกิดจากโครงการ Lebensborn เธอจึงคิดจะบอกเล่าเรื่องนี้ แรกเริ่มเดิมทีโปรเจกต์ถูกวางเอาไว้ในรูปแบบของหนังสารคดี แต่ Elin อยากพาเรื่องราวนี้ไปให้สุดทางกว่านั้น

เกมจึงเป็นคำตอบของเธอ

“ถ้ามันเป็นหนัง หนังเรื่องนี้คงจะมีคนแก่มาเล่าเรื่องสงคราม” Elin ให้สัมภาษณ์ไว้กับเว็บไซต์ pocketgamer.biz

“พวกเขาอาจจะเล่าถึงเด็กเหล่านี้แต่คนดูก็จะไม่เห็นเด็กอยู่ดี ดังนั้นมันยากเหมือนกันที่จะนำเสนอเรื่องนี้ให้กับคนรุ่นใหม่ เกมโทรศัพท์จึงเป็นคำตอบของเราเพราะหน้าจอทัชสกรีนคือสิ่งที่นำพาเรื่องราวนี้ไปสู่คนหมู่มากได้มากที่สุด”

My Child Lebensborn

เราได้ลองเล่นเกมนี้แล้ว สำหรับเรา สิ่งที่เราประทับใจในเกมนี้มีอยู่ 3 อย่าง

อย่างแรกคือเรื่องราวของเกมที่ดึงเรื่องจริงของโครงการ Lebensborn มานำเสนอ ในทุกๆ เหตุการณ์ที่เกมหยิบยื่นให้เราตัดสินใจและเผชิญ เราจะรู้สึกอยู่ลึกๆ เสมอว่ามันคือเรื่องจริง แถมเป็นเรื่องจริงที่โหดร้ายเกินกว่าเราจะคิด ดังนั้นผลที่ตามมาคือมันอิมแพกต์ต่อใจเรามาก ความรู้สึกหม่นเศร้า หดหู่ และดีใจผสมปนเปจนพาเราอินได้ไม่ยาก

อย่างที่สองคือการนำเสนอในแง่ภาพ ภาพของเกมจะเป็นแนวการ์ตูนที่มีลายเส้นเป็นเอกลักษณ์ ขอบของภาพที่ไม่เด่นชัดทำให้เรารู้สึกไม่มั่นคงสอดคล้องไปกับเรื่องราวที่ดำเนิน

อย่างสุดท้ายคือระบบเกมเพลย์ ถ้าวัดกันตามจริง การหยิบเอาเรื่องราวทางสังคมมาทำเป็นเกมไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่หลายๆ เกมมักจะมาตกม้าตายในฐานะเกมเพลย์ที่ไม่สนุก ถึงเรื่องจะดียังไง ถ้าไม่สนุกคนก็ไม่เล่น แต่เกมนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น พวกเขาสามารถทำให้เกมนี้สนุกได้ผ่านระบบการเล่นที่ให้เราต้องตัดสินใจเลือก ด้วยเวลาที่มีจำกัดทำให้บางครั้งเราต้องตัดสินใจเลือกทางเดินแค่อย่างเดียว ยกตัวอย่างเช่น เราสามารถทำงานจนกลับบ้านดึกได้เพื่อให้ได้เงินมาซื้ออาหารทำให้เรากับเด็กท้องอิ่ม แต่การกลับบ้านดึกก็จะทำให้เด็กที่เราดูแลขาดความอบอุ่น ดังนั้นเกมนี้ไม่มีอะไรถูก-ผิด มีแต่ข้อดีและข้อเสียที่เราได้มาหลังจากเลือกทางเดินของเราเอง นั่นจึงเป็นความท้าทายที่พาเราเล่นไปได้เรื่อยๆ ไม่รู้เบื่อ

My Child Lebensborn

มีคนเคยบอกไว้ว่าเราควรศึกษาประวัติศาสตร์เพื่อให้รู้ว่าเราเป็นใครและจะเดินไปต่อทางไหน และสำหรับเราเกมนี้ก็ทำหน้าที่แบบนั้น

จริงอยู่ที่สงครามจบไปนานแล้ว แต่เรื่องราวของเกมนี้กลับทำให้เราได้คิด ผลกระทบของสงครามนั้นมีมากกว่าที่เราเห็น ไม่ว่าจะเป็นชีวิตที่เสียไปและชีวิตที่เกิดขึ้นใหม่ สภาพสังคมและทัศนคติของคนก็เปลี่ยน กว่าที่จะฟื้นฟูคืนสภาพให้กลับมาดีดังเดิมก็ต้องใช้เวลาอีกหลายปี

ดังนั้นในเมื่อเรามีบทเรียนจากตะกอนสงครามเหล่านี้แล้ว การเดินถอยหลังกลับไปสู่สงครามน่าจะไม่ใช่ตัวเลือกที่เราควรเดินกลับไปเท่าไหร่นัก ปัจจุบันเราอาจจะเห็นพาดหัวข่าวในบางวันถึงบางเหตุการณ์ที่อาจเป็นชนวนของสงครามโลกครั้งที่ 3 หลายคนอาจจะจินตนาการภาพไม่ออก แต่กับคนที่เคยผ่านมา พวกเขากำลังพยายามทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก

เพราะกว่าจะฟื้นฟูกลับมาได้อีกครั้ง เราต้องเสียอะไรไปมากมายเหลือเกิน

My Child Lebensborn

ตอนนี้ My Child Lebensborn มีให้ดาวน์โหลดทั้ง App Store และ Play Store ทางฝั่งผู้ผลิตเกมก็เริ่มมีการพูดคุยที่จะนำเกมนี้เข้าสู่ระบบการศึกษาประเทศนอร์เวย์แล้ว ดังนั้นสำหรับใครที่อยากศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เราขอแนะนำเกมนี้นะ ได้ทั้งความสนุกและการตระหนักถึงอะไรบางอย่างแน่นอน

อ้างอิง

mychildlebensborn.com

pocketgamer.biz

AUTHOR