Mr. Sunshine ศึกษาลงลึกถึงรากเหง้าของเกาหลี ผ่านการต่อสู้เพื่ออิสรภาพปลายยุคโชซอน

Mr. Sunshine หรือในชื่อภาษาไทยว่า สุภาพบุรุษตะวันฉาย ออกอากาศครั้งแรกในปี 2018 เป็นหนึ่งในซีรีส์เกาหลีสายประวัติศาสตร์ที่ถือได้ว่าท็อปฟอร์ม และถ้าใครที่เคยได้ชมผ่านตามาบ้างแล้ว เชื่อว่า Mr. Sunshine น่าจะแทรกซึมขึ้นไปอยู่ในลิสต์อันดับต้นๆ ของซีรีส์ในดวงใจได้ไม่ยาก

ท็อปฟอร์มในเรื่องอะไรบ้าง? สำหรับคนที่ยังไม่เคยดู ต้องเกิดคำถามนี้ขึ้นมาในหัวแน่ๆ 

  • Mr. Sunshine เป็นผลงานของผู้กำกับ อีอึงบก และนักเขียนบท คิมอึนซุก ทั้งคู่เป็นคนเบื้องหลังอันดับต้นๆ ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการบันเทิงเกาหลี งานซีรีส์ที่เคยทำร่วมกันมาก่อนหน้านั้น เช่น Goblin (2016) และ Descendants of the Sun (2016) ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้ต่างก็ติดอยู่ในลิสต์อันดับต้นๆ ของซีรีส์เรตติ้งสูงสุดตลอดกาลช่องเคเบิลและช่องทีวีสาธารณะในประเทศ ซึ่งแน่นอนว่า  Mr. Sunshine ก็อยู่ในลิสต์ด้วยเช่นกันในอันดับที่ 4 (ช่องเคเบิล) โดยมีเรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 18.1%
  • บทซีรีส์ที่ครบรส กลมกล่อม และน่าประทับใจ มาเต็มทั้งเรื่องรัก ดราม่า สงคราม ความแค้น นอกจากนี้ยังมีการหยิบยกเรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริง รวมไปถึงประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในอดีตที่ไม่สู้ดีนักกับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างเซนสิทีฟสำหรับคนเกาหลีมากๆ มาจนถึงทุกวันนี้ ทำให้ระหว่างที่ซีรีส์ออกอากาศก็มีการถูกร้องเรียนจากผู้ชมบางส่วน แต่ท้ายที่สุดทีมผู้ผลิตก็หาทางออกที่ดีได้ โดยที่เนื้อหาไม่ได้ถูกปรับเปลี่ยนไปมากนัก
  • งานภาพที่สวยสะกดสายตา ไม่ว่าจะเป็นโลเคชั่นที่ใช้ในการถ่ายทำ เสื้อผ้า อุปกรณ์ประกอบฉาก องค์ประกอบศิลป์ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี สมราคาซีรีส์ทุนสร้าง 4.3 หมื่นล้านวอน หรือประมาณ 1,160 ล้านบาท โดยทีมผู้ผลิตได้ลงทุนเนรมิตโรงถ่ายขนาดใหญ่ ทั้งฉากกลางแจ้งขนาด 20,000 ตารางเมตรในเมืองนนซาน จังหวัดชุงชอนใต้ และฉากในร่มอีก 6,600 ตารางเมตรที่เมืองแทจอน เพื่อใช้ในการถ่ายทำ
  • เป็นการรวมตัวของนักแสดงแถวหน้าของเกาหลีใต้ เริ่มตั้งแต่นักแสดงนำชาย อีบยองฮอน ที่ในเวลานั้นมีผลงานโดดเด่นในระดับฮอลลีวู้ดไปแล้ว แต่ก็ตัดสินใจหวนกลับมารับงานซีรีส์เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ส่วนฝ่ายนักแสดงนำหญิงอย่าง คิมแทรี นั้น Mr. Sunshine คือการเดบิวต์ผลงานทางทีวีเรื่องแรกของเธอ และแจ้งเกิดได้อย่างสวยงาม
  • ในส่วนของนักแสดงหลักอีก 3 คน ไม่ว่าจะเป็น ยูยอนซอก (Hospital Playlist 1-2, Reply 1994) คิมมินจอง (The Devil Judge, My Fellow Citizens) และบยอนโยฮัน (Misaeng, Six Flying Dragons) แต่ละคนถือว่าเป็นยอดฝีมือด้านการแสดงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พิสูจน์ได้จากผลงานอันหลากหลายที่ผ่านมา และการมาร่วมแสดงในซีรีส์เรื่องนี้ก็ได้กลายเป็นอีกหนึ่งผลงานชิ้นมาสเตอร์พีซที่อยู่ในใจของแฟนซีรีส์หลายๆ คนมาจนถึงปัจจุบัน

เรื่องรักระหว่างรบ ท่ามกลางสมรภูมิสงครามระหว่างเกาหลี-ญี่ปุ่น 

Mr. Sunshine เป็นซีรีส์ที่นำโครงเรื่องบางส่วนมาจากเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์เกาหลี ช่วงปลายทศวรรษ 1800 ถึงต้นทศวรรษ 1900 ซึ่งเป็นยุคปลายของโชซอนที่กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่จักรวรรดิเกาหลี ญี่ปุ่นเข้ามามีบทบาทสำคัญในชนชั้นปกครอง ชาวต่างชาติและวัฒนธรรมตะวันตกเริ่มแพร่หลายมากขึ้น  

เรื่องราวในซีรีส์เริ่มต้นที่ ชเวยูจีน (รับบทโดย อีบยองฮอน) ในวัย 9 ขวบ ได้หนีชีวิตโหดร้ายไปพร้อมกับเรือรบอเมริกันเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่นเพียงลำพัง เวลาผ่านไป 30 ปี เขากลับมาเหยียบแผ่นดินเกาหลีอีกครั้งในฐานะทหารประจำกองทัพเรือสหรัฐฯ แม้ว่าจะได้กลับมายังแผ่นดินเกิด แต่ความทรงจำอันเจ็บปวดของเขาก็ยังคอยตอกย้ำอยู่ตลอดเวลาว่า ‘โชซอนไม่ใช่บ้านของเขา’

แต่โชคชะตาก็พาให้ชเวยูจีนได้มาพบกับ โกแอชิน (รับบทโดย คิมแทรี) หญิงสาวหัวก้าวหน้าจากตระกูลสูงศักดิ์ที่มีตัวตนลับๆ อยู่เบื้องหลัง เพราะเธอคือหนึ่งในกองกำลังต่อสู้เพื่ออิสรภาพที่มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนผ่านระบอบการปกครองที่กำลังสั่นคลอนในช่วงนั้น และเมื่อวันเวลาผ่านไป ความรักของทั้งคู่ก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นช้าๆ ท่ามกลางภาวะสงคราม การเมืองที่ดุเดือด และอุปสรรคมากมายให้พวกเขาต้องฟันฝ่า

Mr. Sunshine แทรกความสมจริงของเรื่องราวด้วยการสะท้อนผ่านฉากหลังของซีรีส์ที่อยู่ในช่วงการปกครองของพระเจ้าโกจงที่กำลังดิ้นรนทุกหนทางในการรักษาราชบัลลังก์ รวมถึงการเข้ามาของทหารญี่ปุ่น ที่หวังจะขยายอาณานิคมโดยใช้เกาหลีเป็นฐานทัพในการทำสงคราม และควบรวมเข้าเป็นดินแดนของตัวเองในที่สุด เช่นเดียวกันกับสหรัฐอเมริกา ที่ในขณะนั้นเป็นยุคของประธานาธิบดีธีโอดอร์ รูสเวลต์ ก็ได้ส่งทหารและมิชชันนารีเข้ามาพัฒนาบ้านเมือง แต่จุดประสงค์ลึกๆ ก็ยังเป็นไปเพื่อหวังอาณานิคมและแสวงหาทรัพยากรเช่นกัน 

เมื่อญี่ปุ่นใช้อิทธิพลที่มีอยู่ครอบงำโชซอนมากขึ้นเรื่อยๆ พระเจ้าโกจงจึงขอความช่วยเหลือจากรัสเซียเพื่อคานอำนาจ จนเกิดเป็นสงครามระหว่างทั้งสองประเทศในเวลาต่อมา สุดท้ายฝ่ายญี่ปุ่นชนะสงคราม ทำให้สามารถเข้ามาแทรกแซงการปกครองได้อย่างเต็มรูปแบบ ถึงกับนำทหารมาล้อมวังเพื่อบังคับให้พระเจ้าโกจงลงนามในสนธิสัญญาอึลซาเมื่อปี 1905 เพื่อมอบอำนาจให้ญี่ปุ่นสามารถกำหนดนโยบายต่างๆ ได้ทั้งหมด และภายหลังโชซอนก็ตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่นอย่างสมบูรณ์ในช่วงปี 1910-1945 

ตลอด 35 ปีที่โชซอนอยู่ภายใต้อำนาจอาณานิคมของญี่ปุ่น นับเป็นความทรงจำที่โหดร้ายของคนเกาหลีจวบจนปัจจุบัน เพราะเวลานั้นถูกกดขี่และเอารัดเอาเปรียบอย่างรุนแรง สั่งห้ามไม่ให้ใช้ภาษาเกาหลี ประชาชนต้องเปลี่ยนชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น บังคับให้เข้าร่วมกองทัพเพื่อทำสงคราม ผู้หญิงต้องถูกนำไปบำเรอให้ทหารญี่ปุ่นอย่างไม่มีข้อแม้ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้สร้างความเจ็บปวดให้กับคนโชซอนเป็นอย่างมาก จนทำให้เกิดกลุ่มต่อสู้เพื่ออิสรภาพขึ้น โดยพวกเขาต่างเป็นชนชั้นล่างที่ถูกกดขี่ และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสู้เท่านั้น เพราะแม้การต่อสู้ครั้งนี้จะจบลงด้วยความตาย แต่ถ้าต้องมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นทาสของญี่ปุ่น พวกเขายอมตายอย่างคนอิสระเสียยังดีกว่า 

Caption (ซ้าย) กลุ่มต่อสู้เพื่ออิสรภาพในปี 1907 ถ่ายโดย เฟรเดอริก แม็กเคนซี นักหนังสือพิมพ์ชาวอังกฤษ (ขวา) ภาพกลุ่มต่อสู้เพื่ออิสรภาพจากซีรีส์ Mr. Sunshine

คนเกาหลีที่ไม่มีตัวตน 

สงคราม ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องที่สุด ประวัติศาสตร์ตอกย้ำเรื่องนี้ให้เราได้รู้หลายครั้งหลายหน และอย่างหนึ่งที่สงครามทิ้งเอาไว้ คือการสร้างบาดแผลให้กับผู้คนจวบจนทุกวันนี้

จุดหนึ่งที่น่าสนใจซึ่ง Mr. Sunshine แอบซ่อนปมเล็กๆ เอาไว้ นั่นคือตัวละครหลักของเรื่องที่มีความโดดเดี่ยวอยู่ภายใน เพราะแม้จะมีโชซอนเป็นแผ่นดินแม่ แต่พวกเขากลับไม่ได้รู้สึกรักใคร่ผูกพัน ซ้ำร้ายยังมีแต่ความเจ็บช้ำฝังแน่นอยู่ในจิตใจ  

ชเวยูจีน (รับบทโดย อีบยองฮอน) ที่แม้จะดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ในดินแดนเสรีภาพจนได้สัญชาติอเมริกันมาครอบครอง แต่ด้วยรูปลักษณ์ความเป็นเอเชียที่ลบล้างไม่ได้ ทำให้ลึกๆ แล้วเขาก็ไม่สามารถ ‘เป็น’ คนอเมริกันได้อย่างหมดจด และแม้จะมีโอกาสได้กลับมายังแผ่นดินเกิด ด้วยสัญชาติและหน้าที่รับใช้ชาติที่ได้รับมอบหมาย ก็ทำให้เขาไม่ได้ถูกมองว่าเป็นพวกเดียวกับคนโชซอนเช่นกัน นั่นคือ ‘ไม่ว่าจะพาตัวเองไปอยู่ที่ไหน เขาก็ไม่ใช่คนของที่นั่นอยู่ดี’  

กูดงแม (รับบทโดย ยูยอนซอก) ลูกชายคนขายเนื้อที่ถูกมองว่าเป็นพวกชั้นต่ำ หรือบางทีอาจไม่ได้มองว่าพวกเขาเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ ด้วยค่านิยมในยุคนั้นที่มองว่าอาชีพคนฆ่าสัตว์นั้นสกปรก น่ารังเกียจ และมีสถานะต่ำยิ่งกว่าทาสรับใช้ กูดงแมเป็นอีกตัวละครหนึ่งที่มีภูมิหลังเจ็บช้ำไม่แพ้กัน 

จนกระทั่งพ่อแม่ของเขาถูกฆ่า กูดงแมจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากละทิ้งโชซอนแล้วไปตายเอาดาบหน้าที่ญี่ปุ่น หลังจากนั้นเขาถูกเลี้ยงดูและฝึกฝนโดยแก๊งซามูไรที่มีอิทธิพลจนเก่งกาจและได้ขึ้นก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าสาขา เมื่อได้กลับมายังโชซอน คำว่า ‘บ้านเกิด’ จึงไม่ได้มีความหมายกับเขาแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขามีแต่ความแค้นที่ฝังรากลึกอยู่ในจิตใจ

แม้กระทั่ง โกแอชิน (รับบทโดย คิมแทรี) หญิงสาวชาวโชซอนผู้เกิดในตระกูลสูงศักดิ์ ที่มองเผินๆ ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นเดือดเป็นร้อนกับชีวิตเลยสักนิดเดียว แต่เพราะได้เรียนหนังสือสูงกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ ในยุคนั้น ทำให้โกแอชินมีความหัวก้าวหน้า มองเห็นความไม่ชอบธรรมทางด้านการเมืองที่โชซอนถูกกดขี่โดยญี่ปุ่น รวมถึงความเหลื่อมล้ำระหว่างระบบชนชั้นปกครองและคนระดับล่างที่ถ่างกว้าง เธอจึงแฝงตัวเพื่อเข้าร่วมกองกำลังลับ ที่มีสมาชิกส่วนใหญ่เป็นชนชั้นล่างที่ต้องการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของตนเอง เพราะผู้ที่มีหน้าที่ปกครองประเทศไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้พวกเขาได้  

คิมฮีซอง (รับบทโดย บยอนโยฮัน) ลูกชายของตระกูลที่ทั้งร่ำรวยและมีอำนาจ (ในทางมิชอบ) เขาถูกส่งไปเรียนที่ญี่ปุ่นตั้งแต่ยังเด็ก หวังจะให้กลับมารับราชการเพื่อเชิดหน้าชูตาครอบครัว แต่ด้วยความกลัวลึกๆ ในใจที่ไม่อยากทำให้คนอื่นต้องเจ็บช้ำเหมือนที่คนในตระกูลเคยทำเอาไว้ เขาจึงผัดผ่อนด้วยเหตุผลต่างๆ นานามาตลอด 10 ปี เพราะไม่อยากกลับมายังบ้านเกิดของตัวเอง ซึ่งสิ่งนี้กลายเป็นปมใหญ่อันหนักอึ้งที่ส่งผลกระทบต่อเนื่องหลายๆ อย่างในชีวิตของเขา เพราะแม้จะกลับมาโชซอนแล้วก็ยังใช้ชีวิตเสเพล ล่องลอย จนสุดท้ายมันทำให้เขาพลาดอะไรบางอย่างในชีวิตไป

คุโดะ ฮินะ (รับบทโดย คิมมินจอง) ชาวโชซอนโดยกำเนิด มีชื่อเดิมว่า อียังฮวา เพื่อผลประโยชน์ของครอบครัว เธอถูกพ่อบังคับให้แต่งงานกับชายแก่ญี่ปุ่นที่มีฐานะร่ำรวย จนเมื่อสามีตายไป ฮินะก็ได้กลับมาที่โชซอนอีกครั้งในฐานะแม่ม่ายยังสาว ผู้เป็นเจ้าของโรงแรม Glory ซึ่งเป็นที่พักพิงของชาวต่างชาติ ทั้งญี่ปุ่น อเมริกา และรัสเซีย 

ด้วยชื่อนามสกุลและรูปลักษณ์ภายนอกของเธอที่มักจะแต่งตัวในแบบของชาวตะวันตกอยู่เสมอ ทำให้ดูแล้วเหมือนฮินะจะไม่ได้ใส่ใจหรือมีความรู้สึกอยากจะปกป้องแผ่นดินโชซอนมากมายนัก แต่การเป็นเจ้าของโรงแรมที่สามารถเข้านอกออกในได้ทุกหนแห่ง ทำให้เธอคือผู้กุมความลับคนสำคัญที่มีผลต่ออธิปไตยของประเทศ

Mr. Sunshine และปลายทางความรักที่คาบเกี่ยวบนเส้นของความเห็นต่าง

แม้เส้นเรื่องจะมีความโรแมนติกสอดแทรกเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจผู้ชมอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ต้องนับถือนักเขียนบทที่สามารถร้อยเรียงเรื่องแต่งกับประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริงออกมาได้อย่างละมุนละม่อม และทำให้ชาวต่างชาติที่ได้ดูซีรีส์เข้าใจความเป็นมาเกี่ยวกับรากเหง้าของชาวเกาหลีมากขึ้น

สำหรับผู้เขียนเอง คิดว่าคงไม่เกินไปนักหากจะบอกว่า Mr. Sunshine เป็นหนึ่งในซีรีส์ประวัติศาสตร์เกาหลีที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง เพราะนอกจากเรื่องราวที่เข้มข้นแล้ว การสร้างตัวละครรายล้อมที่มีมิติไม่แพ้ตัวละครหลักก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าประทับใจมาก โดยเฉพาะความรู้สึกดีๆ ที่ก่อตัวขึ้นของชเวยูจีนและโกแอชินที่เกิดขึ้นท่ามกลางภาระหน้าที่และความเห็นทางการเมืองที่แตกต่าง แต่พวกเขาก็ยังยึดมั่นในอุดมการณ์โดยที่ไม่ยอมให้มีสิ่งใดมาเป็นอุปสรรค สุดท้ายแล้วปลายทางของทั้งคู่จะมีตอนจบเป็นอย่างไร ขอแนะนำว่าให้ลองพิสูจน์ด้วยตาของตัวเอง 

To Know:

  • ตัวอย่างซีรีส์ https://www.youtube.com/watch?v=XXEFMR1vST4
  • Mr. Sunshine สุภาพบุรุษตะวันฉาย ซีรีส์ความยาว 24 ตอน รับชมได้ผ่าน Netflix
  • ติดตามชมรายการ ดูซีรีส์ให้ซีเรียส ซีซัน 2 ตอน Mr. Sunshine เรื่องรักระหว่างรบ สงครามเกาหลี-ญี่ปุ่น ได้ที่ https://youtu.be/i0Z9NWNcF3U

อ้างอิง:  

AUTHOR