มาฟังเสียงชาว a team และเด็กสมัยนี้หลังดูสารคดีวัยรุ่นไทย #BKKY จบ

เราได้ไปชมสารคดี #BKKY งานชิ้นสดใหม่ของ เบิ้ล-นนทวัฒน์ นำเบญจพล (อ่านบทสัมภาษณ์ของเขาในเว็บไซต์เราได้นะ) เบิ้ลหยิบเรื่องจริงจากการสัมภาษณ์วัยรุ่นไทย
100 คนมาร้อยเรียงใหม่ เพื่อนำเสนอให้เราเห็นว่าเด็กสมัยนี้คิด เห็น
และเจอปัญหาอะไรรอบตัว ออกมาได้อย่างน่าสนใจ
เป็นรสชาติใหม่ของหนังสารคดีที่น่าลองไปชม

ไหนๆ เรื่องนี้ก็ถ่ายทอดชีวิตของวัยรุ่นทั้งที
คนที่อินสุดก็คงหนีไม่พ้นเหล่า a
team วัยรุ่นและน้องๆ a team junior 13 ที่กำลังอยู่ในช่วงวัยค้นหาตัวเองเหมือนกัน
บทความนี้เราเลยรวบรวมรีวิวของทุกคนที่ได้ชมแบบไม่กั๊กมาให้อ่านกัน

1

‘เป็นวัยรุ่นมันหนัก
เป็นงานที่มันเหนื่อย กดดันอย่างโน้น ต้องแบกรับอย่างนี้’

สำหรับเราเพลง เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อย
ของ Paradox สะท้อนหนังเรื่องใหม่
#BKKY ของผู้กำกับ นนทวัฒน์ นำเบญจพล ได้เป็นอย่างดี หนังเรื่องนี้หยิบยกวัยรุ่นทั้ง
100 คนมาสัมภาษณ์ และร้อยเรียงเรื่องผ่านตัวละครทั้ง 4 คน

เรายอมรับว่าค่อนข้างอินกับประเด็นที่หนังชูเรื่องการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยกับเพศสภาพเป็นพิเศษ
เพราะสำหรับเรา การเป็นวัยรุ่นไทยนั้นไม่ได้อาศัยแค่การตัดสินใจที่ถูกต้องและดีสำหรับตัวเราเท่านั้น
แต่สิ่งเหล่านั้นกลับต้องสร้างความพึงพอใจให้กับครอบครัวเช่นกัน
รวมถึงเป็นสิ่งที่สังคมบ่มเพาะเราอยู่เสมอ เช่น
ต้องเลือกศึกษาต่อมหาวิทยาลัยรัฐอันดับหนึ่งของประเทศ แม้กระทั่งเรื่องเพศสภาพเอง
ผู้ใหญ่หลายคนมักกีดกันหรือเกลียดชังสิ่งที่ลูกตัวเองเป็น
กว่าที่วัยรุ่นหลายคนจะได้ตัดสินใจอะไรบางอย่าง มักจะมีกับดักของผู้ใหญ่ที่ว่า “ไว้เรียนจบมหาวิทยาลัยก่อน”
เสมอ เมื่อหนังจบ เรารู้สึกเศร้าใจอย่างประหลาด หนังยิ่งตอกย้ำกับเราว่าไม่ว่าจะเปลี่ยนผ่านไปกี่ยุคสมัย
ค่านิยมเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ควบคู่กับสังคมไทยตลอดมาและไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลง

พลอยแพรว-ณิชา พัฒนเลิศพันธ์ (อายุ 22 ปี)
กองบรรณาธิการ a
team junior 13


2

เป็นหนังสารคดีที่ถ่ายทอดเรื่องราววัยรุ่นในกรุงเทพฯ
ด้วยแพลตฟอร์มที่เท่มาก ผสมบทสัมภาษณ์ของวัยรุ่น 100 คน
กับเรื่องราวที่เป็นภาพสร้างของโจโจ้ คิว เจฟ และ แจสเปอร์
ที่เป็นตัวแทนของวัยรุ่นยุคนี้
ชอบที่ตัวละครทั้งหมดถูกกำหนดทิศทางโดยทัศนคติและความคิดเห็นของวัยรุ่นจริงๆ
ซึ่งเราว่ามันเรียลกว่า
Hormones ที่ออกไปทางละครเสียอีก

ถึงแม้หนังจะหย่อนประเด็นไว้มากมาย
แต่ที่สุดแล้วเมื่อเป็นเรื่องวัยรุ่นก็ไม่พ้นเรื่องความรัก ซึ่งหนังเล่าถึงความลื่นไหลทางเพศของวัยรุ่นยุคนี้ที่ก้าวข้ามเรื่อง
LGBT ไปแล้ว
ซึ่งเราชอบมากกับการไม่พยายามไปตัดสินโดยใช้เกณฑ์ทื่อๆ มาจำกัดความอย่างคุณเป็นผู้ชาย
ผู้หญิง ทอม ดี้ ตุ๊ด หรือเกย์ ตัวหนังเล่นกับความเป็นสารคดีอยู่พอสมควร สิ่งไหนจริง
สิ่งไหนลวง ชวนให้คิดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวละคร จริงๆ แล้วมาจากเด็กที่ถูกสัมภาษณ์คนไหน

หนังยังทดลองและเล่นกับอะไรหลายๆ
อย่าง ทั้งมุมกล้อง เทคนิคการถ่ายทำที่ถ่ายทอดความขบถ อยากรู้อยากลอง
มันถ่ายทอดความจริงเสียจนเราแอบเห็นตัวเองในฉากนู้นฉากนี้ อินมาก
อยากชวนให้ทุกคนมาลองดูว่าคุณเห็นตัวเองไหนหนังมากแค่ไหน

พีนัท-ณัฐณิชา เดชารัตน์ (อายุ 20 ปี)
กองบรรณาธิการ a
team junior 13


3

จริงๆ
จังหวะการตัดของหนังสนุกเลย
เราชอบเฟรมภาพที่ไม่ค่อยได้เห็นในหนังวัยรุ่นทั่วไปและบรรยากาศช่วงที่ตัดจากเมืองไปเข้าป่า
ชอบเทคนิควิธีการเล่าและประเด็นของหนังมากๆ คือเป็นหนังวัยรุ่นอีกแบบ
เป็นรสชาติใหม่ของหนังวัยรุ่นก็ว่าได้ แต่เรามาตื่นเอาตอนหนังจบแล้ว TT คือเราหลับไปตอนกลางเรื่องอะ
ไม่ใช่ความผิดของหนังนะแต่สภาพร่างกายเราคงไม่พร้อมอะครับ
การเดินออกจากโรงหนังแบบที่เราไม่สามารถต่อบทสนทนากับเพื่อนๆ พี่ๆ
ที่ไปดูด้วยกันได้เป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดมาก เสียดายมากที่ไม่ได้ดูจนจบ
แต่สัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไปดูอีกรอบให้ได้!!!

เป็นหนึ่ง-อภิวัฒน์ ทองเภ้า (อายุ 23 ปี)
วิดีโอครีเอเตอร์


4

โดยรวมเราชอบเรื่องนี้
แต่เรารู้สึกว่าตัวหนังส่วนที่เป็นฟิกชั่นถูกให้น้ำหนักไม่เท่ากันเท่าไหร่ (พาร์ตเบี้ยนกับพาร์ตผู้ชาย)
ช่วงหลังๆ เลยดูรีบๆ จบแบบทำเราเหวอไปเหมือนกัน
แต่ที่ชอบมากคือนักแสดงทุกคนดีมากกกกก และเพลงประกอบที่รู้เลยว่าถูกเลือกมาอย่างดี
เราที่เป็นวัยรุ่นตอนปลายก็ยังอินกับหนังอยู่นะ อ้อ! ชอบอารมณ์เสียดสีในหนังด้วย อย่างตอนเพลงชาติไทยขึ้นหรือการ
PIM THAI MAI DAI

ป.ล. ทำไมวิ่งสวนเบญจสิริ แล้วไม่เจอน้องแบบในหนังบ้างคะ?

แพร-อชิรญา นันทนานนท์ (อายุ 27 ปี)
เลขากองบรรณาธิการ


5

ไม่แน่ใจว่าเป็นข้อดีหรือไม่ดีของหนัง
แต่ชอบที่ #BKKY ทำให้คนดูอย่างเราเป็นได้แค่คนสังเกตการณ์
รับฟังความคิดเห็น ปัญหา ทัศนคติของน้องๆ วัยรุ่น (เด็กสมัยนี้) เท่านั้น
ปัญหาทุกอย่าง เราผ่านมาทั้งหมดแล้ว ทั้งเรื่องการเลือกมหาวิทยาลัย
จบไปจะทำงานอะไรดี ไม่เข้าใจพ่อแม่ หรือแม้แต่เรื่องสับสนว่าเราเป็นเพศอะไรกันแน่ สารคดีเรื่องนี้ทำให้เห็นว่าวัยรุ่นเป็นวัยแห่งความสับสนที่แท้จริงแบบนี้แหละนะ
แต่เดี๋ยวโตขึ้นมามองกลับไปจะรู้ว่าปัญหาพวกนั้นมันเล็กจิ๋วมากๆ (มาเจอ quarter
life crisis หน่อยมั้ย?) โดยรวมเราเลยค่อนข้างชอบพาร์ตที่หนังนำเสนอฟุตเทจสัมภาษณ์มากกว่า
สนุกมากและเรียลมาก ส่วนตัวอยากให้หนังเล่าได้ยาวกว่านี้อีกนิด
จบแบบนี้มันไม่จุใจเท่าไหร่นะ!

นุกนิก-ภาณุพันธ์ วีรวภูษิต (อายุ 25 ปี)
กองบรรณาธิการ


6

ผมชอบลูกเล่นของสารคดีเรื่องนี้
จุดที่ชอบมากที่สุดคืองานภาพเพราะรู้สึกว่ากล้องเป็นผู้สังเกตการณ์ในระยะใกล้ พยายามจะเจาะลึกไปสำรวจปฏิกิริยาของตัวละคร
ชอบคอนเซปต์ของหนังที่เน้นเรื่องการสัมภาษณ์ความรู้สึกเกี่ยวกับสิ่งพื้นฐานในชีวิตของตัวเด็กที่สะท้อนภาพสังคมในเชิงโครงสร้าง
โครงสร้างเป็นแบบไหน คนก็เป็นแบบนั้น

ชื่นชมการแสดงของโจโจ้เพราะเล่นได้เป็นธรรมชาติ
น่าจับตา น้องดูเท่และมั่นใจในตัวเองมากๆ
ส่วนเรื่องที่เสียดายคือเรานึกว่าที่บอกว่าสัมภาษณ์วัยรุ่น 100
คนแล้วจะได้เจอเด็กทั้งหมดในเรื่อง แต่กลายเป็นว่ามีเด็กออกมานั่งพูดแค่จำนวนหนึ่งเท่านั้น
เอาจริงก็พอเข้าใจเรื่องข้อจำกัดในการดำเนินเรื่อง แต่การนำมาเล่าแค่บางส่วน เราเลยได้ทำความรู้จักกับทัศนคติบางแง่มุมเท่านั้น
ไม่มีเรื่องของเด็กเนิร์ด เด็กบ้าเกม เราว่าเด็กแค่บางส่วนไม่สามารถเป็นภาพแทนคนทุกคนได้ครบแน่ๆ
แต่โดยรวมชอบเลยนะ ดูเพลินจนอยู่ๆ ก็จบ ไม่อยากให้จบเลย ทำสัก 3 ชั่วโมงก็น่าจะยังได้นะฮะ

เมฆ-ปวรพล รุ่งรจนา (อายุ 26 ปี)
กองบรรณาธิการ


7

ดูจบแล้วรู้สึกมันธรรมดาไปนิดนึง ยกเว้นช่วงที่หนังเข้าสู่โลกสเกตบอร์ด ตอนนั้นทั้ง subject และวิธีถ่าย มันกระตุกความสนใจมากๆ เลย แต่ความรู้สึกตื่นตัวกับหนังแบบนี้มาช้า และมาน้อยเกินไป เทียบกับวิธีเล่าที่คนทำเลือกใช้สำหรับหนัง

แฮม-วสุธร ปิยารมณ์ (อายุ 27 ปี)
ฟรีแลนซ์

อ่านความเห็นของเราแล้วอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ ลองไปพิสูจน์และให้ความเห็นของคุณกันเองในโรงภาพยนตร์นะ

AUTHOR