“ความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร” คุยกับ มิว ศุภศิษฏ์ พระเอกซีรีส์ล้านวิวผู้กลายเป็นศิลปินสุดป๊อปคนล่าสุด

Highlights

  • ก่อนโด่งดังจาก TharnType The Series เกลียดนักมาเป็นที่รักกันซะดีๆ มิว–ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ อยู่ในวงการมานาน 11 ปี ผ่านความผิดหวังจากการทดสอบบทครั้งแล้วครั้งเล่า เรียนจบปริญญาโทและกำลังต่อปริญญาเอกอย่างหนักหน่วง แต่เขาก็ไม่เคยละทิ้งความฝันที่อยากโลดแล่นในวงการบันเทิง
  • ไม่นานมานี้ มิวเพิ่งประกาศบทบาทใหม่ในฐานะศิลปินนักร้อง ซิงเกิลแรก Season of You (ทุกฤดู) ได้รับผลตอบรับเกินความคาดหมาย มิวบอกว่านี่คือสิ่งที่เขาอยากทำมานาน เกือบจะถอดใจแต่ก็ทำออกมาสำเร็จเพราะอยากตอบแทนแฟนคลับ
  • มิวมองว่าความเปลี่ยนแปลงไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี ความฝันสูงสุดของเขาคือการได้เป็นนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากการเล่นหนัง และเขาพร้อมจะพัฒนาตัวเองในทุกวันระหว่างเดินไปถึงจุดนั้น

กับแฟนๆ TharnType The Series เกลียดนักมาเป็นที่รักกันซะดีๆ เราคงไม่ต้องแนะนำว่า มิว–ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ เป็นใครให้มากความ มิว ศุภศิษฏ์

แต่สำหรับคนที่ไม่เคยดูซีรีส์เรื่องนี้ ขอเล่าคร่าวๆ ให้ฟังว่ามิวคือนักแสดงนำผู้รับบท ‘ธาร’ พระเอกของเรื่อง คู่กับ กลัฟ–คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์ ผู้รับบท ‘ไทป์’ ซึ่งเป็นสองตัวละครที่เกลียดกันแต่ต้องมาอยู่ห้องเดียวกัน ก่อนความเกลียดนั้นจะค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความรัก

ยอดวิวเกือบสิบล้านบน LINE TV แฮชแท็กติดเทรนด์ทวิตเตอร์ทุกครั้งที่ออนแอร์ ไหนจะกลุ่มแฟนคลับนาม #หวานใจมิวกลัฟ (สำหรับคนที่เป็นแฟนคลับทั้งมิวและกลัฟ) และ mewlion (มิวเลี่ยน-แฟนคลับมิว) ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ บ่งบอกได้ดีว่าชายหนุ่มคนนี้น่าจับตามองแค่ไหน

นอกจากการเป็นนักแสดง มิวยังมีอีกบทบาทคือการเป็นนักศึกษาปริญญาเอกคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งเริ่มต้นบทบาทใหม่ที่เจ้าตัวยอมรับว่าท้าทายกว่าบทบาทไหนๆ–การเป็นศิลปิน

Season of You (ทุกฤดู) คือชื่อซิงเกิลแรกของมิวที่บอกเล่าความในใจผ่านเมโลดี้ป๊อปฟังสบาย ในการเปิดฉายพรีเมียร์เอ็มวีแบบสดๆ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 สิงหาฯ มีคนดูกว่า 6 แสน ก่อนยอดวิวจะขยับขึ้นมาที่ 5 ล้านในเวลาเพียงเดือนเดียว 

ความสำเร็จของมิวคือสิ่งที่ไม่มีใครตั้งคำถามสงสัย แต่เกินคาดไหมถ้าเทียบกับความพยายามตลอด 11 ปีในวงการบันเทิง ก็อาจพูดได้ว่านี่คือผลลัพธ์ของการทำงานหนักที่สมน้ำสมเนื้อ

เขามอง 11 ปีที่ผ่านมายังไง และเราจะได้เห็นบทบาทใหม่ๆ จากมิวอีกไหมในอนาคต นั่นคือสิ่งที่เราอยากรู้

ตอนเด็กๆ คุณฝันอยากเป็นอะไร

เป็นนักบินอวกาศ (ยิ้ม) 

 

ชอบเรียนวิทยาศาสตร์

ใช่ๆ ชอบพวกดาราศาสตร์ แต่ความอยากเป็นนักบินอวกาศน่าจะได้ไอเดียมาจากเรื่อง Armageddon

 

ดูหนังแล้วอิน

ใช่ แป๊บนึงพอ The Mummy ฉายก็อยากเป็นนักโบราณคดี เป็นคนอินกับหนังง่าย (หัวเราะ)

แล้วทำไมถึงไม่เลือกเรียนไปทางสายวิทยาศาสตร์ล่ะ

พอเราโตขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วช่วง ม.ปลายเริ่มเข้าวงการ เราก็อยากหาคณะที่สามารถทำงานวงการไปด้วยได้ ประกอบกับที่บ้าน อาม่าให้เลือกแค่สองอย่างคือหมอกับวิศวะ เราก็เลยเลือกวิศวะแล้วกัน

พอได้มาเรียนจริงๆ ชอบวิศวะไหม

ตอนปีหนึ่งไม่ชอบเลย ผมเป็นคนที่ไม่ชอบฟิสิกส์ เข้ามาปีหนึ่งแล้วทุกข์ทรมานมาก ได้เกรดน้อยมากจริงๆ ในคณะมีเด็กเรียนที่เข้ามาเป็นกรุ๊ปๆ ผมเข้าโควตามาก็อยู่กับกรุ๊ปเด็กโควตา แล้วเด็กโควตาแบบเก่งมากเลย (หัวเราะ) เพื่อนในกลุ่มตั้งใจเรียนมากๆ เราก็เลยตั้งใจเรียนตามเขา พอตอนเลือกภาคก็ อะ งั้นเอาภาคที่มีวิชาฟิสิกส์น้อยๆ ก็เลยเลือกอุตสาหการ

ผมชอบแสตท การคำนวณ พอเข้ามาก็คลิก เรียนได้ ชอบที่มันมองทุกอย่างเป็นรูปธรรม ได้เรียนรู้เรื่องความน่าจะเป็น ช่วยให้เราวางแผนเป็น ก็เอามาประยุกต์กับด้านอื่นๆ ได้

 มิว ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ 1

รู้มาว่าตอนแรกคุณอยากเรียนนิเทศ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะเลือกเรียนนิเทศไหม

ก็เลือกเรียนเหมือนเดิมเพราะชอบตัวเองตอนนี้ ถ้าผมกลับไปเรียนใหม่เป็นอย่างอื่นก็อาจจะไม่ใช่ตัวเองในตอนนี้ก็ได้ ไม่ได้อยากคิดแก้ไขอะไร

 

คุณเริ่มเข้าวงการบันเทิงมาตั้งแต่อายุ 18

ใช่ ตอน ม.6

 

เล่าตอนทดสอบบทครั้งแรกให้ฟังหน่อย

ไปแคสต์โฆษณา จุดเริ่มต้นจากวงการของผมคลีเช่มาก คือไปเดินสยามแล้วเจอโมเดลลิ่งเรียกไปแคสต์ ที่แคสต์ก็มีโมเดลลิ่งอื่น เขาก็จะมาติดต่อเราอีก ตอนนั้นเหมือนมีคนติดต่อมา 4-5 โมฯ พร้อมกัน ไปแคสต์บ่อยมากแต่ได้น้อย ได้น้อยมากจริงๆ เพราะว่าโฆษณาจะแคสต์คนเยอะแต่เอาคนเดียว แล้วเราต้องไปรอทั้งวัน เสียเวลาชีวิตมาก ก็เลยมีช่วงหนึ่งที่เบรกๆ ไปเพราะว่าตอนขึ้นปี 3 ปี 4 เรียนเยอะ ช่วงนั้นก็ไปโฟกัสเรื่องเรียน

 

ทั้งที่เจอความผิดหวังมาเยอะ อะไรที่ทำให้เราอยากไปต่อในวงการบันเทิง

ตอนนั้นผมมองกลับมาที่ตัวเอง ว่าหรือเป็นเพราะเราเองหรือเปล่านะที่ไม่เก่งเองเลยแคสต์ไม่ผ่าน ก็เลยไปเรียนแอ็กติ้งเพิ่ม ระหว่างที่เรียนเราซึมซับเรื่องการแสดง เสพสื่อบันเทิงเยอะ มันยิ่งทำให้เรามีเป้าหมายชัดเจนด้านการแสดง ความฝันสูงสุดของผมคือการได้รางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมจากสุพรรณหงส์ พอเรามีเป้าหมายชัดเจนปุ๊บ เราก็เลยไปตระเวนแคสต์เลย หลังจากนั้นก็แคสต์ผ่าน โฆษณาก็ได้เล่น แคสต์ซีรีส์ก็ผ่านหมดเลย แล้วก็ได้เล่นธารไทป์

มิว ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ 2

เล่นละคร โฆษณา เอ็มวี แต่ละงานก็มีความท้าทายที่แตกต่างกัน เรามีการปรับตัวให้เข้ากับแต่ละบทบาทยังไง

ทำการบ้านเยอะๆ เพราะยิ่งเราทำการบ้านละเอียดเท่าไหร่ก็เข้าถึงคาแร็กเตอร์ได้มากเท่านั้น การทำการบ้านละเอียดไม่ได้หมายถึงแค่ต้องจำบทให้ได้ แต่เราต้องคิดไปถึงเนื้อเรื่องที่คนเขียนบทไม่ได้เขียน พวกแบ็กกราวนด์ตัวละคร ชอบสีอะไร แปรงฟันท่าอะไร นอนยังไง กินข้าวกินอะไรก่อน พวกนี้เป็นความละเอียดที่อยู่ในชีวิตประจำวัน ยิ่งเราวางไว้ละเอียดเท่าไหร่เราก็ยิ่งเข้าถึงตัวละครได้เร็วเท่านั้น  

 

มีนักแสดงคนไหนเป็นไอดอลไหม

Christian Bale ผมชอบเขาจากไตรภาค Batman ของ Christopher Nolan แล้วก็ไปย้อนดูตอนเขาเล่นเรื่อง The Machinist เขาเล่นเป็นคนที่อยู่ในโรงงานกลึงที่นอนไม่หลับมาปีนึง เขาลดน้ำหนักเพื่อบทนี้ เล่นเสร็จปุ๊บก็ไปเล่น The Dark Knight ก็ปั๊มตัวให้ใหญ่ American Psycho ก็เล่นดีมาก

 

ถ้าให้เลือกเล่นบทอะไรก็ได้ อยากเล่นบทอะไร

บทประมาณ Joker เป็นจิตๆ ไปเลย ชอบเวอร์ชั่น Joaquin Phoenix โดยเฉพาะซีนบันไดที่เขาเต้น เล่นดีมาก

 มิว ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ 3

แล้วระหว่างการแสดงกับการร้องเพลง ความท้าทายต่างกันยังไง

เทียบกับร้องเพลงแล้วคนละเวย์กันเลย มันมีความท้าทายคนละแบบ ผมชอบการร้องเพลงเพราะได้ปลดปล่อยความเป็นตัวเอง เราได้สื่อสารเรื่องราว สื่อสารสิ่งที่เราอยากสื่อผ่านเพลง อย่างเพลง Season of You ก็เป็นสิ่งที่ผมอยากจะพูดออกมาจริงๆ เวลาร้องเพลงเราก็เลยทัชทุกครั้ง

 

รู้มาว่าเพลงนี้ทำขึ้นเพื่อแฟนคลับด้วย มิว ศุภศิษฏ์

ใช่ เป็นเมสเสจที่จะสื่อสารให้แฟนคลับ เพราะว่าช่วงที่ได้รับโจทย์มาว่าจะทำซิงเกิลอะไรดีเป็นช่วงโควิด คนเครียด เบื่อ เศร้า นอยด์ เราเลยอยากทำเพลงๆ หนึ่งที่มี positive feeling แล้วเรารู้สึกว่าเพลงบอกรักมันง่ายสุดในการทำให้เป็น positive พี่โปรดิวเซอร์ก็ถามว่าแล้วจะบอกรักใคร การบอกรักมีหลายแบบนะ บอกรักพ่อแม่ บอกรักแฟน บอกรักพี่น้อง เราคิดไม่ออก เขาก็บอกให้ลองเอากระดาษไปเขียนดู จินตนาการว่าจะเขียนจดหมายบอกรักใครสักคน

ตอนจะเขียนเราหลับตานึกถึงแฟนๆ นึกถึงตอนรับรางวัลแล้วมีคนมารอเต็มไปหมด ตอนมีดราม่าทางทวิตเตอร์แล้วเขาก็ให้กำลังใจเราตลอดเวลา เราก็รู้สึกอยากขอบคุณ เลยทำเพลงบอกรักนี้มาเพื่อตอบแทนทุกๆ คน

 

พอเป็นเพลงเพื่อแฟนคลับ อยากรู้ต่อเลยว่าความทรงจำที่ประทับใจที่สุดเกี่ยวกับแฟนคลับคือตอนไหน

The best คือตอนที่ไปรับรางวัล Kazz Awards 2020 งานนี้ได้ร้องเพลง Season of you (ทุกฤดู) ให้คนเยอะๆ ฟังเป็นครั้งแรกด้วย ซึ่งวันนั้นดันเกิดแอ็กซิเดนต์ขึ้นมา สัญญาณไมค์ขาดเป็นช่วงๆ เราก็ยื่นไมค์ให้ทุกคนร้อง แล้วทุกคนก็พร้อมใจกันร้องจริงๆ ทั้งในฮอลล์และข้างนอก เสียงดังมาก 

ถ้าเรื่องการแสดง เป้าหมายของผมคือการได้รางวัลนักแสดงยอดเยี่ยม แต่ถ้าเรื่องร้องเพลงเป้าหมายก็คือการได้มีคอนเสิร์ตใหญ่แล้วแฟนคลับมาเต็มฮอลล์ ช่วยกันร้องเพลงของเรา แล้วครั้งนั้นมันเหมือนทำฝันสำเร็จไปส่วนหนึ่งแล้ว เราก็เลยตื้นตันใจมาก

 

ตอนนั้นในหัวคุณคิดอะไรอยู่

ทำไมไม่หยิบมือถือขึ้นมาด้วยวะ (หัวเราะ) เพราะมองจากบนเวทีแล้วมันสวยมากจริงๆ เราอยากจะเก็บภาพนั้นไว้แต่ไม่ได้หยิบมือถือขึ้นมา ก็เลยเซ็ง

 

การมีแฟนคลับเยอะๆ เป็นความฝันอย่างหนึ่งของคุณไหม

เคยพูดเล่นๆ ไว้กับน้องกลัฟตอนซีรีส์ธารไทป์ยังไม่ออนแอร์ ตอนนั้นเราไปเชิญรางวัลที่สยามวัน แล้วได้เห็นแฟนคลับของศิลปินคนอื่นนั่งกันเต็ม ก็คุยกันว่า ‘เออ ถ้าวันหนึ่งมีคนมานั่งกันเต็มอย่างนั้นคงเท่ดี’ แค่พูดเล่นๆ กับกลัฟเฉยๆ แล้วหลังจากนั้นปีนึงพอธารไทป์ออนฯ เสร็จ เราได้ไปงาน Urban Decay จัดสยามวันที่เดิม แล้วมีแฟนคลับเรานั่งเต็มจริงๆ ตอนนั้นคือแบบ (น้ำตาคลอ) ดีใจ ดีใจมากๆ 

คุณมีส่วนร่วมกับเพลง Season of You (ทุกฤดู) ยังไงบ้าง

เข้าไปทำด้วยตั้งแต่แรกเลย ผมเขียนความในใจเป็นประโยคๆ ส่งให้พี่เอก Season Five แต่งต่อ หลังจากนั้นก็เข้าไปช่วยดูเรื่องดนตรีกับพี่โปรดิวเซอร์ เขาทำมาให้ฟังทุกวัน ผมก็มานั่งแก้จนพอใจ ผมคุ้นเคยกับการเล่นดนตรีอยู่แล้วเลยสามารถวิเคราะห์เรื่องพวกนี้ได้ กว่าจะทำเสร็จก็เกือบ 10 เวอร์ชั่น

พอได้มาสเตอร์เพลงเรียบร้อยแล้วก็เข้าสู่ขั้นตอนเอ็มวี เราก็บรีฟกับทางผู้กำกับ ตอนแรกบรีฟว่าอยากได้เหมือนเพลง Palette ของ IU ที่อยู่ในสตูดิโอขาวๆ เพราะเนื้อเพลงมันละมุนไง เล่นกับพร็อพตามฤดูกาล บรีฟกลับมาปุ๊บได้เป็นเทพเจ้า ผมก็ถามทีมงานว่ามันจะไม่หลุดธีมเพลงใช่ไหม เขาบอก หลุด (หัวเราะ) ซึ่งหลุดจริงๆ แต่ดี 

 

ดียังไง

เราอยากตั้งคำถามว่าทำไมเอ็มวีเพลงช้าต้องใช้โทนสีอ่อน เราแต่งตัวแฟชั่นจัดๆ เลยได้ไหม เหมือนอยากทลายภาพจำของเรื่องนี้ อีกอย่างคือเราอยากรู้ว่าคนจะมีผลตอบรับกับเรื่องนี้ยังไง ก็จะมีส่วนที่รับได้กับส่วนที่รับไม่ได้ ซึ่งเราก็รู้สึกว่าโอเคนะ มันเป็นการสร้างสรรค์งานศิลปะอีกแบบหนึ่งที่หลุดไปจากเดิม

 

ความสำคัญของการลงมือทำทุกๆ ขั้นตอนคืออะไร

มันคือการใส่ความเป็นผมเข้าไปจริงๆ ถ้าผมไม่มีส่วนร่วมมันก็คืองานของคนอื่นสิ ใช่ไหม มันจะเป็นงานของพี่ผู้กำกับ งานของพี่โปรดิวเซอร์ ผมอยากทำให้มั่นใจว่ามันเป็นชอยส์ที่ผมเลือกแล้ว

 

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ความฝันของคุณคือการแสดง แล้วทำไมถึงอยากทำเพลง

ช่วงโควิดทำให้เราได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ได้นั่งคิดว่ามีเรื่องอะไรที่เราอยากทำอีกบ้าง ผมเป็นคนที่ชอบร้องเพลงมานานมากแล้วแต่ยังไม่มีโอกาส ช่วงนั้นเลยได้ฝึกฝน เรียนร้อง เต้น การเพอร์ฟอร์มเพิ่ม

ตอนแรกก็กลัวมากเพราะมันเป็นก้าวใหม่ อย่างการแสดงเราเล่นจนได้รางวัลมาแล้ว เราก็คิดว่าตัวเองทำได้ดีในระดับหนึ่ง แต่การร้องเพลงคือเราเริ่มจากศูนย์เลย ถึงแม้เราจะไปเรียนมาแล้วแต่ซิงเกิลแรกที่ปล่อยมามันจะดีหรือเปล่าเราไม่รู้เลยจริงๆ ตอนแรกกะจะไม่ทำด้วยนะ จนถึงช่วงที่ต้องเขียนเนื้อเรื่องเพื่อบอกรักแฟนๆ นี่แหละ มันทำให้ลืมความกลัวไป คิดแค่ว่าเราทำมาเพื่อบอกรักทุกคน กระแสตอบรับจะเป็นยังไงช่างมัน แค่ตั้งใจมาบอกรักเฉยๆ

 

ไม่ได้คาดหวังเรื่องฟีดแบ็ก

ใช่ ไม่ได้คาดหวังเลยกับเพลงนี้

มิว ศุภศิษฏ์

แผนงานดนตรีที่คุณวางไว้เป็นยังไง

จะปล่อยอัลบั้มเต็มปีหน้า ก่อนหน้านั้นก็จะทยอยปล่อยซิงเกิลมาเรื่อยๆ ต่อไปจะมี side b side c ที่ปล่อย 2-3 เพลงพร้อมกันด้วย มวลรวมอยากให้อัลบั้มนี้เป็นแนว positive ส่วนใหญ่เป็นเพลงรักแต่อาจมีแนวอื่นด้วย เรื่องการใช้ชีวิต การปรับตัว การเปลี่ยนแปลง

 

พอทำเพลงรัก คุณนิยามตัวเองว่าเป็นคนโรแมนติกไหม

ไม่รู้เหมือนกัน (ตอบทันที) แต่คนอื่นบอกว่าโรแมนติกนะ (หัวเราะ)

 

แล้ว มิว ศุภศิษฏ์ จริงๆ เป็นคนยังไง

ในซีรีส์ธารไทป์ คาแร็กเตอร์ธารจะใจเย็น แต่เอาจริงๆ ผมเป็นคนที่ใจร้อนมากถึงมากที่สุด ตอนเรียนแอ็กติ้งอารมณ์ที่ผมเข้าถึงง่ายที่สุดคืออารมณ์โกรธ ผมเป็นคนที่ขี้โมโหมากๆ ซึ่งคนมองภายนอกอาจไม่รู้ แต่พอได้เรียนแอ็กติ้งเราได้เรียนรู้การยอมรับตัวเอง พอยอมรับปุ๊บก็สามารถควบคุมมันได้ 

แล้วเวลาอารมณ์เสียมากๆ คุณมีวิธีการจัดการยังไง

ปล่อยไป ไม่กดไว้ ไม่โกหกตัวเองดีที่สุด เพราะยิ่งโกหกมันยิ่งระเบิด เคยเรียนเรื่องแรงดันไหม ยิ่งเรากดมันมากแรงระเบิดมันจะยิ่งเยอะขึ้น แค่ยอมรับว่าตอนนี้เรารู้สึกยังไง นอยด์ อารมณ์เสีย ก็แค่รู้ว่ารู้สึกอย่างนั้น แล้วเราทำยังไงต่อได้ มีวิธีแก้ปัญหาหรือเปล่า ต้นเหตุเกิดจากอะไร ถ้าเกิดจากตัวเรา เราแก้ไขอะไรได้บ้าง ถ้าเกิดจากคนอื่น เราแก้ไม่ได้ ก็ต้องยอมรับมันแค่นั้น

 

คุณได้เรียนรู้เรื่องการรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเองมาจากไหน

การแสดงเลย มันทำให้เรากลายเป็นคนช่างสังเกตมากขึ้น ตอนแรกผมก็ชอบมีคำติดปากบอกว่าไม่เป็นไร แต่ความจริงไม่ใช่ แล้วเราไม่ยอมรับ สุดท้ายเราพังแล้วไปโวยวายคนอื่น คนอื่นก็พังด้วย แต่พอเรารู้จักยอมรับตัวเองมันทำให้จัดการตัวเองง่ายขึ้น

มิว ศุภศิษฏ์

เคยได้ยินว่านักแสดงเก่งๆ มักเป็นคนอ่อนไหวง่าย คุณเป็นอย่างนั้นไหม

เป็นนะ แต่นอกเหนือจากนั้นผมว่าพื้นฐานของตัวเองคือชอบเรียนรู้ มันทำให้เรารับสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เอาจริงๆ หลายคนชอบจำกัดความตัวเองเวลาถามว่าเป็นคนยังไง แต่ความจริงถ้าเรานึกย้อนดู ตัวเราในตอนนี้กับตอนเด็กเหมือนกันไหม ขนาดแค่ตัวเราตอนนี้กับวินาทีที่แล้วก็ไม่เหมือนกันแล้ว

เราจะจำกัดความตัวเองทำไม ในเมื่อเราเปลี่ยนได้ทุกวัน และการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องไม่ดี เราสามารถพัฒนาตัวเองได้ตลอดเวลา แต่การที่เราไปจำกัดไว้มันคือการย่ำอยู่กับที่

 

แล้วต่อไปคุณอยากเห็นตัวเองแบบไหน

ถ้าในวงการก็อยากสร้างสรรค์ผลงานไปเรื่อยๆ อยากสำเร็จในด้านการแสดงจนได้รางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยม แต่ว่าหลังจากนั้นก็คิดว่าอยากโกอินเตอร์ ทำงานกับต่างชาติดู แล้ววันหนึ่งคงเป็นผู้จัดเอง ทำซีรีส์เป็นของตัวเอง

 

11 ปีในวงการบันเทิงสอนอะไรคุณบ้าง

เราได้รู้จักตัวเองมากขึ้น รู้ว่าบางทีความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ความคาดหวังยิ่งทำให้ผิดหวัง มีหวังได้แต่ไม่ควรจะคาดหวัง รู้ว่าความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร รู้ว่าการเรียนรู้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเพราะสุดท้ายมันจะอยู่กับเราตลอดไป

 มิว ศุภศิษฏ์

อะไรสำคัญที่สุดสำหรับคุณในตอนนี้

ในตอนนี้เหรอ แฟนๆ ทุกคน เฮ้ยจะร้องไห้ (น้ำตารื้น) นั่นแหละครับ แฟนๆ ทุกคน 

มีอะไรฝากบอกถึงแฟนๆ ที่คุณเขียนเพลงให้ไหม

เพราะทุกคนคอยอยู่เคียงข้าง คอยซัพพอร์ต รักเรา มันทำให้เราอยากพัฒนาตัวเอง อยากสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ให้ดีกว่าตัวเราในเมื่อวานเพื่อตอบแทนทุกคนนะ


ใครฟัง Season of You (ทุกฤดู) บ่อยแล้ว เราอยากชวนเปลี่ยนบรรยากาศมาฟังในอีกเวอร์ชั่นจากรายการ Live in a day ที่โชว์เสียงร้องสะกดใจ คลอไปกับเสียงคีย์บอร์ดนุ่มๆ ให้คุณได้ดื่มด่ำกับความโรแมนติกจากเมโลดี้และเนื้อเพลงได้มากกว่าเคย

ขอขอบคุณ พรนิชา กีรติพงศกร

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

สรรพัชญ์ วัฒนสิงห์

ชีวิตต้องมีสีสัน

Video Creator

ชาคริต นิลศาสตร์

อดีตตากล้องนิตยสาร HAMBURGER /ค้นพบว่าตัวเองมีความสุขและสนุกทุกครั้งที่ได้ทำงานภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว

นวภัทร์ นาวาเจริญ

วีดีโอครีเอเตอร์คนที่ชอบเดินจ่ายตลาด