Malai Cosmetics ลิปสติก 7 เฉดสี จาก 7 นางในวรรณคดีที่เหมาะกับหญิงสาวทุกบุคลิก

Highlights

  • Malai Cosmetics คือธุรกิจของ ตาม–ธนาธิป มั่งมี ชายวัย 28 ปีที่เติบโตมาในครอบครัวนักธุรกิจ ตามจบและทำงานสายวิศวกรรมศาสตร์ แต่ด้วยความชอบในวรรณคดีไทยและอยากทำธุรกิจ เขาจึงทำลิปสติกจากคาแร็กเตอร์ของนางในวรรณคดีผ่านศิลปะได้อย่างงดงาม
  • นางจินตหราวตีและนางบุษบาจากเรื่อง อิเหนา นางรจนาจากเรื่อง สังข์ทอง นางมโนราห์จากเรื่อง พระสุธน-มโนราห์ นางพิมพิลาไลยจาก ขุนช้างขุนแผน นางเทราปตีจาก มหาภารตะ และนางสีดาจาก รามเกียรติ์ ทั้ง 7 นางจาก 6 วรรณคดีนี้ถูกตีความเป็นลิปสติก 7 สีสวยสด 
  • ลิปสติกแต่ละสีเป็นตัวแทนนิสัยใจคอของนางในวรรณคดี เป็นตัวแทนของผู้หญิงแต่ละบุคลิก เช่น นางรจนามีบุคลิกที่ฉลาดและมีความคิดเป็นของตัวเอง จึงถูกตีความเป็นสีโทนแดงที่แสดงถึงความมั่นใจในตัวเอง เกิดเป็นสี Rosejana เฉดสีแดงชาดหรือแดงกุหลาบ
  • เรียกได้ว่าลิปสติกของ Malai Cosmetics คืองานศิลปะที่สร้างขึ้นด้วยเรื่องราวที่สนุก ประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัย และวิจิตรบรรจงไม่แพ้ใคร

ตาม–ธนาธิป มั่งมี คือชายวัย 28 ปีที่เติบโตมาในครอบครัวนักธุรกิจ ปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของแบรนด์ Malai Cosmetics ลิปสติกสีโทนไทยที่นำเสนอเอกลักษณ์ของนางในวรรณคดีได้งดงามไร้ที่ติ

หลังเรียนจบ ในระหว่างที่ตามทำงานสายวิศวกรรมศาสตร์อย่างที่ตัวเองเรียนมา เขารู้สึกอยากสร้างธุรกิจสักอย่างหนึ่งเป็นของตัวเอง ตามจึงชวนแฟน เพื่อน และญาติที่สนิทกันมาลองพูดคุยหาไอเดีย โดยมีโจทย์ตั้งต้นว่าธุรกิจนั้นต้องมีความเป็นไทยและทำออกมาได้อย่างร่วมสมัย

จนในที่สุด ทุกคนในทีมก็เห็นตรงกันว่าลิปสติกน่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ลงตัวกับโจทย์ที่พวกเขาตั้งไว้ เพราะสามารถเข้าถึงคนรุ่นใหม่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะหญิงสาวที่มักมีลิปสติกหลายแท่งเป็นของตัวเอง ทั้งยังเล่าเรื่องความเป็นไทยบางอย่างลงไปในนั้นได้ด้วย

ตามและทีมใช้เวลากว่าขวบปีในการรีเสิร์ชและพัฒนาลิปสติกให้ได้มาตรฐานเทียบเท่าเคาน์เตอร์แบรนด์ พวกเขาค่อยๆ เรียนรู้และประยุกต์ศิลปะไทย สีไทย และลายเส้นไทย จนเกิดเป็นลิปสติก Malai Cosmetics ที่ลงตัวในที่สุด

นางจินตหราวตีและนางบุษบาจากเรื่องอิเหนา นางรจนาจากเรื่องสังข์ทอง นางมโนราห์จากเรื่องพระสุธนมโนราห์ นางพิมพิลาไลยจากขุนช้างขุนแผน นางเทราปตีจากเรื่องมหาภารตะ และนางสีดาจากรามเกียรติ์ ทั้ง 7 นางจาก 6 วรรณคดีถูกตีความออกมาเป็นลิปสติกได้อย่างสวยสดงดงาม สมกับเป็นเครื่องสำอางคู่กายของหญิงสาวทุกสมัย

จากวรรณคดีที่รักสู่ลิปสติกเอกลักษณ์ไทย

ตั้งแต่เด็กๆ เราชอบวาดลายเส้นไทย วรรณคดีที่เราชอบคือเรื่องรามเกียรติ์ จำได้ว่าสมัยประถมเราเรียนเรื่องนี้ เอาจริงๆ มันก็มาจากอินเดียนะแล้วมีแปลบทไทย เป็นภาพจำแรกของเราเกี่ยวกับวรรณคดีไทยเลย เป็นวรรณคดีที่แฟนตาซีมาก มียักษ์ ลิง หงส์ นก เต็มไปหมดเลย ทุกอย่างมันถูกผูกเรื่องเป็นมหากาพย์ เราอ่านแล้วเพลินมาก สนุกกับมันมากจนไปหาร้อยแก้วเล่มใหญ่แบบเต็มเรื่องมาอ่าน ตอนนั้นเรียนที่สวนกุหลาบ ก็ไปหาอ่านจากห้องสมุด อ่านจนจบแล้วก็ชอบรามเกียรติ์มาก เป็นจุดที่ทำให้รู้ว่าเราชอบเรื่องแบบนี้นะ อย่างแหวนที่เราสวมอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นยักษ์ เราชอบซื้องานคราฟต์ไทยๆ มาเก็บสะสมเรื่อยๆตามเล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นให้เราฟัง

จากความชื่นชอบในวัยเด็ก เมื่อจะเริ่มทำแบรนด์ ตามก็เริ่มผูกโยงสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน

พอมาทำธุรกิจเลยคุยกับทีมว่าอยากให้คนเห็นแล้วรู้เลยว่ามาจากไทย เราเลยดึงคอนเซปต์สามอย่างมาก่อนว่าต้องทำอะไรบ้าง คือ รูปจะต้องเป็นไทย กลิ่นจะต้องเป็นไทย และสีจะต้องเป็นไทย เราอยากให้เป็นลิปสติกที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อนเขาเล่า

แพคเกจจิ้งลายยักษ์ไทย กลิ่นมะลิที่หอมละมุน เฉดสีโทนไทยอันสวยงาม ทั้งหมดนี้ถูกเลือกมาอย่างพิถีพิถันโดยตามและทีมงาน ทุกคนคือเด็กไทยรุ่นใหม่ที่หลงรักศิลปะไทยทั้งสิ้น

น่าสนใจที่ว่า Malai Cosmetics กำลังหยิบยกวรรณคดีให้มาโลดแล่นในยุคนี้และคนทั่วไปก็เข้าถึงได้ด้วย

“เราว่าของไทยหลายอย่างมันมีกระบวนการคิดที่น่าสนใจ กว่าจะออกมาเป็นลิปสติก Malai ได้ เราคิดกันมาเป็นปี และเรากล้าการันตีว่าตัวเนื้อลิปเราสู้เคาน์เตอร์แบรนด์ได้เลยตามพูดจบพร้อมเปิดกล่องลิปสติกสีสวยสดตรงหน้าให้เราได้ชม

ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่ชอบลิปสติกมาก ยอมรับตรงนี้เลยว่าเรารู้สึกหลงรักทุกเฉดสีของ Malai Cosmetics เข้าอย่างจัง ลิปสติกทุกแท่งมีเฉดสีที่สวยงามมาก เรารู้สึกคุ้นเคยกับเฉดสีเหล่านี้เป็นอย่างดี อาจเพราะเคยเห็นผ่านตาจากงานศิลปะไทยต่างๆ มาแล้ว

ปัจจุบัน Malai Cosmetics ได้วางตำแหน่งแห่งที่ตัวเองไว้เป็นของฝากในเป็นรูปแบบ cosmetics เป็นลิปสติกที่มีหน้าตาสวยงาม ลูกค้าสามารถซื้อแบบบอกซ์เซตไปเป็นของฝากจากประเทศไทยได้ แถมคุณภาพก็เทียบเท่าเคาน์เตอร์แบรนด์ด้วย

THAITONE ว่าด้วยลิปสติกสีโทนไทย

ตามเล่าว่าขั้นตอนที่ยากที่สุดคือการเลือกสี

จากสีโทนไทย 200 กว่าสีที่มีอยู่ พวกเขาเริ่มคัดสีที่ไม่เหมาะทิ้งไปก่อนจนเหลือประมาณ 100 สีที่พอจะเป็นลิปสติกได้ จากนั้นก็คัดต่อจนเหลือ 50 สีที่ไม่ดูเป็นสีผสมจนเกินไป แล้วก็คัดเลือกกันอีกครั้งจนเหลือ 15 สี ซึ่งกว่าจะได้มาเป็น 7 สีสุดท้ายนั้นต้องใช้ความละเอียดและเป็นงานที่ยากมากสำหรับผู้ชายอย่างตาม

สีลิปสติกที่แตกต่างแม้เฉดสีหนึ่ง ก็ทำให้ลุคการแต่งหน้านั้นเปลี่ยนไป นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผู้หญิงถึงให้ความสำคัญกับสีลิปสติกมาก

เราพยายามเลือกให้สีมันเป็นกลางที่สุด ผู้หญิงมองแล้วรู้สึกไม่ขัดใจ แล้วผู้ชายมองก็ชอบเหมือนกัน มันยากตอน 15 สีสุดท้ายเพราะโทนใกล้เคียงกัน สายตาผู้ชายไม่สามารถแยกได้จริงๆ ว่าแดงอันนี้กับแดงอันนั้นมันต่างกันยังไง แต่ในความเป็นผู้หญิงเขาจะมีพิกเซลสีที่ละเอียดกว่าผู้ชาย เลยให้ผู้หญิงในทีมเลือกสีเป็นครั้งสุดท้ายอีกที ก็เลยจบด้วย 7 สีที่มีอยู่ตอนนี้ เป็นสีที่สามารถทาได้ทุกวันในลุคที่แตกต่างกันไป

ลิปสติกทั้ง 7 ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าถูกเลือกมาเป็นตัวแทนของนางในวรรณคดีจากเรื่องต่างๆ จนลงตัวทั้งบุคลิกและชื่อเรียกประจำสี

นางมโนราห์หรือสีชื่อ Manogany เป็นลิปสติกเฉดสีดินแดงเทศหรือสีไม้มะฮอกกานี นางรจนาหรือสี Rosejana จะเป็นสีแดงชาดหรือสีดอกกุหลาบ บ่งบอกตัวตนว่าหญิงสาวผู้นั้นมีความมั่นใจในตัวเองและเด็ดเดี่ยว ในขณะเดียวกัน ลิปสติกสี Peachlalai เฉดสีหงเสนหรือสีพีชจะตัวแทนของนางพิมพิลาลัย หญิงสาวผู้อ่อนช้อยนุ่มนวล

Teraberry มีสีดอกทับทิมหรือสีผลเบอร์รี เป็นตัวแทนของนางนางเทราปตีจากเรื่อง มหาภารตะ ส่วนสี Boosabrown สีน้ำตาแสงเทียนก็เป็นตัวแทนของนางบุษบา และสี Magentra เฉดสีท้องสิงห์โทน Maganta เป็นตัวแทนของนางจินตหราวตีจากเรื่อง อิเหนา

ด้วยความที่เราชอบวรรณคดี เราเลยอยากเอาชื่อนางวรรณคดีมาเป็นตัวแทน พยายามเลือกคาแร็กเตอร์นางในวรรณคดีที่ใกล้เคียงกับสีที่สุด พอได้มา 7 คนแล้ว เราก็เอาคำมาสมานกับสีออริจินัลที่เป็นชื่อภาษาอังกฤษ และพยายามให้ลงตัวที่สุด โชคดีด้วยแหละที่ทุกอย่างมันลงล็อกพอดี

ลิปสติกแต่ละสีจะ represent นิสัยใจคอแต่ละนางในวรรณคดี ซึ่งก็เป็นตัวแทนของผู้หญิงอยู่แล้ว อย่างนางรจนาจะฉลาด ไม่ได้ตามใครง่ายๆ มีความคิดเป็นของตัวเอง ตอนที่เลือกเงาะป่าเขาเลือกจากการมองเห็นภายใน เลือกจากความคิด ไม่ได้เลือกจากความชอบ เพราะงั้นเราเลยดึงคาแร็กเตอร์นี้ของเขามา สีแดงที่ดูมั่นใจๆ เหมาะกับเขา นางสีดาเป็นผู้หญิงที่มีความนางเอกๆ หน่อย เราเลยตีความเป็นสีฮันนี่หรือสีเสน เป็นหญิงที่ไม่ได้อายุเยอะมากแต่ก็มีศักดิ์ศรีในตัวเองตามอธิบาย 

ลิปสติกของ Malai Cosmetics ล้วนได้แรงบันดาลใจจากสีของช่างโบราณ มีหลากสีสันและหลายอารมณ์ความรู้สึก ลิปสติกแต่ละสีจึงเหมาะสมกับริมฝีปากของหญิงสาวแต่ละบุคลิก

นอกจากสีที่สวยสดและลงตัวแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราชอบมากคือกลิ่น

ลิปสติกกลิ่นดอกมะลิหอมอวลอ่อนๆ ให้ความรู้สึกละมุนใจเมื่อได้ลองทาลงบนริมฝีปาก

ลิปสติกของเราผูกโยงกับนางในวรรณคดีที่เป็นผู้หญิง พอต้องเลือกว่าจะเป็นกลิ่นอะไร ชอยส์ที่เป็นไทยมากๆ ก็มีแค่สองอย่าง คือน้ำอบกับมะลิ ซึ่งเรามองว่ากลิ่นน้ำอบมันแรงกว่ากลิ่นมะลิ เป็นกลิ่นที่ดมได้ไม่นาน ก็เลยเอากลิ่นมะลิดีกว่า กลิ่นดอกไม้

พอเราได้กลิ่นมะลิ ชื่อแบรนด์ก็ควรจะเกี่ยวข้องกับกลิ่นนี้ด้วย เราก็เลยตั้งชื่อเป็นมาลัยแล้วกัน เพราะว่าเวลาชาวต่างชาติมาเราก็จะเอาพวงมาลัยให้เขา เป็นสื่อสัญลักษณ์ของการต้อนรับด้วย และพวงมาลัยก็เป็นตัวแทนของดอกไม้ ดอกไม้เป็นตัวแทนของผู้หญิง กลิ่นก็เป็นกลิ่นมะลิ เพราะฉะนั้นจะเป็นชื่ออื่นไปไม่ได้เลยนอกจากมาลัย

 

ราพณารักษ์

อีกขั้นตอนที่ต้องใช้ความละเอียดไม่แพ้กันคือการออกแบบแพ็กเกจจิ้งลิปสติก 

ตามและทีมค่อยๆ ออกแบบลิปสติกขึ้นมาอย่างประณีตที่สุดเพื่อสืบทอดและรักษาศิลปะไทยอย่างทรงคุณค่า พวกเขาเริ่มต้นจากลองออกแบบเป็นลายกนกและลายเส้นไทยอื่นๆ แต่นั่นก็ยังไม่เป็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจนัก ระหว่างนั้นเอง ตามก็เกิดคำถามกับตัวเองว่าถ้าเขาจำเป็นต้องประดับความเป็นไทยอะไรสักอย่างลงไป จะทำอะไรดี

เราสะดุดกับคำว่าประดับนี่แหละ มันหมายความว่าเราไม่จำเป็นว่าต้องวาดมันลงไปก็ได้นี่นา เรามาประดับทีหลังได้ เลยคิดว่าน่าจะเอางานฝีมือของไทยที่ดังๆ มาประดับ ถ้าไม่ใช่เครื่องเงินก็ต้องเป็นทองเหลือง ซึ่งทองเหลืองมันดูหรูหราเวลาตัดกับแท่งลิปสติกสีดำ เราก็ไปหาโรงงานที่เชี่ยวชาญในการทำทองเหลืองเพราะอยากใช้ทองเหลืองจริงเลย งานหน้ายักษ์จึงเป็นแฮนเมดทั้งหมด งานทองเหลืองคืองานปั๊ม งานลงดำ งานงอ งานติด ทำด้วยแรงมือคนหมดเลยตามเล่าถือหน้ายักษ์ลายเส้นไทยตรงหน้าลิปสติก ที่ดูมีเสน่ห์ แปลกตา และน่าดึงดูด

ตามเล่าว่าหัวยักษ์ที่อยู่บนลิปสติกนี้ ได้พี่ชายของเขาที่เชี่ยวชาญด้านศิลปะไทยมาเป็นผู้ออกแบบให้

ตามตำราลายเส้นไทยจะมีแพตเทิร์นตัวยักษ์อยู่แล้ว หัวยักษ์เขาจะมีเหลี่ยม ปากแสยะ มีเขี้ยว ตา มงกุฎ แล้วเราก็ไม่อยากไปเอาหัวยักษ์จากวรรณคดีเรื่องไหนด้วย อยากสร้างยักษ์แบบที่ยังไม่เคยมีมาก่อน พี่ชายเราวาดขึ้นมาเอง ซึ่งเขามีความเชี่ยวชาญเรื่องลายเส้นไทย รู้เรื่องวรรณคดีและการแต่งกลอนอยู่แล้ว หลังวาดเสร็จก็ตั้งชื่อว่าราพณารักษ์ แปลว่ายักษ์ผู้ปกปักรักษา ราพแปลว่ายักษ์ รักษ์และว่ารักษา ยักษ์ราพณารักษ์ของเราจะใส่มงกุฎ ตาโพง ปากแสยะ ซึ่งหมายความว่าเขากำลังยิ้มอยู่ตามเล่าถึงรายละเอียดเบื้องหลัง

แม้แต่เราเองก็คิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งจะได้เห็นยักษ์มาประดับตกแต่งอย่างสวยงามอยู่บนข้าวของหรือเครื่องสำอาง

ตอนแรกหลายคนก็ถามว่าทำไมถึงไม่เอาหน้าของนางในวรรรณคดีนั้นๆ มาติดอยู่ตรงหน้าลิปเลยล่ะ เรามองว่านางในวรรณคดีอาจจะดูสวยก็จริงแต่รายละเอียดมันไม่วิจิตรบรรจงเท่าหัวยักษ์ ภาพจำคนส่วนใหญ่จะมองว่ายักษ์เป็นตัวโกงหรือตัวร้าย จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย ยักษ์เป็นทวารบาลของวัดในสมัยก่อนด้วยซ้ำ เราเลยเปลี่ยนยักษ์ให้เป็นแง่บวก ให้เขามาปกปักรักษาเขาเล่าถึงสิ่งที่เรากำลังสงสัยอยู่ในใจ

เรียกได้ว่าลิปสติกของ Malai Cosmetics คืองานศิลปะที่สร้างขึ้นด้วยเรื่องราวที่สนุก ประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัย และวิจิตรบรรจงไม่แพ้ใคร

Malai Cosmetics

ปัจจุบัน Malai Cosmetics มีอายุเข้าสู่ปีที่ 3 โปรดักต์ลิปสติกทั้ง 7 สีเป็นที่ติดอกติดใจหญิงสาวแต่ละบุคลิกจากหลากหลายชาติ ผู้หญิงแต่ละคนก็ย่อมมีสีลิปสติกที่รักแตกต่างกัน 

สีที่ขายดีแรกเริ่มเลยคือ Peachlalai เบอร์ 5 เป็นสีพีชโทนนู้ดหน่อย ด้วยความที่เป็นสีที่ทาได้ทุกวัน และคนไทยก็ชอบ แต่ถ้าที่ล้ง 1919 ที่เราวางขายอยู่ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนจีน สี Magentra เบอร์ 7 ซึ่งเป็นสีชมพูจะขายดีมาก คนจีนชอบมาก ถ้าเป็นลูกค้าทางยุโรปจะชอบสีแดงๆ สี Teraberry กับ Rosejana จะขายดีจากที่ฟังตามเล่า เราว่าพวกเขากำลังเดินทางไปได้อย่างสวยงามทั้งในฐานะ souvenir และ cosmetics

ปัจจุบัน Malai Cosmetics วางขายอยู่ 3 แห่ง ได้แก่ ล้ง 1919 community mall ที่เน้นวัฒนธรรมจีน เซ็นทรัลฯ พัทยา และ Legend Siam สวนสนุกเชิงวัฒนธรรมที่พัทยา และมีเว็บไซต์ malaicosmetics.com เป็นช่องทางหลักในการขายออนไลน์ด้วย

ตอนแรกเราตั้งใจขายชาวต่างชาติเป็นหลัก เพราะนี่เป็นของฝากของที่ระลึก ชาวต่างชาติเขาชอบงานอะไรแบบนี้เพราะเขามองว่ามันเป็นศิลปะที่ควรค่าแก่การจ่ายตังค์เพื่อเสพมัน เหมือนที่ฝรั่งชอบไปมิวเซียมเพื่อดูงานศิลปะ เขาให้ความสำคัญกับศิลปะไทยและวัดไทย แต่พอเอาเข้าจริงกลายเป็นว่าลูกค้าคนไทยก็สนใจเยอะมากเหมือนกัน เราก็อยากทำให้คนรู้ได้เลยทันทีที่เห็นว่าลิปสติกนี้มาจากไทยนะ

เราแค่อยากทำลิปสติกเป็นสินค้าชนิดหนึ่งที่นำเสนอความเป็นไทยได้ อยากให้คนได้รู้จัก อยากให้คนได้มาเห็นว่าไทยเราก็มีของดีๆ เหมือนกันนะ พอเราได้ทำก็มีกลุ่มคนไทยหลายคนให้ความสนใจและอยากพูดคุย อยากรู้จักแบรนด์เรามากขึ้น ซึ่งเราก็ยินดีมากๆ เพราะรู้สึกว่ากำลังมาถูกทาง เราไม่อยากให้วรรณคดีเลือนหายไปกับกาลเวลาด้วย ในฐานะคนรุ่นใหม่เราอย่าลืมมันดีกว่า

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ปฏิพล รัชตอาภา

ช่างภาพอิสระที่สนใจอาหาร วัฒนธรรม และศิลปะร่วมสมัย มีความฝันว่าอยากทำงานศิลปะเล็กๆ ไปเรื่อย รวบรวมผลงานไว้ที่ pathipolr.myportfolio.com