ต้า Paradox : คนเขียนเพลงจากฝันอันล้ำโลก

เป็นเวลา 23 ปี ที่ Paradox วงร็อคหัวใจวัยรุ่นผงาดง้ำค้ำวงการเพลง ผ่านร้อนหนาวยาวนาน บทพิสูจน์สำคัญหนึ่งที่ทำให้วงของพวกเขาเป็นอมตะ คือผลงานเพลงคุณภาพ หลายคนกล้าพูดเลยว่าเนื้อหาและดนตรีของวง Paradox คือของจริง ซึ่งหนึ่งผู้ปลูกปั้นคนสำคัญคือ ต้า-Paradox หรือ อิทธิพงศ์ กฤดากร ณ อยุธยา วัย 40 ปี หัวหน้าวง ผู้ควบตำแหน่งนักร้อง กีต้าร์และแต่งเพลงให้วงมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 จากนักศึกษาคณะครุศาสตร์ แห่งรั้วจุฬาฯ สู่หนุ่มมากประสบการณ์ในดินแดนดนตรี

ไม่มีวาระไหนเหมาะจะพูดถึงเบื้องหลังการแต่งเพลงของเขาเท่านี้ เพราะต้าเพิ่งคลอดหนังสือเล่มที่ 2 อย่าง
ความฝันในแดนสนธยา ที่บรรจุเบื้องหลังการทำเพลงในอัลบัมบ้าพลังชุดล่าสุดของ Paradox อย่าง Before Sunrise After Sunset ซึ่งใช้เวลาขับเคี่ยว 10 ปี มีเพลงอัดแน่นถึง 22 เพลง ก่อนที่คุณจะหางานเขียนของต้ามาอ่าน เราขอเวลาว่างก่อนเขาขึ้นเวทีเปิดตัวหนังสือเล่มใหม่ เพื่อพูดคุยเจาะลึกเรื่องการเขียนเนื้อเพลง เรากล้าพูด บทสนทนาวันนั้นเข้มไม่แพ้แดดจ้าเดือนมีนาคม เข้ากับความร้อนแรงทางความคิดของผู้ชายที่นั่งตรงข้ามเราตอนนี้

เริ่มเป็นนักดำน้ำ และนักแต่งเพลงในคาบเรียน

เราเริ่มแต่งเพลง ป.5 ร้องเพลงการ์ตูนญี่ปุ่นอัดใส่เทปคาสเซ็ทไว้ แบบร้องเป๊ะเลยนะ แต่ถ้านึกเมโลดี้ไม่ออกจะร้องมั่วดำน้ำเก่ง แล้วประมาณ ป.6 – ม.1 เราหัดเล่นกีต้าร์จนเป็น แต่เล่นแต่ละเพลงไม่เคยจบ เพราะขี้เกียจจำเนื้อเลยเติมเนื้อเอง ทีนี้ก็นั่งเขียนเนื้อเล่นจริงจังตั้งแต่นั้น

ตอนเรียนปี 1 ที่คณะครุศาสตร์ศิลปะ เรามีพี่ป๊อด Modern Dog (ธนชัย อุชชิน) เป็นไอดอล เขาเป็นรุ่นพี่มหา’ลัย ช่วงนั้นเพลง ลมหายใจ กำลังฮิต พอได้แรงบันดาลใจเราเลยแต่งจริงจังเลย เพลงแรกที่แต่งเองคือ นักมายากล ส่วนเพลงแรกของวง Paradox คือ โรงหนังเก่า เกิดในชั่วโมงเรียน เรากับคุณสอง (จักรพงศ์ สิริริน) นั่งเล่นในคลาสตามประสาคนไม่ค่อยสนใจเรียน แล้วเขียนเนื้อส่งกัน ช่วยกันเติมออกมาเป็นเพลงแรกของวง

แค่ถือกีต้าร์ ก็เหมือนมีเวทย์มนต์

เมื่อเราเริ่มถือกีต้าร์ เตรียมเครื่องอัดเสียงไว้ได้เลย เพราะว่าพอเล่นมั่วๆ ไปสักพักเดี๋ยวเพลงจะงอกออกมาเอง เหมือนเราเป็นร่างทรง เนื้อออกมาก็จดๆ ไว้ ส่วนหนึ่งการแต่งเพลงเกี่ยวกับพรสวรรค์ ช่วงหลัง ผมเริ่มทำเพลงโฆษณา มีความรู้สึกว่างานแบบนี้ใครก็แต่งได้ แต่พอลองโยนให้คนอื่นทำงานไม่ผ่านเลย สุดท้ายพอแต่งเองมันผ่านเร็วทุกที

ผมว่าการชอบร้องดำน้ำและการมั่วเก่งตั้งแต่เด็ก ทำให้คิดงานง่ายกว่าคนอื่น (หัวเราะ) เนื้อเพลงจะลอยออกมาเองในอากาศ เหมือนนักวาดรูป ถ้ามีปากกา แล้วนั่งวาด ก็จะออกมาเป็นรูปดีๆ ได้ ถ้าตั้งต้นมีทุนที่ดีอยู่แล้ว ส่วนที่เหลือเราต้องพัฒนาต่อเอง เปรียบเหมือน X-Men พัฒนาพลังตัวเองให้ควบคุมได้ดีขึ้นด้วย

แรงบันดาลใจแหวกกฏ

การเป็นนักแต่งเพลงของเรามันแหวกแนวไปจากทางสายหลัก มันมีความหลอน แฟนตาซี แหกคอก กระโดดไปอีกโลก เพราะเราเป็นคนชอบทดลอง ชอบไปเที่ยวสถานที่หลากหลาย ผมมีเพื่อนตั้งแต่ระดับสลัมจนถึงบ้านไฮโซ ทำให้เราเห็นชีวิตหลายมุม สมมติไปอยู่บ้านเพื่อนในชนบท ขี่มอเตอร์ไซค์แว้นกันก็จะมีไอเดียเกี่ยวกับเพลงมอเตอร์ไซค์ขึ้นมา

แรงบันดาลใจของการแต่งเพลงอีกส่วนมาจากนิสัยชอบดูหนัง หนังเป็นทางลัดในการหาวัตถุดิบ แต่ละเรื่องมีสไตล์และโทนไม่เหมือนกัน ดูหนังเยอะๆ เหมือนได้เที่ยวรอบโลก อีกอย่างเราชอบฟังซาวนด์แทรกมาก พอได้ฟังก็ได้ไอเดีย เฮ้ย! น่าทำเพลงสไตล์นี้ตามหนังเรื่องนี้นะ พัฒนาไอเดียต่อได้ อย่างเพลงในหนัง American Pie มีดนตรีตอนจบครึกครื้น เราจับมาเล่นกีตาร์โปร่งตีให้จังหวะฉึบฉับ กลายเป็นเพลงอย่าง บอลลูน หรือบางเพลงในหนังที่มีซาวนด์น่าลองเล่น ร้องให้หลอน แบบกึ่งครวญครางกึ่งแหกคีย์ไปเลย คิดว่านี่มันเจ๋งดีนะ เลยเอามั่ง ร้องแหกคีย์ หลุดๆ ลอยๆ ให้สุดๆ ไปเลยในอัลบั้มใหม่

เนื้อเพลงรสชาติประหลาด

เราสังเกตลายเส้นในเพลงตัวเอง เนื้อเพลงจะเป็นลักษณะหวานๆ ขมๆ เพลงหวานซ่อนขม เพลงขมก็ซ่อนหวานไว้ เหมือนลายเส้นในภาพวาด ไม่ใช่แค่เพลง ไอ้พวกบทความที่เขียนเองส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน อารมณ์ประมาณว่าต้องยิ้มทั้งน้ำตา หรือข่มให้น้ำตาไหลในใจ

เราชอบแต่งเพลงแปลก เพราะชอบแกล้งคน อยากเห็นปฏิกิริยาคนฟัง ไอ้นิสัยนี้ทำให้ลองนั่งคิดดูว่าถ้าแต่งเพลงนี้ แล้วเปิดให้คุณย่าและคุณยายฟัง เขาจะทำหน้ายังไง แล้วเราจะยิ่งอยากพิเรนทร์ให้สุด กลายเป็นแรงบันดาลใจให้นึกถึงสิ่งแปลกประหลาด ร้องเพลงที่คนดูจะร้องตามไม่ได้ดูสิ เฮ้ย! งั้นเอาแบบที่เขาร้องตามไม่ได้สิ ให้เหวอไปเลย มันเป็นเรื่องสนุกขึ้นมาเลยนะ (ยิ้มมุมปาก)

ยิ่งแก่ ยิ่งบ้าบิ่น

อายุทำให้การแต่งเพลงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ปกติคนอายุมากจะเริ่มนิ่ง แต่เราย้อนแย้ง ตอนนี้อายุมากกลับโลดโผนกว่าเดิม คำว่าแก่ท้าทายดี ชอบมีคนบอกเราว่า “แก่แล้วพี่ อายุหลักเลขสี่แล้ว” โยนคำนี้มาให้เราตลอดเลย ถ้าเปลี่ยนเป็นเงินนี่รวยแล้วนะ แต่เราไม่สน ยิ่งทำงานบ้าๆ แหวกแนวออกมา

ถึงเพลงจะบ้าแค่ไหน แต่มันเก๋าเกมขึ้นตามประสบการณ์ ดนตรีจะมีชั้นเชิง มีความประณีต มุมมองลึกซึ้งขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราชอบความดิบห่าม ทุกวันนี้แฟนเพลงอยากฟังแบบเดิมๆ แต่เราเหมือนคอมพิวเตอร์ที่อัพเกรดจนมีโปรแกรมให้ใช้ตั้งหลากหลาย จะใช้แต่โปรแกรมเดิมๆ ก็ไม่สนุกน่ะสิ เลยพยายามผสมให้แปลกดีกว่า แต่สิ่งที่เหมือนกันทุกยุคคือเราชอบเข็นเพลงประหลาดมาโปรโมต ในใจค้านทุกครั้งแหละว่าเพลงแบบนี้ใครมันจะฟังวะ แต่ผลตอบรับกลับดีเฉย เพลงที่คิดว่าดังแน่น่ะ กลับไม่มีคนฟัง งั้นเอาเพลงหลุดๆ หลอนๆ มาโปรโมตน่ะดีแล้ว (หัวเราะ)

เชื้อไฟจากนักแต่งเพลง

แรงบันดาลใจครั้งแรกเราได้มาจากวง Modern Dog ทุกครั้งที่ฟัง รู้สึกคันมือ อยากแต่งเพลงทันที ผมว่า Modern Dog เขาจะเดินหน้านำคนอื่นไปสามถึงสี่ก้าวตลอด แล้วเรารู้สึกว่ามีคนนำทาง ทำให้เรามีแรง ส่วนนักแต่งเพลงมืออาชีพที่ประทับใจ คือพี่ดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค เปรียบพี่ดี้เป็นผู้กำกับ เขาก็เป็น สตีเว่น สปีลเบิร์ก เพลงเขาเป็นเพลงเพื่อคนส่วนรวม สื่อสารชัดเจน เลือกคำจำง่ายมาใช้ดี ฟังแล้วเข้าสมองเลย เนื้อเพลงจรรโลงเชิงบวก ต่อให้เนื้อหาร้ายแต่ยังมองโลกแง่ดี

ถ้าเป็นเพลงลูกทุ่ง ผมชอบ ครูสลา คุณวุุฒิ เขามีความสร้างสรรค์ด้านการเล่าเรื่องง่ายๆ มุมมองลูกทุ่งของเขาฉีกไปจากเพลงลูกทุ่งทั่วไป โดยเฉพาะการใช้คำ สวยงามมากๆ อย่างนักแต่งเพลงยุคใหม่ ชอบคุณ แสตมป์-อภิวัชร์ เขาเป็นนักแต่งเพลงที่เล่าเรื่องเก่ง พูดเรื่องวัยรุ่นซึ่งทั้งสนุกและสดด้วย อีกคนที่เก่งมากคือพี่แอ๊ด คาราบาว เนื้อเพลงที่เขาเล่าเรื่องราวหลากหลายมาก แต่งเพลงเป็นร้อยเป็นพันเพลง แต่กลับแต่งเรื่องได้เยอะ เนื้อหาไม่ซ้ำกันเลย


ผลงานเพลงโปรด

01 หลุมศพปลาวาฬ – Paradox

เพลงนี้เป็นจุดเปลี่ยนทฤษฎีการแต่งเพลง ไอเดียเกิดตอนฟังเพลงฝรั่ง แล้วฟังไม่รู้เรื่อง แต่จินตนาการความหมายได้ ดังนั้นการแต่งเพลงไม่ต้องมีเนื้อหาที่รู้เรื่องก็ได้ ประกอบกับตัวเรามีไอเดียอยากแกล้งคนให้เขาฟังไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว เลยลองเอาประโยคมาวางเหมือนการคอลลาจภาพ บางอันเป็นประโยคย้อนแย้งด้วย เช่น ชัยชนะของความพ่ายแพ้ ความจริงลวงหลอก ฟันปลอมแท้ แล้วลองทดลองหยอดคำต่างๆ แบบกวนประสาท ผสมความแฟนตาซี แต่ไม่ลืมที่จะชงรสชาติเพลงให้กลมกล่อมอย่างประณีต

พอทำเพลงนี้เสร็จเราตื่นเต้นมาก ถึงขนาดเชิญแฟนเพลงมาฟังเพลงนี้แบบมานั่งเลคเชอร์ ตอนนั้นแฟนเพลงก็ตื่นเต้นมาก เราโม้ไปว่าวันนี้จะเปิดให้ฟังเป็นที่แรกในโลก แล้วให้กระดาษเขาหนึ่งใบ ให้เขาฟังแล้วเขียนอธิบาย ผลลัพธ์ออกมาไม่เหมือนกันเลย มันทำให้ความหมายเพลงกว้างมาก บางคนคิดถึงเรื่องการเมือง ปรัชญา สุดท้ายมันขยายไปเป็นต้นแบบให้เพลงอื่นๆ ในอัลบั้มใหม่ ซึ่งเราเน้นแต่งเพลงสื่ออารมณ์ ไม่บอกเรื่องราว แต่มีโทนคลุมเพลงไว้ว่าจะให้อารมณ์สุขหรือเศร้า

02 ปรสิต – Paradox

เราประทับใจเพลงนี้ แต่ระหว่างทำติดใจในเรื่องความหมายของคำว่า ตัวเซลล์ ไม่แน่ใจว่าใช้คำว่านี้ได้ไหม เพราะปกติเขาใช้คำว่า เซลล์ แต่พยายามดิ้นคำแล้ว ดันแต่งลงล็อกได้แค่คำนี้ เราไม่อยากแต่งมั่วซั่ว พยายามค้นคว้า สุดท้ายตัดสินใจถามแม่ เพราะแม่เราเป็นอาจารย์วิทยาศาสตร์ ถามว่าคำนี้เขาใช้กันมั้ย แม่แนะนำว่าใช้ได้ เพลงชื่อ ปรสิต แก่นเพลงจะคล้ายหนังเรื่อง The Thing เราอินกับการเขียนเพลงนี้มาก จนต้องหาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เป็นความคิดหลอนๆ ว่าปรสิตไปฝังในร่างสิ่งมีชีวิต แล้วบังคับให้ร่างนั้นทำสิ่งต่างๆ เช่น ฝังตัวในร่างปู ให้ปูฟักไข่ตัวปรสิต จากนั้นปูกลายเป็นซอมบี้ เฮ้ย! มันมีจริงเหรออะไรแบบนี้ เลยแต่งเพลงโหดๆ เล่าเรื่องว่าโลกเดี๋ยวนี้มันรุนแรง มีปรสิตฝังในตัวคนได้ ทำให้บางคนดูโหดร้ายด้านชา เขียนออกมาแล้วปรากฏว่าแฟนเพลงชอบ เลยได้ไอเดียว่าเพลงวิทยาศาสตร์ก็แต่งในเชิงลึกได้ แถมเรื่องการทำดนตรีก็ค่อนข้างใหม่สำหรับพวกเรา เราคิดว่าแฟนเพลง Paradox น่าจะชอบเพลงเนื้อหาแบบนี้ เพราะเรามีแฟนเพลงเป็นพยาบาล นักวิทยาศาสตร์ มนุษย์ไอทีและมนุษย์เนิร์ดทั้งหลายด้วย

03 จดหมายจากวันวาน – Paradox

เพลงนี้ได้ไอเดียจากหนังสองเรื่อง เรื่องแรก Butterfly Effect เกี่ยวกับเรื่องการย้อนเวลาไปเพื่อแก้ไขให้ชีวิตคู่ดีขึ้น สุดท้ายยิ่งแก้ไขกลับยิ่งพัง ตัวละครเลยเลือกหายไปเลย ไม่ต้องเจอใครจะได้ไม่มีความทุกข์ อีกอันหนึ่งคือหนังญี่ปุ่นที่ผมจำชื่อเรื่องไม่ได้ มีตัวละครชื่อคุณครูมัตสึโกะ ซึ่งมีแฟนเป็นนักเขียนที่เก่งมาก แต่เป็นคนชอบเอาแต่ใจตัวเอง ชอบใช้กำลังทุบตีเธอ มัตสึโกะต้องไปขายตัวเพื่อเอาเงินมาเลี้ยงแฟน วันหนึ่งนักเขียนรู้สึกต่อผิดต่อมัตสึโกะเลยเขียนจดหมายลาตายทิ้งไว้ แล้วไปฆ่าตัวตาย เลยได้ไอเดียเรื่องจดหมายว่าอยากแต่งเพลงสำหรับคนรู้สึกผิดที่ความสัมพันธ์จบไม่สวย แต่อยากขอโทษกัน ซึ่งประโยคเด็ดของเพลงนี้ที่ชอบมากคือชีวิตคนเราอาจตัวติดกันตอนนี้ แต่วันหนึ่งเลิกกัน คุณกำลังเป็นคนที่หายไปจากชีวิตเขา อีกอย่างที่ประทับใจคือโทนดนตรีออกมาแนวญี่ปุ่น แล้วพออินโทรเพลงขึ้นจะนึกถึงพระอาทิตย์กำลังตกดิน ดนตรีแบบย้อนยุคนิดๆ เราชอบมากๆ

04 รถไฟขบวนแห่งความฝัน – PARADOX

เพลงนี้เป็นเพลงที่ได้แรงบันดาลใจมาจากจดหมายที่แฟนคลับของวงเราส่งเข้ามา เป็นช่วงชีวิตหนึ่งที่ทำอัลบั้มแล้วอ่อนล้า เหนื่อย มีปัญหามากมายรุมเร้า เราเลยรู้สึกเบื่อ อยู่ดีๆ ก็ดราม่าขึ้นมาทำให้จิตตก หมดไฟ แต่พอมานั่งอ่านจดหมายมีอยู่ฉบับหนึ่งอ่านไป เขาพร่ำเพ้อถึงความประทับใจเกี่ยวกับเพลงที่เราแต่ง พอเราอ่านไป เฮ้ย! ทุกคนรอเพลงของเราอยู่นะ เลยมีแรงฮึดขึ้นมา แล้วเรารู้สึกว่าจดหมายแต่ละฉบับที่แฟนเพลงส่งมานั้น มันเหมือนเชื้อเพลิงให้กับรถไฟขบวนวง Paradox เลยอยากทำเพลงอารมณ์ยุคฮิปปี้ เป็นเพลงแห่งสมัยหนุ่มสาวที่มีความฝันแล้วออกไปผจญภัย เราว่าโทนเพลงนี้ดนตรีค่อนข้างหลอนๆ ประสาทแบบอ่อนๆ พาคนฟังย้อนไปประมาณยุค 70s แล้วเนื้อเพลงก็สละสลวย ซึ่งเราแอบฝันว่าเพลงนี้จะเป็นมาสเตอร์พีชของวงเราในอนาคต เพราะมันกลมกล่อม มีความแฟนตาซีและมีความช่างฝันด้วย

05 Cry Cry Cry – Palmy

เราชอบเพลง Cry Cry Cry เพราะว่าคำมันเพราะและสละสลวยมาก เป็นการพูดถึงการล้อคำที่มันเท่ ให้คำว่า cry ให้มันสอดคล้องกับคำว่าร้องไห้ เป็นคำที่คล้องจองกันได้ลงตัว แถมเนื้อเพลงยังมีความหมายแบบเดียวกัน เราเลยเอามาล้อในเพลงนี้ คำว่า cry cry cry สำหรับเรามันค่อนข้างให้ความรู้สึกโรแมนติก แอบนึกไว้ว่าอยากให้มันเป็นเพลงประจำฤดูฝน ให้ฟังเพลงนี้ตอนฝนตกลงมา แถมบางคำ บางประโยคเด็ดของเพลงอย่าง “เมื่อเราสองสัมผัสกัน” เราว่ามันอีโรติกและโรแมนติกดีด้วย คำว่าสัมผัสกันเพลงมันจะพูดถึงบรรยากาศเวลาฝนตกอะไรแบบนี้ แล้วลองสมมติความรู้สึกว่าเรากำลังนั่งเหม่อมองนึกถึงเรื่องเก่าๆ นึกถึงแฟน และบรรยากาศแห่งอดีต เราจะแทรกคำละเอียดอ่อนพวกนี้เยอะมากในเพลง เลยค่อนข้างชอบมาก ซึ่งพอได้คุณปาล์มมี่มาร้องก็ถ่ายทอดออกมาได้ดีและจับใจมากจริงๆ

ภาพ ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ

AUTHOR