lullaboy ศิลปินจากสิงคโปร์ที่ใช้ความรักนำทาง และการเปลี่ยนเพลงเศร้าให้เป็นศิลปะในเพลงล่าสุด ‘van gogh’

Oh my God, what a blessing
Out of 10, you’re 11
I waited so long, I’ll never move on
Your love is a shortcut to heaven

บางส่วนจากเพลง Shortcut To Heaven เพลงที่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาหากใครเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย หรือเปิดวิทยุขณะฟังเพลงก็คงได้ยินเสียงนุ่มๆ ผสมกับดนตรีป็อปฟังสบายจากเพลงนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งเพลงที่ได้รับความนิยมในไทย กวาดยอดสตรีมบน spotify กว่า 5 ล้านครั้ง ซึ่งในยอดสตรีมนั้นมาจากไทยสูงเป็นอันดับ 3 แม้ว่าจะเป็นศิลปินจากสิงคโปร์ที่เราไม่ค่อยคุ้นเคยนัก 

เบอร์นาร์ด ดินาตา (Bernard Dinata) หรือ lullaboy เจ้าของเพลง เป็นนักร้อง-นักแต่งเพลง ลูกครึ่งอินโดนีเซีย-จีน จากสิงคโปร์ที่น่าจับตามอง เนื้อหาคลั่งรัก ทำนองติดหู แนว Pop ผสม R&B เนื้อเพลงเข้าถึงง่าย คือคำที่อธิบายตัวตนผ่านบทเพลงของ lullaboy ได้อย่างดี และไม่แปลกใจเลยที่เพลงนี้จะกลายเป็นเพลงติดหูของคอเพลงชาวไทย

จนเดือนพฤศจิกายน 2022 ที่ผ่านมา เขาได้บินมาโชว์เคส ‘lullaboy Shortcut To Heaven in BKK’ เพื่อพบปะแฟนๆ ชาวไทยครั้งแรก ซึ่งได้รับการต้อนรับจากแฟนๆ ไปอย่างอบอุ่น

แม้หลายคนจะรู้จักเขาจากบทเพลง Shortcut To Heaven แต่น้อยคนน่าจะยังไม่รู้ว่าเขาเริ่มต้นทำเพลงในฐานะศิลปินอิสระมาก่อนหน้านี้หลายปี โดยอัปโหลดผ่านช่องยูทูบของตัวเอง และความหลงในดนตรียังนำทางเขาให้เข้าเรียนในวิทยาลัยดนตรีเบิร์กเลย์ ที่สหรัฐอเมริกา 

เขากลายเป็นศิลปินดาวรุ่งในสิงคโปร์ ก่อนปล่อยอัลบั้มเดบิวต์ ‘chapters of you’ ในปี 2022 พูดถึงเรื่องราวความรักผ่านแง่มุมที่แตกต่างกันไปในอัลบั้มทั้ง 12 เพลง ด้วยความสามารถที่โดดเด่น เขาได้เซ็นสัญญากับค่าย RedRecords ค่ายเพลงจากความร่วมมือระหว่าง Universal Music Group และสายการบิน Airasia เพื่อทำงานในฐานะศิลปินระดับประเทศอย่างเต็มตัว

เร็วๆ นี้ เขาได้บินกลับมาที่ไทยอีกครั้ง ไม่เพียงแค่โปรโมต แต่ยังเลือกเป็นสถานที่ถ่าย MV เพลงล่าสุด ‘van gogh’ ด้วยเหตุผลว่าเขาติดตามและชื่นชอบครีเอทีฟและงานโปรดักชันที่ไทยมาก

ในวันที่ lullaboy ศิลปินหนุ่มจากสิงคโปร์กำลังก้าวเป็นศิลปินระดับอินเตอร์ เราจึงไม่พลาดที่จะชวนเขามาพูดคุยถึงตัวตน เส้นทางสายดนตรีที่ผ่านมา และเพลงใหม่ที่ปล่อยออกมาเร็วๆ นี้ เพื่อทำความรู้จักเขาให้มากขึ้น

บทสนทนานำพาให้เราได้รู้จักตัวตนของเขา ทั้งจุดเริ่มต้นความหลงใหลในเสียงเพลงกล่อมก่อนนอนและการแสดงอารมณ์รักอย่างเปิดเผยผ่านดนตรี ด้วยความเชื่อที่ว่า “ไม่ว่าใครต่างต้องการความรัก” อะไรคือเบื้องหลังที่ทำให้เขาเชื่อมั่นในความรักและถ่ายทอดออกมาผ่านเพลงเหล่านี้ ตามเราไปพูดคุยกับเขาพร้อมๆ กัน

เพลงรักที่ก่อตัวจากเพลงกล่อม

ช่วงเวลาเย็นๆ ที่พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า เรามาถึงกองถ่าย MV van gogh เพลงใหม่ของ lullaboy ที่เวนิส ดิ ไอริส โครงการอาคารพาณิชย์แถบชานเมืองของกรุงเทพฯ ที่รายล้อมไปด้วยอาคารทรงยุโรป เป็นฉากเบื้องหลังที่เข้ากับเรื่องราวของจิตรกรหนุ่มใน MV ซึ่งเขาได้แสดงเป็นตัวเอกพอดี 

เราเซอร์ไพร์สไม่น้อยที่ได้รู้ว่าผู้กำกับ MV คือ เบนซ์-นิษฐกานต์ แก้วปิยสวัสดิ ผู้กำกับหญิงชาวไทยที่เคยฝากฝีมือไว้กับ MV เพลงเผด็จเกิร์ล ของ Tattoo Colour และครั้งนี้เธอมากำกับ MV ใหม่ให้กับศิลปินหนุ่มจากสิงคโปร์

หลังจากทักทายอย่างเป็นกันเอง เราไม่ลืมแสดงความยินดีกับเพลง Shortcut To Heaven เพลงที่แล้วที่เพิ่งปล่อยมาไม่นาน 

“คุณได้คาดหวังไว้ไหมว่าเพลงนี้จะมาไกลขนาดนี้” เราเริ่มต้นบทสนทนา

“ไม่เลย ผมมีความหวังนะ แต่ไม่รู้จะคาดหวังอะไร” เขาเอ่ยอย่างถ่อมตัว “งานของเราที่เป็นศิลปินคือการซื่อสัตย์และใส่อะไรบางอย่างที่มาจากใจเข้าไป อาจจะมีไอเดียบ้างว่าแฟนๆ ชอบแบบไหน แต่ผมไม่เคยแน่ใจ แบบแน่ใจจริงๆ เลยสักครั้ง ก็เลยดีใจมากๆ ที่เพลง Shortcut To Heaven ได้เป็นเพลงที่แฟนๆ เลือกให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต”

ย้อนกลับไปจุดเริ่มต้น เขาเล่าว่าตอนที่ยังเป็นเด็กชายเบอร์นาร์ด เขาเป็นอีกคนที่ไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์ของตัวเองเท่าไหร่ และการเล่นดนตรีก็เป็นวิธีที่ทำให้เขาได้ปลดปล่อยอารมณ์ของตัวเอง หลังจากนั้นก็ได้เล่นในที่สาธารณะ การได้เห็นรอยยิ้มของทุกคน เลยเป็นจุดที่ทำให้เขาตัดสินใจเป็นนักร้อง 

“ตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ผมจำได้ว่าพ่อของผมเล่นกีตาร์และร้องเพลงอยู่บนเตียง ในขณะที่ผมกำลังจะหลับ” เขาเล่าย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเริ่มเล่นดนตรี สิ่งที่น่าสนใจก็คือ บางทีชื่อ lullaboy อาจเกิดขึ้นมาช่วงนี้ คือการผสมระหว่าง Lullaby เพลงกล่อมและ Boy ในเด็กผู้ชาย “ผมว่าผมน่าจะได้อิทธิพลมาจากเขา” เขาอธิบายต่อ

“งั้นพ่อเป็นคนสอนคุณเล่นดนตรีด้วยหรือเปล่า” เราถาม

“ผมเริ่มมากจากเรียนร้องเพลงตอนอายุ 5 ขวบ หลังจากนั้น 10 ขวบ ผมก็มักจะไปโบถส์ ได้พัฒนาตัวเองเพื่อจะได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มและคอยช่วยเหลืองานที่นั่นหลายครั้ง ดังนั้นก็เลยได้เรียนดนตรีจากนักดนตรีและเล่นอะไรก็ตามที่เขาอยากให้ผมเล่น 

“จากนั้นตอนอายุ 13 ผมก็อกหัก แล้วก็เขียนและอัดเพลง ผมจำความรู้สึกได้เลยว่ามันสงบและเป็นอิสระมาก ขอบคุณเด็กผู้หญิงคนนั้นนะ ที่หักอกผมเพราะเธอทำให้ผมรู้ว่าพลังของดนตรีเป็นยังไง”

ผมไม่รู้ว่าบ้านของผมอยู่ที่ไหน

lullaboy เป็นทั้งลูกครึ่ง เกิดที่อเมริกาและเติบโตในสิงคโปร์ เขาได้เดินทางไปที่ต่างๆ ตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยความหลากหลายของวัฒนธรรมที่เขาต้องเจอทำให้เขาเจอวัตถุดิบในการแต่งเพลงชั้นดี แต่ขณะเดียวกันมันก็ทำให้เขารู้สึกหลงทางด้วยเช่นกัน

“มันมีส่วนที่ทำให้ผมกลายเป็นผมวันนี้อย่างมาก ผมรู้สึกโชคดีที่ได้โตท่ามกลางวัฒนธรรมที่หลากหลาย เพราะมันทำให้ผมพยายามหาด้านดีในทุกที่ที่ไป ทุกๆ ประเทศมีวัฒนธรรมและคุณค่าเป็นของตัวเอง แม้แต่รสนิยมการฟังดนตรีด้วย 

“ผมเคยรู้สึกเศร้านะ เพราะผมไม่เคยรู้เลยว่าที่บ้านของตัวเองอยู่ที่ไหน แต่ตอนนี้ผมเรียนรู้แล้วว่าโลกนี้กลายเป็นบ้านที่มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผม ผมได้รับสิ่งที่ผมชื่นชอบมาจากหลายๆ ประเทศที่ไป และมันก็ทำให้ผมเข้าใจว่าความรักเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ ผมนำสิ่งนี้มาเป็นส่วนหนึ่งของตัวเอง และคิดว่ามันช่วยให้ผมทำดนตรีของตัวเองได้ดีขึ้น”

แม้เพลงก่อนหน้านี้ Shortcut To Heaven จะพูดถึงความรักที่สมหวังหลังจากได้เจอใครสักคนในชีวิต แต่ในขณะที่เพลงใหม่อย่าง van gogh เขากลับมาพูดถึงความรักที่ให้ไปแต่ไม่ได้กลับคืนมา เหมือนแวนโก๊ะ ศิลปินที่ทุ่มเทให้กับผลงานของเขาทั้งชีวิตแต่ไม่ได้รับการชื่นชมเลยสักครั้งเมื่อมีชีวิตอยู่

“เพลงนี้พูดถึงการไล่ตามคนที่ทำให้ชีวิตเรามีสีสันขึ้น แต่ไม่ได้รักเขากลับ เรื่องราวของแวนโก๊ะก็เป็นเรื่องราวแบบนี้เหมือนกัน มันค่อนข้างเศร้านะ อุทิศชีวิตของตัวเองให้กับศิลปะ รักแท้ แต่ไม่เคยได้รับการชื่นชมหรือได้รับความรักจากใคร แล้วหลังจากเพียงแค่เขาปลิดชีวิตของตัวเอง เขาก็กลายเป็นจิตรกรที่ได้รับความรักมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ผมถ่ายทอดความเป็นแวนโก๊ะในตัวเอง เพราะเขารู้ว่าผมรู้สึกยังไง”

นอกจากเรื่องราวของแว๊นโก๊ะแล้ว ใน MV ยังหยิบผลงานของศิลปินชื่อดังนี้เข้ามาตีความใหม่ด้วย หากใครได้ชมก็คงจะได้เห็นฉากหนึ่งในตอนท้ายที่ดวงดาวและท้องฟ้าค่อยๆ บิดเบี้ยวคล้ายภาพวาด The Starry Night ของแว๊นโก๊ะที่โด่งดังมาก ภาพนี้ถูกวาดขึ้นในช่วงที่แวนโก๊ะรักษาตัวในโรงพยาบาลจิตเวช โดยเป็นภาพวาดที่มองออกมาจากหน้าต่างห้องพักฟื้นนั่นเอง 

“เพลงส่วนใหญ่ของคุณมักพูดถึงผู้ชายที่รักคนรักมาก และสามารถทำให้ทุกอย่างด้วยความเต็มใจ จริงๆ คุณเป็นคนแบบนั้นไหม”

เขาหยุดยิ้มไปเล็กน้อย ก่อนตอบ “ผมจะทำให้ดีที่สุดเสมอ แต่ก็ยังหาทางอยู่แหละ และอาจจะไม่ได้ตัดสินใจถูกต้องทุกครั้ง แต่ผมคิดว่าถ้าเราพยายามจะรักใครสักคนด้วยความบริสุทธิ์ โดยไม่มีเงื่อนไข เราก็น่าจะมาถูกทางแล้ว”

“แล้วนอกจากที่คุณร้องเพลงเพื่อระบายอารมณ์แล้ว คุณวาดรูปด้วยหรือเปล่า”
“ผมไม่เก่งเรื่องวาดรูปเลย” เขาหัวเราะ “อยากทำนะ แต่ไม่เลย ผมชอบดูหนัง เพราะทำให้ได้เห็นสถานการณ์หรือปัญหา บางครั้งก็อาจจะตรงกับสิ่งที่เราเจอพอดี มันช่วยให้ผมสบายใจขึ้นได้ ถ้าผมได้ดูหนังเศร้าจะรู้สึกสบายใจขึ้น เรื่องที่ผมอยากแนะนำคือ about time”

การเริ่มต้นเดินทางภายใต้บ้านหลังใหม่

ในวันที่เพลง van gogh ปล่อยออกมาแล้ว ภายใต้บ้านหลังใหม่ในบ้าน RedRecords ที่เพิ่งเซ็นสัญญาเมื่อปี 2022 หลังจากที่เขาเริ่มต้นเส้นทางนี้จากการเป็นศิลปินอิสระมาก่อน ซึ่งทำให้เส้นทางของเขาต่อจากนี้เป็นเหมือนการเริ่มต้นใหม่และเต็มไปด้วยความท้าทายมากขึ้น

“การเป็นศิลปินอิสระมันรู้สึกโดดเดี่ยวมากๆ แต่พอมีค่ายเพลงเหมือนเราทำงานกันเป็นทีมมากขึ้น คอยช่วยเหลือเราเหมือนเป็นครอบครัว มีเพลงที่ดีและโปรดักชันที่ดีขึ้น”

“ย้อนกลับไปอยากบอกอะไรกับตัวเองในตอนนั้น” เราถาม

เขาหยุดคิดเล็กน้อย ก่อนตอบ “เป็นคำถามที่ดีมาก ผมอยากจะบอกกับตัวเองตอนนั้นว่า อย่าท้อ ทำสิ่งที่ตัวเองทำต่อไปอย่าหยุด อย่าเปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร แล้ววันนึงทุกอย่างมันจะ click ขึ้นเอง”

“สำหรับผลงานต่อไป ผมอยากลอง duet กับศิลปินผู้หญิง ผมยังไม่เคย duet กับศิลปินหญิงหรือใครเลย เลยอยากลองทำ หรือลองดนตรีใหม่ๆ เช่น ใส่กีตาร์หรือกลองเข้าไป เพราะทุกครั้งที่ปล่อยเพลงใหม่ ผมก็อยากโชว์ด้านใหม่ๆ ด้วย”

เมื่อถามว่าศิลปินหญิงที่เขาอยากทำงานด้วยคือใคร เขาหยุดคิดไม่นานก่อนเอ่ยชื่อ “วิโอเลต วอเทียร์” นักร้องสาวจากไทยจากค่ายเดียวกัน (Universal Music) และกลายเป็นเพื่อนสนิทกับเขาไปแล้วในตอนนี้

จากจุดเริ่มต้นจนถึงตอนนี้ แม้แนวดนตรีจะพัฒนาไป แต่สิ่งหนึ่งที่เขายังคงตั้งใจถ่ายทอดออกมาอยู่เสมอ คือมุมมองความรักที่บางครั้งก็สวยงามเหมือนเป็นทางลัดไปสู่สวรรค์ (Shortcut To Heaven) บางครั้งก็เจ็บปวดเหมือนเรื่องราวของแวนโก๊ะ (van gogh) แต่ทั้งหมดมักเป็นความรักที่งดงามเสมอ

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

พิชญุตม์ คชารักษ์

ชีวิตหลักๆ นอกจากถ่ายภาพ ชอบชกมวยเป็นชีวิตจิตใจ ฟังเพลงที่ดนตรีฉูดฉาดกับเบียร์เย็นๆ