เมื่อสวีเดนไม่ได้มีแค่ Lagom สัมผัสชีวิตและวิธีคิดสไตล์สวีดิชผ่าน ‘XC40’ รถรุ่นล่าสุดจากวอลโว่

เมื่อพูดถึงสวีเดนขึ้นมาตอนนี้ หลายคนคงคิดถึงคำฮอตอย่าง LAGOM แนวคิดจากสุภาษิตเก่าแก่ของสวีเดนซึ่งหมายถึงความพอดีคือสิ่งดีที่สุด แต่ที่จริงแล้วสวีเดนยังมีอีกสิ่งที่น่ารู้จักไม่แพ้กัน

ย้อนกลับไปเมื่อ ค.ศ. 1927 บริษัทผลิตรถยนต์รายหนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้นที่เมืองกูเตนเบิร์กของสวีเดน

ชื่อของบริษัทนี้คือ ‘วอลโว่’

วอลโว่ผ่านการสร้างรถในหลากหลายรูปแบบตั้งแต่รถยนต์ รถบรรทุก รถบัส จนถึงรถสำหรับกองทัพสวีเดน เกือบ 100 ปีผ่านไป วอลโว่ยืนหยัดและเติบโตกลายเป็นผู้ส่งออกรถยนต์ไปทั่วโลกรวมถึงเมืองไทย และเมื่อได้คุยกับคุณฌอง–ดาวิด อาเรล หรือคุณเจดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดบริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ในวาระเปิดตัว XC40 รถรุ่นล่าสุดซึ่งเป็น Compact SUV รุ่นแรกของวอลโว่ภายใต้คอนเซปต์ ‘Designed to Break the Norms’ เราก็พบว่าวิธีคิดเบื้องหลังการสร้างรถของวอลโว่นั้นน่าสนใจ อีกทั้งสะท้อนความเป็นสวีเดนอย่างเต็มเปี่ยม

สิ่งที่ควรพูดถึงก่อนเพื่อนคือมิติการออกแบบ การออกแบบรถของวอลโว่อย่าง XC40 นั้นเชื่อมโยงกับรากฐานความคิดแบบสวีดิชที่เรียกว่า ‘OMTANKE’

“โอมทังเกะคือกระบวนการคิดของสวีเดน” คุณเจดีอธิบาย “มันคือการคิดทบทวนอีกครั้งก่อนลงมือทำ แล้วเมื่อคิดว่านี่คือสิ่งที่ควรทำ คุณจึงเริ่มต้น กระบวนการคิดนี้ถูกใช้ในการออกแบบด้วย นักออกแบบจะพยายามมองหาว่าดีไซน์นี้สวยหรือยัง แต่ขณะเดียวกันก็ตั้งคำถามว่าแน่ใจมั้ยว่าไม่มีสิ่งไม่จำเป็นอยู่ มันจึงเป็นการออกแบบที่ทำให้เกิดความสวยงามและความบริสุทธิ์ไม่มีส่วนเกิน บางทีการออกแบบอย่างนี้อาจถูกมองว่าเป็นความเรียบง่าย แต่บางครั้งความเรียบง่ายก็คือความงามเช่นกัน”

ไม่เพียงกระบวนการคิดที่แสนจะสวีดิช รถของวอลโว่ยังมีกลิ่นอายจากบ้านเกิดติดตัวมาอย่างที่ชาววอลโว่ใช้คำว่า Swedish Heritage อาทิ XC40 เองที่มีไฟหน้ารถซึ่งจำลองรูปแบบมาจากค้อนของธอร์ เทพเจ้าแห่งแถบสแกนดิเนเวียน หรือแม้กระทั่งหน้าปัดรถที่ออกแบบสื่อถึงประเทศสวีเดนที่เต็มไปด้วยเกาะเล็กใหญ่

ทั้งนี้ XC40 อยู่ภายใต้คอนเซปต์ Designed to Break The Norms อันเป็นแนวคิดของวอลโว่ในปัจจุบันที่อยากให้ผู้คนเปลี่ยนภาพจำวอลโว่จากแบรนด์ที่ค่อนข้างอยู่ในกรอบมาเป็นแบรนด์ที่กล้าท้าทายขนบนอกจากความง่ายงามแบบสวีดิชในภาพรวม เราจึงเห็นความสร้างสรรค์สอดแทรกอยู่ในดีไซน์ของรถรุ่นนี้ คุณเจดีเล่าว่า XC40 เป็นรถคอมแพกต์เอสยูวีรุ่นแรก เหล่านักออกแบบเลยเริ่มต้นจากศูนย์แบบไม่ต้องย้อนดูอดีต ผลคือรถคันนี้ได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ไซไฟโดยนักออกแบบตั้งใจให้มันเป็นหุ่นยนต์ตัวเล็กที่แข็งแกร่ง มีล้อขนาดใหญ่ มีฝากระโปรงทรงเปลือกหอยพร้อมเคลือบพื้นผิวสวยงามที่สอดรับกับกรอบตะแกรงทรงโค้ง รูปแบบการดีไซน์ที่มีความโค้งเว้านี้ยังถูกนำไปใช้กับส่วนล่างของประตูหลังช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้แก่ตัวรถด้านข้างได้อย่างดี ท้ายที่สุด XC40 จึงกลายเป็นรถที่คุณเจดีใช้คำว่ามี Charismatic Design ชวนหลงรักได้ไม่ยาก

นอกจากเรื่องการออกแบบ อีกอย่างที่เรามองว่าน่าสนใจมากคือ การที่ XC40 ผลิตภายใต้ความเชื่อสำคัญของวอลโว่ นั่นคือ ‘Caring for People’ หรือการดูแลมนุษย์ซึ่งความหมายหลักคือ ‘ความปลอดภัย’

ทำไมการออกแบบรถต้องยึดสิ่งนี้เป็นอย่างแรก เราสงสัย คุณเจดียิ้มแล้วพาเราย้อนสู่สวีเดนในอดีต

“ลองจินตนาการว่าคุณอาศัยอยู่ในสวีเดน มันหนาวเย็น มีหิมะ ทัศนวิสัยแย่ ในยุคที่วอลโว่เริ่มสร้างรถยนต์ มันจึงเป็นเรื่องของการเคลื่อนที่จากจุด A ไปจุด B โดยมั่นใจว่าคุณจะปลอดภัย แล้วถนนเมื่อ 90 ปีก่อนก็ค่อนข้างแตกต่างกับตอนนี้ ตั้งแต่มีน้ำแข็งเกาะจนถึงมีสัตว์ใหญ่บางชนิดเดินข้ามถนน เพราะอย่างนี้ กฎข้อแรกของวอลโว่จึงมีอยู่ว่า ทำอย่างไรเราถึงจะมั่นใจได้ว่าคนที่ซื้อรถเราและอยู่ในรถคันนั้นจะปลอดภัย”

จากเงื่อนไขที่ทำให้การสัญจรยากลำบาก นำมาสู่รถยนต์ที่แข็งแรงและระบบความปลอดภัยที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องมายาวนาน ที่สำคัญ วอลโว่มองว่าความปลอดภัยเป็นสิทธิ์ที่ผู้ใช้รถทุกคนสมควรได้รับ เมื่อคิดค้น 3-Point Seat Belt หรือเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดซึ่งคาดจากเอวซ้ายขวาและจากไหล่ลงมาเพื่อยึดไม่ให้คนพุ่งไปตามแรงที่เกิดระหว่างการชน รวมถึงป้องกันไม่ให้เกิดสภาพแรงกระแทกตามมาหรือ Second Impact แก่คนข้างหน้าซึ่งเกิดจากคนด้านหลังที่ไม่ได้คาดเข็มขัดพุ่งมากระแทกเบาะ และเริ่มนำนวัตกรรมนี้มาใช้กับรถยนต์ในสายการผลิตเป็นครั้งแรกของโลกในปี 1959 แทนที่จะสงวนลิขสิทธิ์ไว้เฉพาะกับบริษัท วอลโว่จึงเผยแพร่มันสู่สาธารณะ ผลคือมันได้ไปอยู่ในรถทุกคัน กลายเป็นหนึ่งในสิ่งสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้รถ ช่วยลดจำนวนตัวเลขของผู้เสียชีวิตและการบาดเจ็บที่ร้ายแรงจากอุบัติเหตุได้ปีละหลายหมื่นคน เข็มขัดนี้ยังได้รับการยอมรับว่าเป็น 1 ใน 8 สิ่งประดิษฐ์สำหรับชีวิตมนุษย์ในตลอดช่วง 100 ปีที่ผ่านมา (1885-1985) ด้วย

แล้วเมื่อหันมองที่รถของวอลโว่เอง ในรถรุ่น XC40 ซึ่งถือเป็นรถรุ่นเล็กสุดในไลน์เดียวกัน โดยราคาเริ่มต้นเพียง 2.09 ล้านบาท ก็มีระบบความปลอดภัยดีเยี่ยมไม่ต่างจากรถรุ่นพี่อย่าง XC90 และ XC60 ซึ่งมีราคาสูงกว่า ตัวอย่างเช่น ระบบป้องกันการชนขณะขับขี่หรือ City Safety ซึ่งช่วยระบุพิกัดสิ่งที่อยู่รอบรถตั้งแต่รถคันอื่น มอเตอร์ไซค์ จนถึงนักปั่นจักรยาน ประเมินความเสี่ยง แล้วแจ้งคนขับ รวมถึงเบรกอัตโนมัติล่วงหน้าเพื่อป้องกันอุบัติเหตุได้ รถรุ่นนี้ยังมีระบบช่วยขับขี่กึ่งอัตโนมัติหรือ Pilot Assist ซึ่งช่วยให้ขับรถปลอดภัยยิ่งขึ้น

มากกว่าความปลอดภัย คุณเจดีขยายความต่อว่า ความเชื่อ Caring for People นี้ยังหมายถึงการทำให้ชีวิตคนในรถสะดวกสบายกว่าเดิม ฟังก์ชั่นโดดเด่นของรถรุ่นนี้จึงเป็นการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยและส่วนเก็บสัมภาระอย่างชาญฉลาดเพื่อตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองอายุราว 28-45 ปีผู้มีไลฟ์สไตล์หลากหลายซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายอย่างถึงแก่น

“วิศวกรและนักออกแบบของวอลโว่ได้ทำการสำรวจข้อมูลจากทั่วโลก แล้วพบว่าปัญหาที่ผู้ขับขี่พบเจอคือการขาดแคลนพื้นที่เก็บสัมภาระที่เหมาะสมภายในรถ รวมถึงพบว่าสมาร์ตโฟนขยับเลื่อนไปทั่วคอนโซลกลาง ถุงใส่ของยังตกลงมาได้ หรือบางครั้งคนขับก็ต้องค้นหาบัตรจากกระเป๋าสตางค์ วอลโว่จึงพยายามแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างดีที่สุด เพราะเราสร้างรถมาเพื่อตอบโจทย์ชีวิตคุณ โดยเราให้ความสำคัญอย่างมากกับการผลิตรถที่มีช่องเก็บสัมภาระเพื่อรองรับสิ่งของ ด้านล่างที่พักแขนมีช่องเก็บของขนาดใหญ่ซึ่งมีถังขยะถอดได้เพื่อช่วยให้รถสะอาดและเป็นระเบียบ ใต้เบาะนั่งยังมีช่องสำหรับเก็บของชิ้นเล็ก  อีกทั้งมีพื้นที่วางสมาร์ตโฟนในขณะที่คุณกำลังชาร์จแบตเตอรี่ มีตะขอแขวนถุงอาหารที่ซื้อกลับบ้านหรือถุงช้อปปิ้งใบเล็กๆ และยังมีที่วางแก้วและที่ชาร์จไฟแบบ USB อีกหลายจุด ขณะที่ส่วนล่างของห้องโดยสารถูกออกแบบให้เป็นช่องเก็บของทั้งหมด และมีการออกแบบช่องเก็บของที่ประตูโดยย้ายลำโพงออกไปและพัฒนาซับ-วูเฟอร์แบบติดแผงหน้าปัดครั้งแรกของโลกเพื่อให้มีช่องเก็บของเพิ่มสำหรับแล็ปท็อป แท็บเล็ต หรือขวดน้ำที่เก็บได้ถึง 2 ขวด นอกจากนี้ยังมีช่องใส่เหรียญ บัตรต่างๆ หรือสายชาร์จสมาร์ตโฟนด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้ XC40 ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองได้ดีที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน เรียกได้ว่าถ้ารถยังรกอีก เราคงต้องมาทบทวนตัวเองกันหน่อย”

ด้วยความโดดเด่นทั้งการดีไซน์ การจัดสรรพื้นที่ใช้สอย และเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อการขับขี่ที่ครบครันทั้งหมดนี้ ไม่น่าแปลกใจที่ XC40 จะคว้ารางวัล Car of The Year ประจำปี 2018 จากเว็บไซต์ What Car? มาครอง

“ผมคิดว่าเราได้รางวัลนี้ไม่ใช่แค่เพราะ XC40 เป็นรถที่สวยหรือมีนวัตกรรมทางเทคโนโลยีรุ่นใหม่ แต่คณะกรรมการในยุโรปน่าจะพิจารณาจากความจริงที่ว่า นี่เป็นครั้งแรกที่มีการสร้างคอมแพกต์เอสยูวีซึ่งตอบโจทย์ครบทุกข้อ” คุณเจดีบอกเรา

และนี่คือเรื่องราวของรถรุ่นล่าสุดของวอลโว่ที่สะท้อนความคิดความเชื่อน่าสนใจในแบบฉบับแบรนด์เก่าแก่สัญชาติสวีเดนซึ่งไม่เคยหยุดนิ่ง สำหรับใครที่อยากยลโฉม XC40 ของจริง อยากรู้ว่าแบรนด์เก่าแก่นี้พัฒนาไปไกลจากภาพจำแรกของผู้คนแค่ไหน พบรถรุ่นนี้ได้ที่งาน Motor Expo 2018 ช่วงวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคมนี้ โดยในงานนี้จะเป็นครั้งแรกที่วอลโว่จัดแสดงรถ Crossover รุ่นใหม่ทั้งหมด รวมถึงมีการจัดบูทแบบใหม่ที่แสดง R-Design ของรถฉบับครบถ้วน มีการโชว์ Inscription ของรถ XC90 และมีกิจกรรมสนุกที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมทุกเพศทุกวัยมีส่วนร่วม เช่น มีมุมวาดภาพแบบ interactive สำหรับเด็กอีกด้วย

ร่วมอัพเดตติดตามข้อมูลข่าวสารของวอลโว่ได้ที่

https://www.volvocars.com/th-th

https://www.facebook.com/volvoTH/

https://www.instagram.com/volvocarth/?hl=en

 

 

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ณัฐปคัลภ์ ทัศนวิริยกุล

นักเรียนฟิล์มที่มาฝึกงานช่างภาพ รักการถ่ายรูป ชอบกินของอร่อย และชอบใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนสนิท คนรัก