‘จงกล้าฝันและทำตามความฝัน’ เป็นเมสเซจที่เราได้ยินกันอยู่บ่อยๆ ผ่านสื่อประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ หนังสือ บทเพลง โฆษณา และอื่นๆ อีกมากมาย
และอันที่จริงเมสเซจนี้ก็ออกจะเป็นสากลในหมู่คนรุ่นใหม่ไม่ว่าในยุคสมัยไหน ในช่วงวัยที่มีเรี่ยวแรงล้นเหลือ ทั้งพลังกายและพลังใจ ใครๆ ก็อยากฝันและทำตามความฝันกันทั้งนั้น
แต่อีกหนึ่งเมสเซจที่สื่อต่างๆ อาจจะยังบอกไม่บ่อยนักคือ ‘อย่ากลัวที่จะเจอกับอุปสรรค’ ทุกครั้งที่เราเจอเรื่องยากขอให้อดทนไม่ย่อท้อ เราจะแข็งแกร่งขึ้น จนสามารถพาตัวเองไปจนถึงจุดหมายที่ฝันไว้ได้ และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ ‘คิง เพาเวอร์…เราเชื่อ’ โดดเด่นออกมา ด้วยเนื้อหาที่พูดถึงการพัฒนาตัวเอง การไม่ยอมแพ้ และการมุ่งมั่นทำตามฝัน โดยเล่าผ่านเรื่องราวของหลากหลายผู้คน เช่น เด็กๆ นักดนตรีที่ใฝ่ฝันจะไปไกลระดับโลก หรือการนำภูมิปัญญาชุมชนของไทยไปวางขายในตลาดโลก
อีกทั้งเป็นโฆษณาที่สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของคิง เพาเวอร์ เพื่อสะท้อนความเชื่อของแบรนด์ที่ว่า ‘ทุกการเดินทางจะทำให้เราไม่อยู่ที่เดิม’ โดยการเดินทางในที่นี้ไม่จำกัดเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการเดินทางของชีวิตอีกด้วย
ที่ผ่านมา คิง เพาเวอร์ทำธุรกิจดิวตี้ฟรี จึงมักพูดคุยสื่อสารกับนักเดินทางเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันแบรนด์ได้ขยับขยายไปทำสิ่งอื่นๆ เพิ่มขึ้น จึงอยากพูดคุยสื่อสารกับผู้คนในวงกว้างขึ้น คิง เพาเวอร์จึงตีความการเดินทางเป็นการใช้ชีวิต ตามคำกล่าวที่ว่า Life always travels. หรือ Life is a journey. แปลว่าการใช้ชีวิตก็คือการเดินทางอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นความหมายที่ลึกซึ้งขึ้นอีกระดับ และสามารถเชื่อมโยงกับผู้คนได้หลากหลาย ไม่จำกัดเฉพาะคนที่เดินทางท่องเที่ยวเป็นประจำ แปลว่าต่อให้คุณไม่เคยใช้บริการของคิง เพาเวอร์มาก่อนก็ไม่เป็นไร ยังสามารถดูและอินไปกับเนื้อเรื่องในโฆษณาได้เช่นกัน
เพราะอย่างนี้คิง เพาเวอร์จึงทำโฆษณาชิ้นนี้จากโจทย์ 2 ข้อ หนึ่งคือต้องสื่อสารเมสเซจที่ว่า ‘ทุกการเดินทางจะทำให้เราไม่อยู่ที่เดิม’ และสองคือโฆษณานี้จะไม่ขายของแม้แต่วินาทีเดียว แต่ให้ทุกนาทีเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและกำลังใจที่คิง เพาเวอร์อยากส่งต่อให้ทุกคนที่กำลังออกเดินทางตามความฝัน ไม่เฉพาะลูกค้าคิง เพาเวอร์เท่านั้น แต่หมายรวมถึงคนไทยทุกคน
เหตุผลที่คิง เพาเวอร์ตัดสินใจไม่ขายอะไรในโฆษณาเพราะอยากเป็นกำลังใจให้คนไทยมีความเชื่อและออกเดินทาง ซึ่งเมื่อเรามองย้อนกลับไป ทางคิง เพาเวอร์ก็ได้สนับสนุนคนไทยจริงๆ ผ่านกิจกรรมเพื่อสังคมทั้ง 3 ด้าน ด้านกีฬา (Sport Power) ด้านดนตรี (Music Power) และด้านชุมชน (Community Power) เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงตามที่ปรากฏในโฆษณาชิ้นนี้
เมื่อมีวัตถุดิบตั้งต้นที่ตอบโจทย์ทั้งสองแล้วก็เหลือเพียงจะเล่ามันยังไงให้อิมแพกต์ งานนี้คิง เพาเวอร์ไปชวนผู้กำกับเจ้าของหลายรางวัล Cannes Lions อย่าง ‘ต่อ–ธนญชัย ศรศรีวิชัย’ มาเป็นผู้แปลสารออกมาเป็นภาพเคลื่อนไหวที่กระทบใจผู้คน ซึ่งธนญชัยเป็นผู้แนะนำเทคนิคการเล่าให้กลมกล่อมและเข้าใจง่าย โดยใช้ตัวละครเด็กผู้ชายนักฟุตบอลเป็นผู้ร้อยเรียงเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกัน ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้นเพราะเด็กชายนักฟุตบอลทำหน้าที่เหมือนคนสรุปใจความให้เราเห็นชัดๆ แม้ว่าเขาจะล้มลงสักกี่ครั้ง แต่เขาก็จะพยายามลุกขึ้น แล้วออกวิ่งตามลูกบอล เพื่อไปให้ถึงความฝัน ตัวโฆษณาเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ที่ส่งต่อความรู้สึกเข้าไปถึงใจของผู้ชม
และทั้งหมดนี้คือที่มาของ ‘คิง เพาเวอร์…เราเชื่อ’ ซึ่งส่งพลังให้พวกเราทุกคนกล้าฝัน ทำตามความฝัน และที่สำคัญคือหากมีอุปสรรคเข้ามาก็จงอดทน ทำต่อ ลุยต่อ อย่ายอมให้อุปสรรคขวากหนามมาเป็นกรอบจำกัดชีวิตเรา สมตามแท็กไลน์ของคิง เพาเวอร์ที่บอกว่า Life Beyond Boundaries ถ้าเรามุ่งมั่น ตั้งใจ ก็จะไม่มีอะไรขวางกั้นเราจากความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
เกริ่นที่มาขนาดนี้แล้ว ลองไปชมโฆษณาไม่ขายของจากคิง เพาเวอร์กันเลย
