‘กะเทย NEWS’ เพจสรุปข่าวที่ เอ้อ ทำให้การอ่านข่าวการเมืองเป็นเรื่องสนุกค่ะคุณกิตติคะ

Highlights

  • 'กะเทย NEWS' คือเพจสรุปข่าวการเมืองสายบันเทิง ที่เกิดขึ้นมาเพื่อรวบรวมข่าวความชุลมุนวุ่นวายหลังเลือกตั้งให้อยู่ในโพสต์เดียว โดยรายงานรอบเช้า กลางวัน เย็น และรายสะดวก
  • เพราะเชื่อว่ากะเทยไม่ใช่เพศ แต่เป็นไลฟ์สไตล์ ดังนั้นใครๆ ก็เป็นกะเทยได้ นี่จึงไม่ใช่เพจที่ทำขึ้นมาเพื่อบอกว่ากะเทยต้องตลก แต่เพราะจิลเชื่อว่าการสื่อสารด้วยความสนุกก็มีข้อดีของมัน

(อ่านด้วยเสียง คุณฐปณีย์)

ค่ะคุณกิตติคะ หลังการเลือกตั้ง เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย ข่าวจากหลากหลายพรรคออกมาไม่ได้หยุดไม่ได้หย่อน หัวหน้าพรรคนั้นลาออก พรรคนั้นฟาดพรรคนี้ หลายพรรคผนึกกำลังกัน แต่ที่ชาวเน็ตแซ่สร้องสรรเสริญนั้นยกให้ กกต. ทั้งคนตายฟื้นมาลงคะแนนเสียง บัตรเกิดใหม่ในหีบ ไหนจะล่าสุดเมื่อวานนี้มีบัตรเขย่งอีก โลกหลังเลือกตั้งหมุนเร็วขึ้นทุกวัน ดิฉันตามไม่ทันแล้วค่ะคุณกิตติคะ

ณ ชั่วโมงนี้ นอกจากการเมืองและอากาศที่ร้อนระอุจนลงไปขี่อูฐเล่นฟ้าจรดทรายกลางถนนได้แล้ว ดิฉันเห็นว่าสิ่งที่ฮอตไม่แพ้อากาศนั้นก็คือเพจ ‘กะเทย NEWS’ ที่ปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อทำให้ปัญหาในย่อหน้าข้างต้นนั้นหมดไป เพราะกะเทยนิวส์รวบตึงทุกข่าวมาให้คุณแบบครบ จบในโพสต์เดียว แถมยังทำให้ข่าวการเมืองที่น่าปวดหัวไมเกรนแม้จะไม่ได้เป็นไมเกรนนั้นอ่านสนุกขึ้นไปอีก

เพจกะเทย NEWS ก่อตั้งเมื่อวันที่ 25 มีนาคม โดย จิล–พิพัฒน์ วัฒนพานิช เพียงไม่กี่วันยอดเพจก็พุ่งทะยานไปถึง 34,000 กว่าไลก์ ก่อนหน้านี้จิลกับเพื่อนร่วมกันเปิดเพจ ‘ดูออกเลยเหรอคะ’ แต่เมื่อเห็นว่าเพจนี้น่าจะไปต่อได้ จิลจึงบอกกับดิฉันว่า ถ้างั้นดังแล้วก็แยกวงเลยดีกว่า 

แต่เพื่อนไม่เคย ไม่เคยทิ้งกัน ไม่ว่าความฝันนั้นจะไกลสักเท่าไหร่ จะหกล้มซมซานเมื่อใดเพื่อนจะปลอบใจ จิลจึงทำเพจเดิมควบไปด้วย ค่ะคุณกิตติคะ

เปิดเพจ ‘กะเทย NEWS’ มาไม่กี่วัน คิดว่าทำไมถึงได้ยอดเพจหลักหมื่นไลก์ไวขนาดนี้

เราว่าน่าจะ 3 ประเด็นประกอบกัน ประเด็นแรกคือ สถานการณ์การเมืองตอนนี้มันก็ลุ่มๆ ดอนๆ อาจจะไม่ร้อนแรงเท่าตอนยุคเผด็จการแล้ว แต่พอเข้าสู่การเลือกตั้ง ทุกคนก็คงอยากจะติดตามว่า สรุปอะไรมันเป็นยังไง ส่วนข้อที่สองเราคิดว่า คนไม่รู้จะอ่านอะไรดี จะกดเข้าไปในลิงก์ข่าวแต่ละสำนักก็ไม่มีเวลา ส่วนสาเหตุที่สามก็อาจจะเป็นเพราะสำนวนที่เราใช้ ความตลก ความกะเทย เลยยิ่งทำให้อ่านง่ายขึ้น น่าจะเป็นสามสาเหตุนี้ ที่ทำให้ยอดไลก์ขึ้นมาไว ซึ่งเราไม่ได้คิดมาก่อนเลยว่ายอดจะพุ่งไวขนาดนี้

สรุปข่าวทีนึงได้ถึงโพสต์ละพันแชร์เลย

เอาจริงๆ ตกใจมาก เราเองเคยทำเพจอื่นมาก่อนแล้ว คือเพจ ‘ดูออกเลยเหรอคะ’ ที่เป็น Mean Girls เพจนั้นทำกับเพื่อนหลายคน ทำมาประมาณ 2 ปี ปัจจุบันเพจนั้นก็อยู่ที่ประมาณ 42,000-44,000 ไลก์ แต่อันนี้คือไม่คิดเลยว่าจะพุ่งทะยานขนาดนี้ แค่คืนเดียวเราได้ 1 ส่วน 4 ของ 2 ปีที่ทำมา

อะไรดลใจให้เปิดเพจ

ในเฟซบุ๊กส่วนตัวเราตามข่าวสารการเมืองมาอยู่แล้ว สเตตัสเราเองเพื่อนฝูงก็แชร์กันเยอะ จนกระทั่งหลังวันเลือกตั้ง กระแสข่าวมันเยอะมาก ทุกคนน่าจะเห็น เราเองก็ตามมาตั้งแต่เช้า และรู้สึกเครียด ทำยังไงดี อะ เดี๋ยวกูสรุปเอง สเตตัสแรกโพสต์ในเฟซบุ๊กตัวเอง เนี่ยตั้งแต่เช้ามาฉันเห็นแค่นี้ พอแล้วไปทำงานแล้วนะ ปรากฏว่าพอกลับมาดูอีกทีคนกดไลก์เต็มเลย คนแชร์ก็เหยียบร้อยเลยนะ แล้วมีคอมเมนต์จากเพื่อนบอกว่า แกเปิดเพจสิ ฉันว่าปังแน่ๆ กะเทยก็เชียร์ เราก็เลยอะ เปิดขำๆ ก็แล้วกัน มันก็ไม่ได้เปิดเพจยากเนอะเดี๋ยวนี้ ก็เปิดคอมพ์ ปึ๊บๆ เสร็จ ปรากฏปัง

ทำไมถึงใช้ชื่อเพจว่า ‘กะเทย NEWS’

เราว่ากะเทยไม่ใช่เพศ แต่เป็นไลฟ์สไตล์ ใครๆ ก็เป็นกะเทยได้ เราไม่ได้บอกว่ากะเทยจะต้องตลกนะ แต่ชื่อนี้เป็นชื่อที่เชียร์ๆ กันมา เราก็คิดว่างั้นเอาอันนี้ไปก่อนแล้วกัน ไม่คิดว่ามันจะไปไวขนาดนี้ คิดแค่ว่าเดี๋ยวค่อยไปเปลี่ยนเอาทีหลังก็ได้ แต่ตอนนี้เปลี่ยนไม่ได้แล้ว ก็ไม่เป็นไร เราว่าคงคล้ายกรณี พี่ช่า บันทึกของตุ๊ด หรือยาย เทยเที่ยวไทย คือเราไม่ได้บอกว่ากะเทยจะต้องตลก แต่เราบอกว่าเวลาเราสื่อสารด้วยความสนุกมันก็มีส่วนดีของมันอยู่

สรุปข่าวแต่ละที เหมือนไปโกรธใครมา อะไรทำให้อัดอั้นตันใจขนาดนั้น

ถ้าอ่านดีๆ จะเห็นว่าเราไม่ได้ป้ายสีหรือเราไม่ได้ขึ้นไอ้ขึ้นอีกับบุคคลไหนที่กล่าวถึง แต่เราขึ้นไอ้อีกับอารมณ์ เหมือนเราใช้คำสร้อยต่างๆ สมมติเราบอกว่าอีดอก เราไม่ได้บอกว่าคนนี้ มึงอะ อีดอก! แต่เราแค่สบถมันออกมา ตอนที่เราเขียนตั้งใจอยู่แล้วว่าจะไม่โจมตีใครแม้แต่ประยุทธ์เองก็ตาม ตู่ก็ตู่ เราเรียกตามที่กระแสโซเชียลเขาเรียก

เราคิดว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะโกรธนะ ส่วนตัวเรารู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะไม่โกรธแม้แต่ในโลกที่เต็มไปด้วยเหตุผลก็ตาม อารมณ์มีส่วนอยู่แล้วในการทำเพจ ส่วนหนึ่งที่มันได้ขนาดนี้ ยอดไลก์ยอดแชร์ขนาดนี้ เราก็คิดว่าเพราะอารมณ์ส่วนหนึ่งเหมือนกัน

เหมือนเป็นความอึดอัดรวมหมู่ของสังคมหรือเปล่า

ใช่ แต่ว่าในฐานะของคนที่ทำงานครีเอทีฟอย่างเรา ต้องหันหัวเรือความโกรธไปลงให้ถูกที่ ตรงนี้สำคัญมาก

วันหนึ่งๆ อ่านข่าวเยอะแค่ไหน เพราะเห็นเหยี่ยวเทยอัพเดตข่าว เช้า กลางวัน เย็น แถมมีข่าวสั้นอีก

เราใช้ฟีดเราเป็นหลัก ไม่ได้ไปนั่งเปิดเว็บสำนักข่าวนั้นสำนักข่าวนี้ เอาง่ายๆ ว่าเราไถฟีดเราแล้วเจออะไรก็เอามาสรุป เป็นคนอ่านไว แหล่งข่าวก็มีทั้งสำนักข่าวไทย สำนักข่าวนอก แต่ตอนเขียนกับรีเช็กก็จะมีโยงไปอีกบ้าง อย่างกรณีที่พูดถึงรายการประยุทธ์ที่จะเป็นตอนอวสาน และไปค้นดูว่ามีสำนักข่าวไหนให้ข้อมูลเอาไว้ไหมว่ามีมาแล้วกี่ตอน ตอนละกี่บาท

ส่วนศัพท์แสงต่างๆ เอาจริงก็ไม่ได้มาจากเรานะ มาจากสื่อ จากคอมเมนต์ จากเพื่อน เราคิดว่าถ้าเราขำ คนอื่นก็ต้องขำ คนหนึ่งพูดถึงข่าวนี้แบบหนึ่ง อีกคนพูดถึงอีกแบบหนึ่ง พอเราเอามาเรียงกันมันก็ตลกดี 

ตอนนี้นิยามเพจตัวเองว่ายังไง

(หัวเราะ) ก็คงเป็นเพจสรุปข่าวการเมืองสายบันเทิง อันนี้ก็ไม่ได้พูดเอง ดูจากคอมเมนต์ที่คนมารีวิว เพราะหลายๆ คนเสพการเมืองแล้วมันเครียด เขาไม่รู้ว่าจะอ่านอะไรที่ทำให้ตามข่าวสารอยู่ แต่ก็ไม่เครียดตามไปด้วย

ปกติเสพอะไร ถึงเล่าเรื่องได้สนุก หลายเสียงบอกว่าทำให้การอ่านข่าวการเมืองสนุกไปเลย หรืออย่างคนที่มารีวิวในเพจก็บอกว่า “ไทยรัฐก็ทำไม่ได้ บีบีซีเหรอ อย่าหวังเลย”

มันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะสื่อเหล่านั้นเขาต้อง PC มีความสุภาพ เพราะเขาไม่ได้รายงานแต่ในโซเชียลมีเดียไงคะ เขารายงานต่อสาธารณะ อาจารย์ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ เคยพูดเอาไว้ว่า การเมืองมันเป็น political performance ทุกอย่างที่เราเห็นเป็นเพียงการแสดง พอพูดคำนี้เราไม่ได้บอกว่ามันเป็นความหมายทางลบนะ เวลาใครออกมาไฮด์ปาร์ก มันไม่ใช่ตัวเขาทั้งหมด มันเป็นเพียงการแสดง เป็นฉาก เป็นซีน แล้วเราทำภาพยนตร์ ดูหนัง ดูละคร และเสพการเมืองด้วย เลยมองการเมืองเป็นการละคร 

วิชารัฐศาสตร์มันก็วิ่งตามศาสตร์พวกนี้ในทางหนึ่ง แล้วพอเรามองเราก็จะสามารถดูบีบีซี อ่านข่าว พร้อมกับดู กรงกรรม เราสามารถเปิดสองจอได้ เราดู กรงกรรม แล้วก็สะใจเวลาพี่ใหม่ เจริญปุระ ด่าอร่อยๆ พอโฆษณา เราก็ไปไถฟีด อารมณ์จากละครมันก็ยังค้างอยู่ พอมาไถฟีดก็พบว่าการเมืองไทยแม่งละครเนอะ เต็มไปด้วยตัวตลกอะ ในละครพี่ใหม่เพิ่งด่าลูกว่า “ไอ้ลูกเนรคุณ” พอละครจบ มาดูประชาธิปัตย์ก็เจอเหมือนกันว่า “เนรคุณ ออกไปจากพรรคเลย” สิ่งนี้คืออะไร ฉันเพิ่งได้ยินเสียงพี่ใหม่ก้องอยู่ในหัวเมื่อตะกี้นี้ ทำให้เห็นว่าเรื่องการเมืองมันเป็นเรื่องของ performance จริงๆ 

เห็นในเพจบอกว่าเป็น Journalist คิดเห็นยังไงกับคำที่ว่า ‘สื่อต้องเป็นกลาง’

คำว่าสื่อต้องเป็นกลางมันมาพร้อมกับทุนนิยม สื่อบางเจ้ามันต้องเสิร์ฟทุน ไม่งั้นก็จะอยู่ไม่ได้ ด้วยความที่เสิร์ฟทุน เวลารายงานอะไรมันก็ต้องเกรงใจทุน เราว่าสื่อไม่ต้องเป็นกลางหรอก คุณน่ะเลือกข้างไปเลย สิ่งที่คุณต้องมีไม่ใช่ความเป็นกลาง สิ่งที่ต้องมีคือจรรยาบรรณ การมีจรรยาบรรณหมายความว่า เมื่อเขียนถึงอีกฝั่งก็ต้องไม่ปั่นข้อมูลเพื่อโจมตีอีกฝั่ง ถ้าจะโจมตีเขา ก็ต้องโจมตีด้วยข้อเท็จจริงที่คุณมี คุณมีแค่ไหนก็โจมตีแค่นั้น ไม่ต้องเค้น เรื่องบางเรื่องถ้ามันไม่ได้เป็นประเด็นขนาดนั้นก็ไม่ต้องหยิบยกมาปั่นให้เป็นประเด็นก็ได้ 

เรารู้สึกว่าสื่อทำงานด้วยความไม่ชอบอีกฝ่ายได้ แต่ไม่ต้องทำงานด้วยความเกลียดก็ได้มั้ง หรือถ้ามีความเกลียดจริงก็ทำให้มันสร้างสรรค์หน่อย

สมมติว่าได้เป็น ‘จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์’ ในเวทีดีเบต อยากจะถามใคร และถามว่าอะไร

ว้ายยยย คุณแม่ ถามคุณอนุทินก่อนเลยค่ะ ณ เวลานี้ตอนนี้นะคะ บ่ายสามโมงของวันที่ 27 มีนาคม คุณอนุทินคะ คุณพี่จะเอายังไง คือกะเทยรอไง เอายังไงก็ว่ามาจะได้รู้ มันอึดอัด ทุกคนรอ คุณจะทำแต่สยามเมืองยิ้มอย่างเดียวมันไม่ได้ ก่อนจะไปกัญชาช่วยมีกันและกันก่อน เพราะเก้าอี้ยูก็ใช่ว่าจะเยอะ หรือข่าวลือซุบซิบที่เขาว่าคุณน่ะดีลแล้วกับฝ่ายนู้นฝ่ายนี้ จริงหรือไม่จริง คุณกล้าพูดไหมคะ ยื่นไมค์ ขมวดคิ้วแบบคุณแม่จอมขวัญ งุนงงมาก

ส่วนมิ่งขวัญมิ่งหล้าก็เห็นว่ามีหลังไมค์กับ someone ที่แถลงวันนี้แล้วว่าร่วม ส่วนตัวประเมินด้วยตัวเองแล้วคิดว่า คุณมิ่งขวัญเขาทำเรื่องเศรษฐกิจ เขาจะไม่ค่อย take side เรื่องอุดมการณ์ทางการเมืองแบบเบอร์เข้ม คือรสกาแฟเขาต่างเลย คนอื่นเขาโอเลี้ยงยกล้อ คนนี้เขาชาเขียว เราว่าคุณมิ่งขวัญสไตล์นี้ สายเศรษฐกิจ อุดมการณ์ทางการเมืองมันมีผลต่อเศรษฐกิจแหละ แต่ว่าเขาอาจจะเพ่งไปที่เศรษฐกิจมาก ก็เลยขอไปเคลียร์ตรงนั้นก่อน ตรงนี้ฉันก็อยู่กับเธอแหละ แต่ว่าฉันมีงานที่ต้องทำ คงประมาณนี้

ถ้าให้ลองเปรียบเหยี่ยวเทยเป็นนักข่าว คิดว่าจะเป็นนักข่าวคนไหน

เราคิดว่าเราไม่ได้เป็นนักข่าวนะ เราคิดว่าเราเป็นคนสรุปข่าว สวมบทบาท นักข่าวต้องทำข่าว ลงพื้นที่ อย่างแถลงการณ์เช้านี้นี่ฉันต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 ใช่ไหมคะ ตั้งมงตั้งไมค์ เราไม่ได้ทำไง เราตามเก็บ อ่านอีกทีแล้วเอามารวบ แล้วอะ ทานค่ะ เราคิดว่าเราเป็นคนหน้าจอ คิดว่าก็คงเป็น (หัวเราะ) คุณแม่สายสวรรค์ ขยันยิ่ง หรือไม่ก็คุณแม่แขก คำผกา อยู่หน้าจอ นางฟาด มั่น เฟียร์ซ พูดทุกอย่างผ่านปากของเฟมินิสต์ กะเทยนิวส์ก็พูดประเด็นสังคม ผ่านปากกะเทย

ถ้าจะให้ออกตลาด จะให้ไปวิ่งแบบคุณฐปนีย์ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์แบบกฤต เจนพานิชการ สกายรีพอร์ตรายงานอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ผั่บๆ ก็ไม่ได้ คุณแม่จอมขวัญก็ไปลากมาทีละคน จี้ จี้ จี้ เราก็ไม่ได้ทำแบบนั้น เรียกว่าเราสรุปรวบรวม ไม่ได้ทำข่าวไหนเป็นพิเศษ เรารวบ รวบ รวบ รวบ รวบ แล้วก็รายงาน 

คิดเห็นยังไงกับบรรยากาศความตื่นตัวเรื่องการเมืองของผู้คนในช่วงนี้

โอเคมากเลย ถ้าย้อนกลับไปสมัย ‘เพจดูออกเลยเหรอคะ’ เรายอมรับว่าทำออกมาเพื่อเสียดสีเผด็จการ ที่ช่วงนั้นไม่ค่อยมีใครออกมา rise up ตัวเอง ด้วยความกลัวในบรรยากาศบ้านเมืองต่างๆ พอเลือกตั้งใกล้เข้ามา อย่าว่าแต่คนตื่นตัวเลย บางคนกลายร่างเป็นเครื่องด่าอย่างสมบูรณ์แบบมาก เราเคยเข้าใจว่า เราด่าอยู่คนเดียวจนคนอื่นเขามองว่ามึงบ้าการเมืองเกินไปหรือเปล่า งานการไม่ทำหรือไง แต่ฉันคิดว่านี่มันเป็นมาตรฐานปกตินะ อย่างกะเทย LGBT สิทธิกะเทย ฉันมีผัว ฉันอยากจะแต่งงาน เรื่องใกล้ตัวมากเลย มันไม่แปลกปะที่กะเทยจะตื่นตัว ก็ฉันจะแต่งงานกับผัว แกแต่งได้ฉันแต่งไม่ได้คืออะไร 

หลังๆ มาสถานการณ์บีบทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องใกล้ตัวทุกคนหมดเลย ของก็แพงขึ้น คนกรุงขึ้นบีทีเอสทีหนึ่งก็หน้าสั่นแล้ว 60 บาทกินข้าวได้สองมื้อนะ มันใกล้ตัวเข้ามาทุกที เด็ก ม.ปลายจะสอบก็โดนเลื่อน มีจิ๊กโก๋วิ่งเข้าไปกระทืบในห้องสอบ บรรยากาศแบบนี้มีที่นี่ที่เดียว ที่ประเทศไทย ต่อให้คุณบอกว่า ฉันไม่สนใจการเมือง มันก็จะมาเคาะประตูคุณอยู่ดี มันจะมากระชากให้คุณดูว่าสถานการณ์บ้านเมืองเป็นแบบนี้ 

หลังๆ ทุกคนเต็มไปด้วยความโกรธ กลายร่างเป็นเครื่องด่า ด่าจนเราต้องพักก่อน ด่าไปก่อนเลยลูก ใครไหวไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันตามไป ฉันขอดูละครแป๊บนึง หลายคนที่เรารู้จัก ลุคเขาไม่แตะการเมืองเลย แชร์เรื่องนก ฟ้า หมู ปลา หมา เพลง พอมาช่วงเลือกตั้ง โอ๊ย ด่าเหมือนคนละคน ด่าเหมือนเขาเอาวิญญาณเราไป

หรือเราต้องออมแรงไว้สู้วันอื่นบ้าง

ใช่ๆ กลับกัน เราต้องบอกว่า ใจเย็น ยังเหลือเวลาอีกหลายวัน มึงเลือกตั้งไปแล้วไง กาไปแล้วไง ถ้าเราย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ของกระบวนการประชาธิปไตย ถ้าจะหาอำนาจรัฐก็ต้องรบกันเนอะ คุณมีกำลังพลเท่าไหร่ ตอนนี้เราไม่เอาความรุนแรงทุกรูปแบบ เราไม่ตีกันแล้ว ด่ากันก็อีกเรื่องหนึ่ง (หัวเราะ) แต่เราไม่ลุกไปตีหัวคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรา ก็ต้องกา ก็ต้องโหวต แต่พอเราโหวต ก็ต้องการกติกาที่มันเป็นธรรมไง อันนี้เป็นเบื้องต้น

ทุกคนตั้งใจโหวตเพื่อหาคำตอบ ความขัดแย้งมันมีอยู่แล้ว ไม่งั้นจะไปกาตั้งแต่แรกเหรอ แต่ต้องการกติกาที่เป็นธรรม พอเจอแบบนี้ก็ทำให้สถานการณ์มันไม่ไปไหน มันก็ไม่แปลกที่คนมันจะโมโห บางทีเราก็ไม่ได้โมโหที่เขามาริบอำนาจอย่างเดียว เราโมโหที่เมื่อคุณได้อำนาจไปแล้วคุณก็ยังทำมันแย่ ธรรมชาติของคนไทยส่วนหนึ่งคือปกครองแบบไหนก็ได้ขอให้ฉันอิ่มท้อง แต่ทีนี้คุณมีอำนาจในมือ คุณก็ทำสิ่งนี้ไม่ได้ไปอีก อารมณ์คนเลยมา

เราบอกกับหลายคนว่าด่าก็ด่าไป การด่าเป็นวิธีการถ่ายทอดอารมณ์ตัวเองแบบหนึ่ง ในยุคที่โซเชียลมีเดียมันบูม ทุกคนเหมือนมีไดอารี่สาธารณะส่วนตัว แต่เมื่อคุณด่าแล้ว อยากให้ take consequence และ take responsibility กับมัน คือยอมรับผลที่จะตามมา แล้วก็มีความรับผิดชอบกับมัน ถ้าคุณโจมตีประยุทธ์ ก็ต้องรู้ว่าคุณด่าเขาเพราะอะไร ทำไมถึงมีอารมณ์กับสิ่งนี้มาก แล้วถ้าคุณกำลังใช้อารมณ์อยู่ ก็ยอมรับไปเลย ใช่ เพราะกูโกรธไง ไม่ต้องมาอ้างเหตุผลว่าเพราะสิ่งนั้นสิ่งนี้ อย่างกะเทยนิวส์คือชัดเจนเลยว่า ถ้าฉันโมโห ก็คือด่า อารมณ์ฉันนี่แหละคือเหตุผล จบ ไม่ได้บอกว่าฉันเป็นคนไม่มีเหตุผล ฉันแค่บอกว่า ตอนนี้ฉันโมโห 

เหมือนเป็นการระบายความอึดอัดเบื้องต้นในสถานการณ์ที่คนไม่รู้ว่าจะเป็นไปในทิศทางไหนกันแน่

เรารู้สึกว่า คนไทยหรือคนเสพข่าวก็ตาม คนที่จริงจังกับ voice ของตัวเอง จริงจังกับการเมืองตอนนี้ It’s ok to be mad. มันไม่เป็นไรนะ ถ้าจะโมโห ระบายมันออกไป แต่ระบายมันอย่างสร้างสรรค์ก็จะดี สองคือ ถ้าคุณแสดงออกมาอย่างสร้างสรรค์ คือคุณหันหัวเรืออารมณ์คุณไปลงได้ถูกที่ คุณก็จะไม่เครียด โมโหแล้วคุณได้ระบายออก ก็เหมือนน้ำ ระบายออกแล้วคุณจะเบาลงในเบื้องต้น ถ้าทำอย่างนี้ได้เป็นกิจวัตร รู้ว่าฉันโมโห พูดแล้วดูพุทธ พุทธแท้ รู้สติ ว้ายยย ตายแล้ว รู้หนอ พองหนอ โกรธๆๆๆ ระบายออกไป มันก็จะไม่นำไปสู่ความเครียด

ในอีกทางหนึ่งมันก็ดีที่คนรู้ว่าเสียงของตัวเองมีความหมาย สิ่งนี้เราว่ามันเป็นกลไกของประเทศที่พัฒนาแล้ว ประชาชนรู้ว่าตัวเองมีสิทธิที่จะพูด จะมีคนฟังหรือไม่มีก็อีกเรื่อง แต่ฉันรู้ว่าฉันมีสิทธิที่จะพูด 

อยากให้กะเทยนิวส์ลองวิเคราะห์ความผันผวนหลังการเลือกตั้ง ว่ามันจะเป็นไปถึงขั้นไหน

ถ้าเอาใกล้ตัวเลยเราคิดว่า กกต.ไม่น่ารอดเลย เพราะว่ากล้องอันตรายกว่าปืน ขอยืมคำของคุณทักษิณมา ไม่ได้พูดเอง เขาให้สัมภาษณ์บีบีซีไว้ คือคุณทำตัวย้อนยุคในที่สว่าง คุณกล้าโกงแบบปี 2500 ในยุค 2019 ได้ไง ดูซีรีส์เรื่อง House of Cards เราเจอการโกงที่ชิงไหวชิงพริบ ที่รัสเซียหลักฐานจะเอาผิดการโกงก็ไม่พอ นักข่าวก็ต้องกลับไป หรือกรณีซึงรี นักข่าวแฉหลักฐาน เราเห็นเบอร์นั้น ทำซีรีส์สนุกได้เป็นตอนๆ แต่ของไทยนี่แค่คุณจะโกง คุณยังไม่คิดเลย

มันดูถูกประชาชนเหมือนกันนะ ประชาชนไม่โอเคกับการทำงานแบบนี้แน่นอนอยู่แล้ว ตอนนี้ความไม่โอเคของ กกต.เป็นเรื่องจริง แต่มวลนี้มันจะถูกนำไปลงตรงไหน อย่างที่มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี แถวบ้านเรา นักศึกษาก็รวมกลุ่มกันเสนอชื่อถอดถอน กกต. นี่เป็นตัวอย่าง 

ทำยังไงให้ความโกรธของคุณไปได้ต่อ ตอนแรก change.org มีแคมเปญลงชื่อ ก็ลงกันเหยียบล้าน รัฐบอกชื่อออนไลน์ไม่มีผล อ้าว ความโกรธของฉัน เกือบล้าน หน้าแห้ง ยิ้มแห้ง แต่ก็มีคนบอกว่าอย่างน้อยๆ มันเป็นเชิงสัญลักษณ์ หรือบางคนก็เสนอวิธีของรัฐธรรมนูญปี ’50 ลงชื่อ พิมพ์สำเนาบัตรประชาชนแนบให้เรียบร้อย ครบ 20,000 คน คุณยื่นได้เลย คนก็เฮกันว่าหรือเราจะไปทางนั้นดีในเมื่อประเทศนี้ยังไม่โอบรับดิจิทัล ชื่อออนไลน์ไม่รับ งั้นฉันจะกลับไปสู่ยุคเอกสาร 

แต่พอกลับไปสู่ยุคเอกสารก็บอกว่าอ้าวรัฐธรรมนูญ ’50 เขาก็ฉีกไปแล้ว จะเอาอะไรมาอ้างอิง สุดท้ายก็มีคนฟาด แกอย่าลืมว่าถึงแกได้ 20,000 ชื่อแล้ว แต่ 20,000 ชื่อนั้นต้องไปหา ปปช. ซึ่ง ปปช. คือ ปิ๊ง! ผายมือ ทุกคนก็รู้แล้วว่า ปปช.คืออะไร

กะเทยนิวส์เองก็ไม่ได้มีคำตอบให้ อย่างการลงชื่ออาจจะมองว่าเป็นเชิงสัญลักษณ์ มีคนไม่เห็นด้วยครั้งนี้เหยียบล้านแล้ว อย่างน้อยตัวเลขนี้มันจะไม่หายไป สื่อต่างชาติ สื่อไทย หรือหน่วยงานราชการต่างๆ เห็นตัวเลขนี้แล้วยังเพิกเฉยอีก ก็ไม่รู้ว่าจะยังไงแล้ว

คิดว่าความวุ่นวายเหล่านี้จะจบลงยังไง

เราไม่เชื่อว่ามันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ได้ในเร็วๆ นี้ เอาแค่เฉพาะที่เราเห็นในช่วงอายุเรานะ ไม่ได้มองย้อนในวิชาเรียนประวัติศาสตร์ เราคิดว่าฟ้าสีทองผ่องอำไพจะไม่มาไวขนาดนั้น สหรัฐอเมริกาใช้เวลา 50 ปีแน่ะ กว่าคนผิวสีจะนั่งตำแหน่งประธานาธิบดี มันไกลมาก ตอนนี้มันน่าจะเป็นเรื่องของการหา shade ค่ะ fifty shades of ประชาธิปไตยในไทย คุณอยู่ shade ไหน พรรคการเมืองตอนนี้เริ่มรวม shade ตอนแรกแบ่ง ตอนนี้รวม แล้วเดี๋ยวมันก็จะไปแบ่งอีก เพราะว่า ส.ส.ในสภาก็มีสัดส่วนความหลากหลายค่อนข้างเยอะ 

เราขอยกตัวอย่างพรรคอนาคตใหม่ เขาก็ออกตัวเลยว่าเขามี ส.ส.ม้งคนแรก ส.ส.เพศที่สามคนแรก กะเทยนิวส์ปรบมือให้ชีพี่กอล์ฟ เพื่อไทยก็ใช่ย่อย เราก็สามารถพูดได้ว่า ถ้าคุณหญิงสุดารัตน์ ขึ้นมาได้ก็จะเป็นนายกหญิง ประเด็นเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้มันจะเริ่มแบ่ง shade กลับมาหาเสียงเล็กเสียงน้อยอย่างพวกเรานี่แหละว่า ที่แต่ละคนอยากได้ประชาธิปไตยมันอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ ฝ่ายซ้ายที่ซ้ายมากๆ ก็บอกว่าอยากได้แบบสังคมนิยม บางคนก็บอกว่าฉันยังอยากได้พระมหากษัตริย์เป็นประมุขอยู่ หรือบางคนก็บอกว่ายังไงก็ได้ ก็มี 

แต่กระบวนการที่จะสร้างประชาธิปไตยที่แข็งแรงมันต้องกลับมารีเช็กตัวเองบ่อยๆ ว่า สุดท้ายแล้วคุณให้คุณค่ากับอะไร เจอหลายคนที่ประชาธิไตยแน่นมาก บางคนเป็นฟ้า ฉันจะสู้ไปกับพ่อส้ม คุณพ่อธนาธรคือที่หนึ่งของฉัน แต่กลับกันก็ยังรับน้องแบบโซตัส ฉันจะไปเลือกตั้งล่วงหน้าเพราะวันจริงฉันมีรับน้อง คนเราก็มีความย้อนแย้งอย่างนี้อยู่ หยุด กะเทย กะเทยจะเป็นประชาธิปไตยพร้อมกับโซตัสไม่ได้ เรื่องสิทธิมนุษยชนมันไม่ได้ไง

แม้แต่กะเทยนิวส์ก็ตาม ก็ต้องไปนั่งถกกันอีกในอนาคตเรื่อง PC ได้หรือเปล่า แกไปเรียกเขา ชี อย่างนั้นอย่างนี้ได้ไหม แต่เรามองกระบวนการพวกนี้เป็นเรื่องปกติ มันจะนำไปสู่การถกเถียงที่เป็นอารยะ 

ถ้าจริงอย่างที่ทุกคนตั้งมั่น อย่างที่คุณแม่หน่อยจิกกัด พวกอีแอบ พวกย้ายค่าย แน่ใจนะว่าจะไม่เอาอำนาจนอกระบบมาล้มกติกาอีก ถ้าเราหยุดวงจรนี้ได้ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี Good start แต่ไม่ใช่ Big move

ในบรรยากาศแบบนี้คิดว่ายังหวังอะไรได้อีกไหมกับบ้านนี้เมืองนี้ 

ต้องถามว่าหวังเรื่องอะไรด้วยนะ เพราะมันมีหลาย shade หลายมุม อย่างเรา ก่อนเลือกตั้งเราบอกหลายคนไปว่า เลือกๆ ไปเหอะ น้องๆ หลายคน ในวงเล็บ ที่รู้ตัวว่าจะสู้เพื่อประชาธิปไตย คนรุ่นใหม่หลายคนก็ไม่เลือกพลังประชารัฐแน่นอน แต่คนที่สับสนว่าจะเลือกพรรคไหนดี มันเป็นยุคของหล่อน หล่อนอยากได้อะไร หล่อนเลือกเลย ฉันคิดว่าความต้องการของหล่อนก็ไม่ได้ทิ้งห่างจากฉันเท่าไหร่ 

รุ่นน้องที่เป็นเก้ง หล่อนมีแฟนนี่ อยากผลักดันกฎหมายไหมล่ะ ถ้าเราอยากได้ พรบ.คู่ชีวิต ที่เท่าเทียมจริงๆ ก็ต้องไปแก้ ปพพ. 1448 มันจะได้ครบ หล่อนก็ต้องหาคนไปดัน ถ้าหล่อนจะเอาแบบนี้ หล่อนเลือกเลยว่าใคร แต่ก็จะบอกเหมือนกันว่า ถ้ามัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาดันแต่เรื่องเพศอย่างเดียวไม่ได้นะ ต้องดูองค์รวมด้วย ถ้าบอกว่าอยากให้ค่าบีทีเอสลดลงก็ต้อง voice up เรื่องนี้มากๆ เพราะมันมีผลต่อกระเป๋าสตางค์ของคุณโดยตรง 

คุณไม่ต้องไปหวัง big move ขนาดนั้นก็ได้ แต่ต้องมั่นใจว่าความหวังของคุณต้องไม่ไปดักความหวังคนอื่น ทุกอย่างมันเกี่ยวเนื่องกันหมด ฉันอยากได้การแต่งงานเท่าเทียมมาก เพราะฉะนั้นฉันจะเลือกใครก็ได้ที่จะทำให้กฎหมายฉันสมบูรณ์ ไม่ได้สิ ถ้าเกิดว่าคนที่ทำให้เธอเป็นเผด็จการล่ะ นึกออกไหม กะเทยคนหนึ่งถือปืนในชุดนางเสือแล้วก็บอกว่าฉันจะยึดอำนาจให้พวกเธอทุกคน เพื่อให้กฎหมายฉันผ่าน มันก็ไม่ได้ปะ ก็ผิดแล้ว

หลังช่วงหลังเลือกตั้งนี้ไปจะยังทำกะเทยนิวส์ต่อหรือเปล่า

เรารู้สึกว่าสิ่งที่เราทำ ยังไงเสียมันก็ต้องทำไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว ด้วยความที่มันเป็นสรุปข่าว เราคิดว่าเดี๋ยวมันก็ไปของมันเรื่อยๆ ประเด็นโน้นประเด็นนี้ พอคนเลิกคุยเรื่องการเมือง ก็ต้องมีเรื่องอื่นมาให้กะเทยเมาท์อยู่ดี เราไม่เชื่อว่าจะจบแค่นี้ เพียงแต่ว่าช่วงนี้คนสนใจการเมืองมากเท่านั้นเอง

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ปิ่น มีขำ

my favorite color is green