Kantima Salon ร้านทำเล็บสีสดใสที่อยากให้สบายใจเหมือนเที่ยวบ้านเพื่อน

Highlights

  • Kantima Salon คือร้านทำเล็บที่ซ่อนตัวอยู่ที่ชั้น 2 ของอาร์ตสเปซย่านสนามกีฬาแห่งชาติอย่าง YELO House
  • สีสันและลวดลายการเพนต์ของเกรซ–กานติมา บรรจบดี ที่มีกลิ่นความเป็น childhood สดใส และขี้เล่น คือจุดเด่นที่ทำให้ผู้คนต่างพากันจองคิวทำเล็บแน่นแทบจะทุกเดือน

‘คิวทำเล็บเดือนกรกฎาคมมาแล้วนะคะ สนใจจองได้เลย’

ข้อความจาก Kantima Salon ร้านทำเล็บที่แฝงตัวอยู่ในห้องใต้หลังคาของอาร์ตสเปซยอดนิยมอย่าง YELO House ที่เราแอบกดหัวใจให้บ่อยๆ ในอินสตาแกรมที่เด้งขึ้นมาในช่วงปลายเดือน

เพียงแค่ได้อ่านข้อความเชิญชวนพร้อมมองภาพลายเล็บอันเป็นเอกลักษณ์ฝีมือการเพนต์ของ เกรซ–กานติมา บรรจบดี

ความรู้สึกยามมีลวดลายสวยๆ ประดับอยู่บนเล็บขณะกรีดกรายพิมพ์ข้อความลงบนคีย์บอร์ดก็แล่นขึ้นมาให้เราคิดถึงจับหัวใจ 

กว่าจะรู้ตัวว่าจองคิวทำเล็บไปเสร็จสรรพก็เป็นตอนที่สองขากำลังก้าวขึ้นบันไดขั้นสุดท้าย พร้อมๆ กับสองตาที่ปะทะกันกับตัวอักษรสีแดงที่เพนต์มือเป็นชื่อร้านพอดิบพอดี

แม้ Kantima Salon จะมีขนาดเล็ก แต่เรากลับไม่รู้สึกอึดอัดเมื่อย่างเข้ามาภายใน

นอกจากอุปกรณ์ทำเล็บอย่างตะไบ น้ำยาทำเล็บหลากสีที่ผ่านร่องรอยการใช้งาน สติกเกอร์และของตกแต่งที่ผู้เป็นเจ้าของร้านขยันซื้อ ขยันเก็บไว้เต็มลิ้นชักแล้ว ภายในร้านยังเต็มไปด้วยสารพัดของกุ๊กกิ๊กที่เรากล้าพูดว่า หากไม่ได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้านไปคงเป็นคนใจแข็งน่าดู

ร้านทำเล็บที่เกิดจากความชอบ แต่ไม่ได้ตั้งใจ

“เราชอบทาเล็บมาตั้งแต่เด็กแล้ว” 

หญิงสาวเจ้าของร้านในชุดลายดอกตอบคำถามของเราพร้อมยิ้มเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังเก็บอุปกรณ์ให้เข้าที่เข้าทางหลังเพิ่งทำเล็บให้ลูกค้ารายล่าสุดเสร็จ 

“ตอนเด็กเราจะขนน้ำยาทาเล็บไปทาให้น้องๆ ญาติๆ แทบทุกครั้งที่มีโอกาส จนเรียนมหาวิทยาลัยแล้วก็ยังรับบทบาทเป็นช่างแต่งหน้า ทาเล็บให้เพื่อนๆ อยู่ตลอด” เกรซเล่าย้อนให้ฟังถึงชีวิตขณะเรียนแฟชั่นดีไซน์ที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาฯ สถานที่ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของ ‘kantimasalon’ แอ็กเคานต์อินสตาแกรมที่เธอใช้รวบรวมผลงานการทำเล็บมาตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

จากเล็บลายไข่ดาวที่เธอว่าห่วย ค่อยๆ พัฒนาฝีมือเป็นลายสายรุ้งและลายดอกไม้ที่เริ่มจะมีดีเทลเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ

เช่นเดียวกันกับร้าน Kantima Salon ที่พัฒนาจากแอ็กเคานต์อินสตาแกรมสำหรับรวบรวมผลงาน ค่อยๆ ขยับขยายกลายเป็นมุมหนึ่งในร้านขายเสื้อผ้าขวัญใจวัยรุ่นอย่าง Daddy and the Muscle Academy จนวันนี้ที่ร้าน Kantima Salon เกิดขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง เป็นร้านทำเล็บที่มีความชอบและสไตล์ของเจ้าของแบบเต็มตัว

“จริงๆ ทุกอย่างมันเกิดจากว่าพอเราไปทำเล็บที่ร้านแล้วผลลัพธ์มันไม่ค่อยถูกใจ ช่างเขาทำไม่เนี้ยบ เราเลยหงุดหงิดว่าทำไมถึงทำไม่ได้ล่ะในเมื่อเรายังทำให้เพื่อนได้เลย” เกรซเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นจริงๆ ของเส้นทางอาชีพช่างทำเล็บของตัวเอง 

“วันนั้นเราเลยซื้อเครื่องอบเล็บเจลมาลองทำเอง สังเกตขั้นตอน และเรียนรู้วิธีการจากร้านทำเล็บที่เราเคยไปทำมา ดูว่าเขาทำกันยังไง แล้วมาลองทำให้เพื่อน

“รูปที่ลงไอจีแรกๆ ลายเล็บจึงค่อนข้างจะห่วยเลย ไม่ได้สวยหรอก แต่เราก็ทำมาเรื่อยๆ พยายามคิดลายใหม่ๆ ออกมา”

เอกลักษณ์ของ Kantima Salon

“ลายที่ต้องมาทำคือลายดอก” เกรซหัวเราะร่วนหลังพูดจบ ก่อนจะเล่าให้ฟังถึงบทสนทนาที่ลูกค้าเคยถามไถ่กับเธออย่าง “ทำไมทุกอย่างในร้านรวมทั้งตัวเธอถึงต้องเป็นลายดอกทั้งหมด” 

“เพราะชอบ” เธอตอบกลับมาหลังเราถามคำถามนั้นซ้ำดูบ้าง

“ลายที่เราเพนต์ส่วนใหญ่จะเป็นลายเส้นที่ดู childhood หรือลายที่มีสีสันสดใสหน่อย ซึ่งมันเป็นความชอบที่เราเก็บสะสมมานานแล้ว อย่างตอนเรียนต้องทำลายผ้าปรินต์ เราก็มักจะออกแบบโดยมีดอกไม้และลายเส้นเด็กๆ แบบนี้มาเป็นส่วนผสม

“ชอบเก็บดีเทลเล็กๆ น้อยๆ ที่พบเจอตามที่นู่นที่นี่แล้วเอามาทำเป็นลายด้วย อย่างตอนไปอินเดีย ลายกระเบื้องน่ารักมาก เราก็จะถ่ายรูปเก็บไว้แล้วเอามาลองทำ”

ลายเล็บของที่ร้านจึงไม่ค่อยเหมือนใคร เพราะเจ้าของอย่างเธอขยันออกเที่ยวหาแรงบันดาลใจและออกแบบลายเล็บของตนเอง

“สำหรับเราการทาเล็บมันเป็นเหมือนการทำงานศิลปะด้วย เหมือนเล็บเป็นเฟรมภาพเล็กๆ ที่รอให้เราวาดลงไปให้พอดี การทำเล็บแต่ละครั้ง ทำเล็บให้แต่ละคน จังหวะการเพนต์มันก็จะไม่เท่ากัน ความยาก-ง่ายก็จะต่างกัน”

แต่หากพูดในมุมแฟชั่น ดีไซเนอร์อย่างเธอก็มองว่าการทำเล็บก็เป็นเหมือนกับ accessory หนึ่งที่ทำให้การแต่งตัวดูเต็มขึ้น เติมเต็มไม่ให้มันโล่งไป 

“พนักงานออฟฟิศอายุ 50 ปีก็ยังมาทำเลย เพราะเขาชอบสีสัน บางทีก็มีลูกค้าที่เห็นลูกทำแล้วชอบเลยมาทำตาม ล่าสุดก็มีลูกค้าผู้ชายมาทำเหมือนกัน” เพราะเธอยืนยันว่าใครๆ ก็ทำเล็บได้ จะเป็นลูกค้าแบบไหนเกรซก็ไม่เกี่ยง เพียงทักเข้ามาพูดคุยกันก่อนว่าเธอสามารถทำลายที่ต้องการให้ได้หรือเปล่า

“เราไม่อยากให้ลูกค้าเฟลแบบที่เราเจอ ถ้าลายไหนที่เราทำไม่ได้ก็จะบอกลูกค้าไปตรงๆ”

แต่ทั้งนี้หากลูกค้าคนไหนคิดไม่ออกว่าจะทำลายหรือใช้สีสันอย่างไรดี เกรซก็พร้อมจะใช้ความรู้ด้านศิลปะที่ร่ำเรียนมาให้คำแนะนำและช่วยตัดสินใจ

“เพราะเราไม่ได้มองว่ามันคือการทำเล็บแล้วก็จบ เราใส่ใจตั้งแต่การคิดลายจนถึงการลงมือทำ” เกรซยิ้มเขินๆ ให้กับคำพูดของตัวเอง

ตกแต่งแบบที่ชอบ

นอกจากลายเล็บที่โดดเด่น การจัดร้านก็น่ารักไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

เพราะทุกสิ่งที่จัดวางอยู่ในร้าน แทบทุกอณูของพื้นที่ถูกเติมเต็มไปด้วยสิ่งของที่เธอชอบ ไม่ว่าจะเป็นพรม แจกัน ข้าวของเครื่องใช้ที่เลือกจัดวาง หรือกระทั่งสีสันและลายเพนต์ที่เธอเลือกสรรมาให้กับเฟอร์นิเจอร์ในร้านใหม่

“แต่ไหนแต่ไรเราจะชอบสเกตช์ร้านในฝันของตัวเอง จะระบายสีว่าราวเสื้อผ้าต้องเป็นสีเหลือง โต๊ะต้องเป็นสีเขียว หรือภายในร้านต้องมีสีฟ้ากับสีแดง ซึ่งร้านนี้ก็ออกมาอย่างที่คิดเลย 

“เป็นร้านที่เราอยากให้คนมาแล้วรู้สึกเหมือนว่าเขามาเที่ยวห้องเพื่อน ได้มาผ่อนคลายและนั่งเมาท์กัน”

เจ้าของร้านสาวอย่างเธอเล่าอย่างออกรส ชี้ชวนไปยังราวเสื้อผ้าที่มีชุดหลากสไตล์และหลากหลายแบรนด์แขวนอยู่ เสื้อผ้าเหล่านั้นเป็นอีกหนึ่งผลงานการออกแบบของเกรซและเพื่อน ซึ่งเธอรวบรวมและคัดสรรสิ่งที่ชอบและมีสไตล์คล้ายกันมาวางขายที่ร้าน 

“สิ่งที่ร้านทำเล็บและแบรนด์เสื้อผ้าของเรามีคล้ายกันคงเป็นเรื่องสีสัน แบรนด์รองเท้าที่เราทำกับเพื่อนก็จะมีความป๊อป หรือเสื้อผ้าวินเทจที่เราเลือกมาขายก็มักจะมีลวดลายป๊อปๆ เหมือนกัน พอทุกอย่างมาอยู่รวมในร้านนี้มันเลยไม่ขัด เพราะทุกอย่างมันคือเรา”

เป้าหมายคือการเป็นแม่ค้า

“จริงๆ ตอนที่เรียนจบมาเราอยากมีร้านเสื้อผ้าเป็นของตัวเอง” เกรซยิ้มแล้วเล่าต่อ “แต่ว่าตอนนี้การทำร้านเสื้อผ้ากลายเป็นรองไปแล้ว การทำเล็บกลับขึ้นมาเป็นที่หนึ่งเลย

“อนาคตเราก็อยากจะขยาย อยากจะทำโปรดักต์ต่อยอดจากร้านเล็บ เพราะเรามองว่าถ้าให้ทำเล็บไปตลอดชีวิตก็คงไม่ได้” เกรซบอกให้ฟังถึงเป้าหมายในอนาคต ซึ่งเธอกำลังวางแผนและต่อยอดให้ Kantima Salon ทั้งการทำผลิตภัณฑ์บำรุงมือ แฮนด์ครีม หรืออาจเป็นกิจการที่เธออยากต่อยอดธุรกิจนวดของพ่อ

“อาจจะเป็นร้านนวดที่มีสปาตัว มีสครับ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นของ Kantima Salon เอง” 

ร้านของเกรซจะเติบโตไปอย่างไร อาจต้องติดตามกันต่อไป

แต่หากอยากทำเล็บสามารถมาได้ที่ Kantima Salon

โดยเธอแอบกระซิบว่าหากอยากได้วันเวลาที่ชอบจริงๆ ให้จองก่อนล่วงหน้า 2 อาทิตย์


Kantima Salon

address : YELO House

hours : 11:00 – 21:30 (appointment only)

facebook : Kantima Salon

instagram : kantimasalon

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ดวงสุดา กิตติวัฒนานนท์

ช่างภาพนิตยสาร a day ผู้ชอบกินอาหารที่ถ่าย