ก่อนจะอ่านบทความ
เราให้เวลาคิด 5 วินาที เพื่อตอบคำถามว่าเครื่องดื่มสุดฮิตของประเทศไทย ณ เวลานี้คืออะไร
ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก
ไม่ทันเริ่มนับเวลา คำตอบหนึ่งเดียวที่ปรากฏในใจใครหลายๆ คนคงหนีไม่พ้นชานมไข่มุก
และแน่นอนว่ากลุ่มคนที่ยืนอยู่หนาแน่นบริเวณหน้าร้าน BEARHOUSE ร้านเครื่องดื่มแบบ take away ที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายตรงหน้าของเราก็เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่เห็นได้ชัดเจนเหลือเกินว่าชานมไข่มุกนี่ช่างฮิตติดตลาด
แต่ก็เป็นไปได้เหมือนกันที่คิวยาวเหยียดนี้จะมาเพื่อชิมไข่มุกแสนพิเศษที่ไม่เหมือนที่อื่น
อยากทำไข่มุกไทยให้คนต่างชาติกิน
“ไข่มุกของร้านเราใช้แป้งข้าวไทยเป็นส่วนผสม เราเรียกมันว่าไข่มุกโมจิ” ซาน–ปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช หนึ่งในเจ้าของบ้านหมีบอกกับเราด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ร้านของเธอถือเป็นหนึ่งในร้านชานมไข่มุกแบรนด์ไทยน้องใหม่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังจนทั้งโลกออนไลน์ต้องมาตามชิม
แม้เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะเธอคือยูทูบเบอร์ขวัญใจเด็กและผู้ใหญ่ เจ้าของช่อง Bearhug แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าร้านนี้มีอีกหนึ่งจุดขายที่เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่แพ้กัน นั่นคือเจ้าไข่มุกโมจิที่เธอภูมิใจนำเสนอ
เมื่อถามถึงที่มาของไข่มุกชนิดนี้ อาจจะต้องเล่าย้อนกลับไปถึงวันที่เธอชื่นชอบชานมไข่มุกเจ้าหนึ่งที่เคยได้ชิมที่ต่างประเทศมาก และอยากกินรสชาตินั้นทุกวัน จนถึงขั้นติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์มาเปิดในประเทศไทย
ใช่ ภารกิจนั้นไม่สำเร็จ
แต่คำพูดที่ว่า “ทำไมเราถึงไม่ทำชานมไข่มุกแบรนด์คนไทยให้คนต่างชาติต่อแถวซื้อบ้าง ทำไมเราถึงไม่ส่งออกของไทยบ้าง” ของ กานต์–อรรถกร รัตนารมย์ หุ้นส่วนคนสำคัญของร้านนี้ ก็ทำให้เธอฉุกคิดและมีภาพร้านชานมไข่มุกของตัวเองปรากฏขึ้นในใจ
“ช่วงนั้นเราไปร้านข้าวแกงกะหรี่ที่เชียงใหม่ ชื่อว่า Papa Curry พอดี เขาเลยแนะนำว่ามีเพื่อนเคยเปิดร้านชานมไข่มุกเหมือนกัน แต่ทำเมื่อ 10-15 ปีที่แล้ว และตอนนี้ร้านก็เจ๊งไปแล้วด้วย เราสนใจอยากเรียนไหม ด้วยความที่ยังไม่ได้วางแผนอะไรมากก็เลยตอบตกลงเรียนทำไข่มุกสูตรพระเจ้าเหาอันนั้นมา”
“ตอนเรียนเสร็จ ได้สูตรมาแล้ว เราดีใจมาก คิดเลยว่าเดี๋ยวฉันจะขายสูตรนี้นี่แหละ เดือนหน้าคงได้เปิดร้านแน่ๆ เดี๋ยวจะหาที่รอไว้เลย” ซานเล่าไปหัวเราะไปด้วยความขบขัน เพราะสิ่งที่เธอพูดมาไม่สามารถทำได้จริงเลยสักนิด
“พอลองทำจริง มันยากกว่าที่คิดมาก บางครั้งแป้งไข่มุกก็เหนียวไป เหลวไป หรือเอาเข้าเครื่องตัดไข่มุกที่ซื้อมาเตรียมไว้ไม่ได้ จนต้องหันมาทดลองปั้นทีละเม็ดก็มี บางทีก็ต้องซื้อไข่มุกจากร้านอื่นมานั่งวัดว่าจะใช้เส้นผ่านศูนย์กลางขนาดเท่าไหร่ถึงจะเคี้ยวง่ายกำลังพอดี ไม่ติดคอ”
จากที่คิดว่าแค่เดือนเดียวก็คงเสร็จ สุดท้ายเธอใช้เวลาพัฒนาสูตรนานถึง 6-7 เดือน และสูตรนั้นก็เปลี่ยนไปจากที่อาจารย์สอนครั้งแรกมาก จนอาจารย์ถึงกับเอ่ยปากว่ามาไกลเกินจะช่วยเหลือได้แล้ว
ไม่ได้อร่อยกว่าที่อื่นแต่กินได้ทุกวัน
ซานปล่อยให้เราหยุดดูกระบวนการตระเตรียมไข่มุก ตั้งแต่ตอนเป็นเม็ดแป้งแข็งๆ สีขาว ต้มสุก แล้วแช่ไว้ในน้ำเชื่อมจนกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มดูน่ากิน ก่อนที่เธอจะเชื้อเชิญให้เราชิมเครื่องดื่มหลากชนิดตรงหน้า และเล่าเสริมว่า “ไข่มุกมันจะมีความหนุบหนับและต้องเคี้ยวก่อนกลืน ร้านเราทำเองตั้งแต่ผงแป้งเลย โดยมีแป้งข้าวไทยเป็นส่วนผสม
“ทุกวันนี้กระบวนการทำไข่มุกของร้านคล้ายมากกับร้านเบเกอรี่ที่จะอบขนมปังใหม่ทุกเช้า เพราะทีมงานต้องตื่นมาทำแป้งไข่มุกเตรียมไว้ตั้งแต่ตีสี่ แล้วเอามาส่งที่หน้าร้านวันละ 2 รอบ ถ้าเหลือก็ทิ้งหมด
“เราพยายามจะทำให้เหลือไว้ก่อน เพราะเคยมีลูกค้าบินมาจากเชียงใหม่ แล้วเขาร้องไห้เลยที่ไข่มุกหมด เราไม่อยากให้เกิดแบบนั้นอีก” ซานว่ายิ้มๆ
กับเครื่องดื่มก็เช่นกัน เธอทดลองค้นหารสชาติที่ตัวเองคิดว่าใช่ โดยการไล่ชิมชาแทบทุกยี่ห้อที่วางขายทั้งในไทยและต่างประเทศ แล้วลอง blind test ว่าชอบอันไหนมากที่สุด
“เราเน้นความเรียบง่าย ชาของเราอาจจะไม่ได้เข้มข้นที่สุด แต่ก็กลับมากินได้เรื่อยๆ” ซานออกตัวถึงความตั้งใจแรกด้วยกลัวใครหลายคนจะคาดหวัง
พูดถึงความคาดหวัง นี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เราแอบสงสัยว่าเจ้าของร้านมือใหม่อย่างเธอคิดว่าทุกวันนี้จำนวนคนที่เข้าคิวรอนั้นเป็นแค่กระแสบ้างหรือเปล่า
“เราว่าตอนนี้มันก็เป็นแค่กระแสจริงๆ เป็นธรรมดาของร้านใหม่ที่คนอยากมาลอง หรือเราลงคลิปไปแล้วลูกค้าจะมา แต่ถามว่ามันช่วยในระยะยาวไหม เราว่าไม่เกี่ยว สุดท้ายถึงคนดูรักเราแค่ไหน แต่ถ้าไม่อร่อย เขาก็คงไม่ซื้อ
“เราจะดีใจมากเลย ถ้าวันหนึ่งกระแสมันหมดไป เพราะเราจะได้เห็นว่าจริงๆ แล้วลูกค้าของเราเขาเป็นใคร เราจะได้สื่อสารอย่างถูกกลุ่ม ทุกวันนี้คนอาจจะไม่เชื่อว่าเราจริงจังกับร้านนี้ เราก็ต้องทำให้เห็น เหมือนกับการเป็นยูทูบเบอร์แหละ ตั้งแต่ปีแรกที่เราทำ คนก็จะคิดว่าคงทำได้ไม่นานหรอก แต่สุดท้ายเราก็พิสูจน์ให้คนเห็นว่าเราทำมา 3-4 ปีแล้ว และเราก็ยังทำมันอยู่ ร้าน BEARHOUSE ก็เหมือนกัน เราคงพูดอะไรให้คนอื่นเชื่อไม่ได้ นอกจากทำไปทุกวัน แล้วสุดท้ายเขาก็จะเห็นเอง”
เพราะรักในการกิน BEARHOUSE จึงเกิดขึ้น
“เราไม่เคยคิดเลยว่าจะทำธุรกิจ ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาเปิดร้านชานมไข่มุก”
คำตอบซ้ำๆ ว่าไม่คาดคิด และไม่เคยฝันมาก่อน ทำให้เราอดแปลกใจไม่ได้ เพราะไม่ใช่แค่ร้านชานมไข่มุก แต่สิ่งที่เธอยึดถือเป็นอาชีพอยู่ทุกวันนี้อย่างยูทูบเบอร์ก็ล้วนไม่ใช่ความฝันมาตั้งแต่ครั้งยังเด็กทั้งสิ้น
“มันน่าจะเกิดจากการที่พอได้ไปรีวิวที่นู่นที่นี่เรื่อยๆ ได้ไปกินของอร่อย มันทำให้เรามีความสุขมาก จนเกิดความคิดว่างั้นถ้าเราเปิดร้านที่มีขนม หรือมีร้านที่รวมของอร่อยๆ เอาไว้ เราก็คงสามารถสร้างความสุขให้กับคนอื่นได้เหมือนกับที่เราเคยได้รับ
“โชคดีที่ตอนทำคลิปลงยูทูบ เรามีโอกาสได้เจอเจ้าของธุรกิจร้านอาหารเยอะมาก มันทำให้เราพบว่าถึงแต่ละคนจะไม่ได้เป็นเชฟ ไม่ได้เรียนจบด้านอาหารมาโดยตรง แต่พวกเขารู้ว่าอะไรอร่อย ไม่อร่อย ดีหรือไม่ดีสำหรับลูกค้า เราเลยคิดว่าถึงเราจะทำอาหารไม่เป็นก็น่าจะเปิดร้านได้เหมือนกัน”
“แต่การที่เราทำร้านอาหารได้ มันไม่มีคำว่าเก่งหรือไม่เก่งหรอก มีแต่ว่าลองผิดลองถูก คำนี้พูดแล้วอาจจะฟังดูคลาสสิกนะ แต่มันคือเรื่องจริงเลย ทุกวันนี้เราก็ยังลองอยู่
“เพราะชอบ ชอบอย่างเดียวเลย ถึงทุกวันนี้จะมีร้านชานมไข่มุกเยอะมาก แต่เราไม่คิดเลยว่าชานมไข่มุกแบรนด์อื่นเป็นคู่แข่ง ทุกวันนี้แค่คนมากิน รีวิวบอกว่าอร่อย มันก็หายเหนื่อยแล้ว”
BEARHOUSE
address : ถนนอังรีดูนังต์ สยามสแควร์
hours : 10:00-20:00 น.
facebook : BEARHOUSE