ความฝันเป็นสิ่งสากลที่ทุกคนมีสิทธิ์เป็นเจ้าของ มันไม่เคยมีข้อจำกัด บางความฝันจึงมีขนาดเล็ก บางความฝันก็ยิ่งใหญ่ บางความฝันอาจถูกใครต่อใครมองว่าบ้า
นักวิ่งผู้เป็นเจ้าของความฝันกรณีหลังสุดคือ Atsuyuki Katsuyama หรือเคซัง ชาวญี่ปุ่นผู้มาอาศัยอยู่เมืองไทย เขาเป็นเจ้าของคาเฟ่มังสวิรัติแสนอร่อย และเป็นนักวิ่งเท้าเปล่าที่ออกวิ่งระยะไกลทุกวัน ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร หากนักวิ่งบางคนจะใช้สองขาเป็นหนทางสู่ความฝัน
หากฝันนั้นไม่ใช่การวิ่งข้ามทวีปอเมริกา ระยะทาง 5,000 กิโลเมตร ภายในเวลา 80 วัน
K’s Run Across USA 2015 คือโปรเจกต์ที่ใช้สองเท้าเป็นตัวขับเคลื่อนความฝันอันยากและยิ่งใหญ่ในฐานะมนุษย์ เคซังเล่าว่าเขาไม่ใช่คนแรกที่วิ่งข้ามทวีปอเมริกา แต่ก็มีนักวิ่งจำนวนไม่มากนักที่เคยทำได้ และเขาต้องการเป็นหนึ่งในนั้น
“ผมชอบวิ่ง เหมือนเวลาเรารักใครสักคน เราตอบไม่ได้หรอกว่าเพราะอะไร แต่ผมเชื่อว่าการจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ เราไม่สามารถทำด้วยสิ่งที่เราไม่ชอบได้ แต่ต้องเป็นสิ่งที่เราสามารถทุ่มเทพลังงาน เงิน และทุกอย่างลงไปกับมันได้” นักวิ่งที่ตกหลุมรักการวิ่งมากว่า 30 ปีให้เหตุผล
เพื่อบรรลุความฝันในปีหน้า นอกจากการวางแผนและรวบรวมทีมที่จะคอยช่วยเหลือเขาตลอดการวิ่ง เคซังต้องออกวิ่งทุกวัน วันละ 42 กิโลเมตร ทุกวันเขาใช้เวลาไปกับการวิ่ง 6 ชั่วโมงโดยไม่พัก ไม่ฟังเพลงระหว่างวิ่ง แต่เขาเลือกที่จะสนทนากับร่างกายของตัวเอง พยายามวิ่งด้วยท่าทางที่ถูกต้องเพื่อให้ไม่เกิดอาการบาดเจ็บ
เคซังเล่าด้วยตาเป็นประกายว่าไม่กี่เดือนมานี้เขาเพิ่งเรียนรู้ว่าการปรับท่าวิ่งช่วยรักษาอาการบาดเจ็บได้ และยังค้นพบการทำสมาธิขณะวิ่งผ่านการกำหนดลมหายใจ การได้เรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอระหว่างที่ออกวิ่งไปในทุกวัน ทำให้การวิ่งไม่เคยเป็นเรื่องน่าเบื่อ
“ผมได้ค้นพบตัวเองตลอดเวลา มันสนุกมาก นั่นคือเหตุผลที่ผมไม่หยุดวิ่ง”
เคซังเชื่อในแนวคิดของการวิ่งแบบธรรมชาติ ไม่ใช่แค่การไม่ใส่รองเท้า แต่คือการใช้ร่างกายในการวิ่งแทนที่จะยึดติดกับวัตถุ เขาเชื่อว่าการไม่ทานเนื้อสัตว์ให้พลังในการวิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเขา และเชื่อว่ามิตรภาพจะเป็นตัวแปรสำคัญที่สุดในการทำความฝันให้เป็นจริงได้ แม้ไม่เคยเอ่ยปากชวนให้คนอื่นคิดแบบเดียวกัน แต่ความฝันนี้ หากทำสำเร็จ มันจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความเชื่อของเขาให้คนทั่วไปได้เห็น
เหนือสิ่งอื่นใด หัวใจของความฝันคือการเปิดโอกาสให้มนุษย์กล้าออกไปทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่
เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเอง เคซังเลือกการวิ่ง
“มีสามรูปแบบที่เราจะรับมือกับความฝัน หนึ่งคือไม่ทำเลย อาจเพราะกลัวหรือมีเงินไม่พอ สองคือเริ่มทำ แต่ทำไม่ได้ สามคือทำให้สำเร็จ บางทีก็คิดว่าผมควรจะเลิกฝันไหม มันง่ายที่จะบอกว่าเพราะสิ่งนั้นสิ่งนี้ผมจึงวิ่งไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่ามันอยู่ที่สิ่งที่อยู่ข้างในตัวเรา ผมอยากพิสูจน์ว่าผมทำได้เพราะผมเชื่อตัวเอง”
ไม่มีใครรู้ว่าอีกหนึ่งปีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นกับความฝันของเขา คนรอบข้างคงทำได้แค่สนับสนุนและเอาใจช่วย แต่สองขาของนักวิ่งเจ้าของความฝันเท่านั้นที่จะเป็นตัวตัดสิน
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งจากเล่ม a day 166 Human Run