The Beauty of Running : ความงามและแรงบันดาลใจของผู้หญิงที่รักการวิ่ง

การวิ่งเป็นกิจกรรมที่หลายคนลงความเห็นว่า เป็นการออกกำลังกายที่ง่ายและสะดวก มีรองเท้าคู่เดียวก็วิ่งได้แล้ว เราจึงเห็นสวนสาธารณะหรือฟิตเนสต่างๆ คลาคล่ำไปด้วยนักวิ่งทุกเพศทุกวัย รวมถึงกิจกรรมบนเฟซบุ๊กยังเต็มไปด้วยงานวิ่งเชิญชวนให้เราก้าวเท้าลงสนามแทบทุกสัปดาห์

พักหลังมานี้ในงานวิ่ง เราเห็นนักวิ่งหญิงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้หญิงหลายคนเริ่มต้นวิ่งเพราะต้องการมีสุขภาพแข็งแรง มีรูปร่างที่ผอมลง กระทั่งการเยียวยาตนเองจากเรื่องราวในชีวิตประจำวัน แต่หลังจากการวิ่งอย่างต่อเนื่องแล้ว หลายคนพบว่าการวิ่งให้อะไรที่มากไปกว่านั้น การวิ่งให้ทั้งวินัย การเอาชนะตัวเองจากระยะทาง หรือการได้พบเพื่อนใหม่ เช่นเดียวกันกับนักวิ่งหญิงทั้งสี่คนนี้ที่เราชวนพวกเขามาแบ่งปันความสวยงามของการวิ่งของแต่ละคน และเราเชื่อว่าเรื่องราวเหล่านี้อาจทำให้คุณอยากออกมาวิ่งเพื่อพบกับความสวยงามของการวิ่งในแบบของตัวเอง

RUNNING IS MY MENTAL MEDICINE

สิ่งที่เป็นข้ออ้างที่หลายคนไม่ออกมาวิ่งอันดับต้นๆ ข้อหนึ่งคือไม่มีเวลา แต่ กระต่าย–อัญฐิรา ดำเรือง เป็นคนหนึ่งที่ลบล้างข้ออ้างนั้นให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด เธอกลับมาวิ่งอีกครั้งเพราะอยากเอาชนะร่างกายที่เหนื่อยหอบง่าย เช่นเดียวกับคนทั่วไปที่เริ่มต้นวิ่งเพราะอยากแข็งแรง

แต่การทำงานของกระต่ายที่เป็นนักประชาสัมพันธ์ในเอเจนซีจะมีเวลาเลิกงานไม่แน่นอนในแต่ละวัน เธอจึงอาศัยช่วงเวลาที่รออีเมลตอบกลับงานจากลูกค้า เปลี่ยนเสื้อแล้วออกไปวิ่งที่สวนสาธารณะใกล้ออฟฟิศ

“ถ้าเราอยากวิ่งก็ลุกไปวิ่งสิ ก่อนจะมาวิ่งที่สวนนี้ เราเคยคิดเหมือนกันว่าไม่กล้าไปวิ่งคนเดียว มันเขิน แต่พอลองทำ มันเหมือนเราก้าวออกมาแล้ว พอกล้าและทำมาเรื่อยๆ จนวิ่งสม่ำเสมอขึ้น กลายเป็นว่าเพื่อนก็อยากลองไปวิ่งบ้าง เหมือนเราได้เป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นต่อ”

หนึ่งปีกว่าที่กระต่ายกลับมาวิ่ง เธอค้นพบว่า การวิ่งเป็นการดูแลตัวเองจากข้างใน ซึ่งก็เป็นความสวยงามอีกรูปแบบหนึ่ง บางคนอาจจะคิดว่าการดูแลรูปลักษณ์ของตัวเอง แค่แต่งหน้า แต่งตัว ดูแลตัวเองจากภายนอกมันเพียงพอแล้ว แต่จริงๆ ความสวยงามมันไม่จำเป็นต้องเลือกแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง เราสามารถทำควบคู่กันไปได้

“การวิ่งให้อะไรเรามากกว่าแค่สุขภาพดี สามารถบำบัดจิตใจและทำให้สมองของเราปลอดโปร่ง มีสมาธิมากขึ้น จากที่เคยเครียดเรื่องงาน ฟุ้งซ่านกับปัญหาต่างๆ พอได้วิ่งก็เหมือนทำให้เราได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ได้โฟกัสกับอย่างอื่น เป็นการทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง” กระต่ายบอกให้ฟังถึงเหตุผลที่ยังวิ่งอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ แม้จะสามารถพิสูจน์ข้อสงสัยที่ทำให้เธอออกวิ่งครั้งแรกได้มานานแล้วก็ตาม

“ถ้าอยากเริ่มวิ่ง ไม่ต้องไปกังวลเรื่องจำนวน ระยะทาง หรืออะไรหรอก เอาแค่เท่าที่เราไหวและกล้าที่จะลองออกไปวิ่งก็พอ เพราะแค่หนึ่งกิโลเมตรก็ยังดีกว่าศูนย์กิโลเมตร ของแบบนี้มันยากแค่ตอนเริ่มต้นเท่านั้นแหละ”

 

RUNNING IS SPEAKING MIND

“เราพยายามเพิ่มการวิ่งเข้าไปในตารางชีวิต มีรองเท้าไว้คู่หนึ่ง ว่างเมื่อไหร่ก็ออกไปเลย” สำหรับนักบำบัดจิตด้วยศิลปะการเคลื่อนไหว อย่าง ดุจดาว วัฒนปกรณ์ ก็เช่นเดียวกัน เธอเป็นคนหนึ่งที่ออกวิ่งทุกครั้งเมื่อมีโอกาส เพราะนอกจากการวิ่งจะมีคุณประโยชน์มากมายอย่างที่ทราบกันดีแล้ว สำหรับเธอการออกไปวิ่งยังเป็นเหมือนช่วงเวลาที่จะได้ฟังเสียงหัวใจและความคิดของตัวเอง

“ช่วงเวลาที่วิ่งมันเป็นช่วงที่ค่อยๆ ทำให้เราคิดได้ว่าช่วงนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และเรากำลังคิดอะไรอยู่ เหมือนเราได้สนทนากับตัวเอง ปล่อยให้ร่างกายขยับได้เต็มที่ เอาตัวเราที่อยู่ข้างในออกมาวิ่งเล่น และเอนจอยไปกับช่วงเวลานั้น”

“เพราะตอนวิ่งมันมีแค่ปัจจุบัน แค่ตรงนี้กับตัวเอง มันไม่มีอดีต เพราะผ่านไปแล้ว เผลอวิ่งสะดุดเมื่อกี้ ตอนนี้ก็ต้องไปต่อ มันไม่มีอนาคต เพราะก็ยังมองไม่เห็น พอมันเป็นแบบนั้นเลยทำให้รู้สึกว่าเรามีตัวตน เราเข้มแข็ง และเรานิ่งจังเลย”

 

 RUNNING IS MY HAPPINESS

หลังประสบอุบัติเหตุจนทำให้ไม่สามารถขยับร่างกายและวิ่งได้คล่องแคล่วดังเดิม กระเฉด–ณัฐกานต์ เปี่ยมไชย ไม่เพียงแต่แสดงให้ทุกคนเห็นว่าเธอรักในการวิ่งมากแค่ไหน แต่ยังทำให้ทุกคนเข้าใจถึงประโยคที่ว่า ‘ใครๆ ก็สามารถวิ่งได้’ ผ่านการกระทำของเธอ

ตอนเกิดเรื่องใหม่ๆ กระเฉดเป็นผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่สามารถขยับตัวได้ อีกทั้งยังนอนตะแคงไม่เป็น การทำกายภาพบำบัดแต่ละครั้งจึงเป็นไปอย่างทุลักทุเล เพราะขาของเธอจะชี้และแบะออกโดยไม่รู้ตัว แต่ด้วยความพยายามและอดทนทำตามที่ครูสอนกายภาพบำบัดบอกเรื่อยมา ในที่สุดเธอก็สามารถกลับไปเดินและวิ่งได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำ

“ช่วงแรกที่กลับไปวิ่งได้ถึง 1 กิโลเมตร เรามีความสุขมาก ระยะทางมันไม่ไกลเลย แต่ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนเราวิ่งมาราธอนสำเร็จ” กระเฉดเล่าให้ฟังถึงกิโลเมตรแรกที่เธอพิชิตหลังจากที่ไม่ได้วิ่งมานานเกือบ 3 ปี

“เรารู้ตัวว่าท่าวิ่งของเราไม่เหมือนคนอื่น แต่เราไม่ท้อเลย เพราะเราไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าจะวิ่งช้าหรือเร็ว จะวิ่งสวยหรือไม่สวย สิ่งเดียวที่เราคิดคือตอนนี้เราวิ่งได้แล้ว และเราจะวิ่งต่อไปไม่มีวันหยุด ต่อให้ต้องวิ่งสี่ขาทั้งชีวิต หรือต้องคลานมาสนาม เราก็จะทำ เพราะการวิ่งคือสิ่งที่เราชอบ คือสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข

“ตอนนี้วิ่งได้ 10 กิโลเมตรแล้ว จะค่อยๆ วิ่งไปเรื่อยๆ โดยไม่ฝืนตัวเอง และจะไม่ผัดว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาวิ่งก็ได้ เพราะไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในอนาคต

 

RUNNING IS MY PRIDE

อุ๊บอิ๊บ–ภคณีย์ บุรุษภักดี คือนักวิ่งที่มีชื่อเสียงในวงการเทรลรันนิ่ง แถมยังเป็นผู้แจกจ่ายแรงบันดาลใจให้กับนักวิ่งหน้าใหม่หลากหลายคน แต่ใครจะรู้ว่าจุดเริ่มต้นลงสนามวิ่งของเธอคนนี้จะมาจากศิลปินที่เป็นเสมือนไอดอลของเธออย่าง หมอโอ๊ค–สมิทธิ์ อารยะสกุล

เพราะเพียงแค่นักร้องหนุ่มเอ่ยปากชวนให้แฟนคลับหันมารักสุขภาพมากยิ่งขึ้น คนที่ปฏิเสธการออกกำลังกายมาทั้งชีวิตอย่างเธอก็ตัดสินใจออกวิ่งทันที ด้วยความคิดที่ว่า นี่คือกีฬาที่ง่ายที่สุด และมีรองเท้าแค่คู่เดียวก็สามารถวิ่งได้

“ตอนนี้การวิ่งเปรียบเสมือนชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว มันคือสิ่งที่เราต้องทำ ถ้าไม่ได้ทำจะเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง จากวันนั้นจนตอนนี้ก็ล่วงเลยสู่เข้าปีที่ 6 แล้ว

“ยังจำได้อยู่เลยว่าตอนลงวิ่งงานแรกทรมานมาก เพราะเราไม่เคยวิ่งได้ถึง 10 กิโลเมตรมาก่อน ตอนนั้นต้องทนวิ่งสลับเดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงเส้นชัย แต่แปลกมาก พอเข้าเส้นชัยไปแล้ว ความทรมานทั้งหมดที่เราสะสมมามันกลับหายไปหมดเลย” อุ๊บอิ๊บยิ้มและยังบอกต่ออีกว่า ที่มีวันนี้ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะโซเชียลมีเดีย เพราะสมัยนั้นเวลาวิ่งและได้รับเหรียญรางวัลมา เธอจะเอาไปอวด เอาไปบอกเพื่อนๆ อยู่เสมอ และคำชื่นชมที่ได้รับกลับมาก็กลายเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้หลังจากงานนั้นเธอลงวิ่งมินิมาราธอนแทบทุกสัปดาห์

“พอวิ่งได้มากๆ ก็เหมือนเราหยอดความภูมิใจลงกระปุกสะสมไว้ทุกวันนั่นแหละ พอเราภูมิใจในตัวเองมากขึ้น สุดท้ายก็จะกลายเป็นความรักตัวเอง และหลังจากนั้นสิ่งต่างๆ ที่อยู่แวดล้อมก็จะไม่มีอิทธิพลอะไรกับเราอีกแล้ว เราจะไม่เอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่น จะพอใจในสิ่งที่เป็นอยู่ และจะรู้สึกว่า เฮ้ย เราก็สวยมากเหมือนกันนี่นา ไม่ว่าจะมีรูปร่างหน้าตาแบบไหน ยังไงใจเราก็สวย

“ถ้าอยากวิ่งก็วิ่งเลย อย่าไปแคร์ว่าตอนนี้อ้วน ผิวคล้ำ หรือย้วยที่ตรงนั้นตรงนี้ เพราะเรารูปร่างดีขึ้น มีเพื่อน มีสังคมที่ดีแบบทุกวันนี้ได้ ก็เพราะการวิ่งทั้งนั้น”

 

 

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

อภิวัฒน์ ทองเภ้า

เป็นลูกชายคนเดียวของพ่อแม่, เป็นศิษย์เก่านิเทศศาสตร์ ม.มหาสารคาม แต่เป็นคนอุดรธานี, เป็นวิดีโอครีเอเตอร์ ประสบการณ์ 2 ปี, เป็นคนเบื้องหลังงานวิดีโอของ a day และเป็นคนปลุกปั้นสารคดี a doc, เป็นคนนอนไม่เคยพอ, เป็นหนึ่ง คือ เป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง สรรพสิ่ง คือ ไม่เป็นอะไรเลย, ตอนนี้เป็นหนี้ กยศ. และรับจ้างทั่วไป [email protected]

พชรธร อุบลจิตต์

เป็นช่างภาพที่เรียนการเมืองแต่ชอบเดินทางเป็นอาชีพแถมยังชอบทำขนมเป็นงานอดิเรก กำลังเก็บเงินไปเอเวอเรสต์และซื้อตู้เย็น