เมื่อกองทุนไม่ใช่แค่เรื่องเงิน รู้จักกับกองทุนที่จะลงทุนเพื่อสังคมที่ดีขึ้น

Highlights

  • K-CHANGE คือกองทุนใหม่ถอดด้ามจาก KAsset (บลจ.กสิกรไทย) ที่มีนโยบายการลงทุนที่น่าสนใจคือการนำเงินไปลงทุนกับบริษัทที่ส่งผลเชิงบวก (positive impact) กับโลกนี้ผ่านกองทุนหลักที่ชื่อว่า Baillie Gifford Positive Change Fund - Class B accumulation (GBP) กองทุนหลักนี้จะคัดเลือกลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีนโยบาย 4 ด้าน คือการมีส่วนร่วมกับสังคมและการศึกษา ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมคุณภาพชีวิต และการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทางสังคม

อย่าเพิ่งเข้าใจผิด เราไม่ได้จะบอกว่าเรื่องราวต่อไปนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ขึ้นชื่อว่ากองทุน ใครก็ตามที่ลงทุนในกองทุนก็คาดหวังจะให้เงินที่เราใส่ลงไปงอกเงยด้วยกันทั้งนั้น แต่อย่างที่หลายคนบอกว่าการลงทุนมีความเสี่ยง สุดท้ายเราจะรับความเสี่ยงได้แค่ไหน จะลงทุนอะไรและคาดหวังผลตอบแทนไว้เท่าไหร่บ้าง นั่นเป็นคำถามที่เราต้องตอบตัวเอง

ในยุคสมัยแห่งทุนนิยม เราต่างรู้ว่าโลกของการลงทุนนั้นกำลังหมุนไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง โลกภายนอกรอบตัวเราก็หมุนเร็วเช่นกัน และทั้ง 2 โลกนี้ก็ดำเนินไปด้วยกันโดยส่งผลต่อกัน ซึ่งเมื่อโลกธุรกิจหมุนเร็วก็อาจส่งผลกระทบต่อสภาวะของโลกใบนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ยังมีองค์กรอีกมากที่รับรู้ปัญหานี้ และพยายามเชื่อมให้เข้าหากัน เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกให้เติบโตในทางที่ดีขึ้นด้วยพลังที่พวกเขามี

และตัวอย่างนั้นคืออักษร 7 ตัวที่เรียงกันเป็นคำว่า K-CHANGE

การลงทุนที่จะเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น

K-CHANGE คือกองทุนใหม่ถอดด้ามจาก KAsset (บลจ.กสิกรไทย) ที่มีนโยบายการลงทุนที่น่าสนใจที่เราอยากเอามาบอกต่อ

นโยบายการลงทุนกองทุน K-CHANGE คือการนำเงินไปลงทุนกับบริษัทที่ส่งผลเชิงบวก (positive impact) กับโลกนี้ ฟังดูอาจจะอหังการและยิ่งใหญ่ แต่วิธีการของพวกเขากลับไม่ได้ซับซ้อนหรือเข้าใจยากอะไรขนาดนั้น

K-CHANGE ลงทุนในหุ้นทั่วโลกผ่านกองทุนหลักที่ชื่อว่า Baillie Gifford Positive Change Fund – Class B accumulation (GBP) โดยคัดเลือกลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีนโยบาย 4 ด้าน คือการมีส่วนร่วมกับสังคมและการศึกษา ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมคุณภาพชีวิต และการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทางสังคม

“ปัญหาที่เกิดขึ้นบนโลกก็สะท้อนมาถึงการลงทุน” กิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ ผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุนของ KAsset อธิบายขั้นต้นกับเราถึงแนวคิดแรกเริ่มของกองทุน K-CHANGE ก่อนจะเล่าต่อ

“ในต่างประเทศมีบทวิจัยออกมาว่าบริษัทที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคมมีโอกาสที่จะก่อให้เกิดการเจริญเติบโตในแง่ผลประกอบการ การทำงานและรายได้ของบริษัท ดังนั้นพอมองกลับในมุมการลงทุนจึงเกิดแนวคิดที่ว่า เมื่อสังคมโลกเราหมุนไปในทิศทางนี้และบริษัทขนาดใหญ่ของโลกทั้งหลายก็กำลังเดินตามกันหมด จะดีกว่าไหมถ้านักลงทุนมาลงทุนเพื่อจะเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาสังคมโลกในทุกๆ วันนี้ เพราะเราจะได้ทั้งเรื่องการแก้ปัญหาและโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี นั่นเลยเป็นที่มาของการจัดตั้งกองทุน K-CHANGE ขึ้นมาเพื่อให้คนสามารถมามีส่วนร่วมกับเรื่องราวเหล่านี้ได้”

แต่คำถามที่ว่าเงินของเราสามารถถูกแปรเปลี่ยนเป็นอะไรได้บ้าง

คำตอบนั้นซ่อนอยู่ในภารกิจของบริษัทที่เรากำลังจะกล่าวต่อไป

สะพานของคนตัวเล็กสู่การเปลี่ยนแปลงในภาพใหญ่

กองทุน K-CHANGE กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำไว้เพียง 500 บาท

ซึ่งเงินจำนวนนี้จะนำไปต่อยอดทางด้านการลงทุนที่มีโอกาสเติบโตสูงไปพร้อมๆ กับหลายบริษัทที่มีนโยบายการสร้าง  postive impact แก่สังคม ราวกับเราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น

ยกตัวอย่างเช่น บริษัท Kroton ประเทศบราซิล บริษัทที่วางเครือข่ายด้านการศึกษาทางไกลให้กับนักเรียนในประเทศบราซิล รวมถึงการให้ทุนกับนักเรียนที่ยากไร้ในวิทยาเขตห่างไกล ผลกระทบคืออัตราความสำเร็จทางการศึกษาของประเทศบราซิลนั้นเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

บริษัท Ecolab ประเทศสหรัฐอเมริกา บริษัทกำจัดน้ำเสียที่ให้บริการครอบคลุมทั้งระบบกำจัดน้ำเสีย การทำความสะอาด และการฆ่าเชื้อให้ถูกสุขอนามัย ในปีที่ผ่านมี Ecolab บริการลูกค้ามากกว่า 3 ล้านคนทั่วโลก และสามารถลดการใช้น้ำลงได้ถึง 647 พันล้านลิตรและลดการปล่อยขยะได้มากกว่า 2o,ooo ตัน

บริษัท Dexcom ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ผลิตระบบที่ใช้ในการควบคุมระดับน้ำตาลกลูโคสสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ในแต่ละปี Dexcom จะช่วยผู้ป่วยโรคเบาหวานซึ่งเป็นโรคที่มีประชากรโลกเป็นมากที่สุดได้มากกว่า 270,000 ราย

และธนาคาร Rakyat ธนาคารของประเทศอินโดนีเซียที่มีนโยบายปล่อยเงินกู้และบริการระบบการเงินให้กับประชาชนที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถเข้าถึงความสะดวกนี้ได้ ผลคือประเทศอินโดนีเซียมีสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดลงเหลือเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น

“เอาจริงๆ ถามว่านักลงทุนทุกวันนี้คิดเรื่องช่วยโลกไหม ผมเชื่อว่าทุกคนอยากช่วย เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าการบริจาคเงินในบางครั้งมันช่วยคนได้จริงหรือเปล่า มันก่อให้เกิดผลในวงกว้างมากน้อยแค่ไหน” กิตติคุณอธิบายกับเราถึงความเป็นมาก่อนหน้า ก่อนที่จะเสริมข้อดีของกองทุน K-CHANGE ให้เราได้รู้

“เรามองว่า K-CHANGE เหมือนเป็นสะพาน ซึ่งนอกจากเป็นสะพานให้นักลงทุนรายใหญ่ๆ แล้วกองทุนนี้ก็เป็นสะพานให้คนตัวเล็กๆ ที่มีเงินลงทุนไม่มากให้ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสนับสนุนให้บริษัทสร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้างได้ วงเงินที่วางในบริษัทเหล่านี้จะถูกต่อยอด ที่สำคัญคือบริษัทก็ต้องส่งรายงานผลการดำเนินงานให้กับกองทุนทุกๆ ปี สิ่งนี้เป็นเหมือนเครื่องยืนยันว่าเงินที่เราลงทุนไปจะถูกนำไปใช้ประโยชน์จริงๆ” 

 

เพราะเราอยู่บนบ้านหลังเดียวกัน

 “ถ้าเราถอยหลังออกมาไกลกว่านั้น เราจะเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นทั้งในโลกของความเป็นจริงที่สอดคล้องกับโลกธุรกิจ” กิตติคุณ สรุปใจความสำคัญและความตั้งใจของ K-CHANGE ให้เราฟัง

“ก่อนหน้านี้ที่โลกยังไม่ได้มีปัญหา ไม่แปลกที่ทุกคนจะคิดแต่เรื่องสร้างผลกำไร แต่พอเวลาผ่านไป ปัญหาทุกอย่างถูกสั่งสมมา ปัจจุบันบริษัทเกิดใหม่หรือบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างคิดนวัตกรรมที่จะแก้ปัญหาของโลกนี้ สิ่งที่ตามมาคือทั้งหมดเกิดเป็นคุณค่า เป็นราคาและเป็นเทรนด์ในการทำธุรกิจของทุกวันนี้ ดังนั้นการลงทุนเพื่อร่วมสนับสนุนบริษัทที่มีพันธกิจหลักเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าว่ากันตามจริงก็มีโอกาสจะเป็นกำไร เลยกลายเป็นคำใหม่ที่เรียกว่า impact investing หรือการลงทุนที่สร้างผลในเชิงบวก และนั่นคือสิ่งที่เราตั้งใจไว้”

ไม่แปลกที่ในมายาคติของใครหลายคน เรื่องเงินๆ ทองๆ กับการทำเพื่อส่วนรวมและสังคมดูจะเป็นเส้นทางที่มักไม่ค่อยมาบรรจบกันสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยในยุคปัจจุบันที่ใครหลายคนเริ่มตื่นตัวกับปัญหาบนโลกนี้ กองทุน K-CHANGE ก็เป็นเหมือนการผสมผสานระหว่างสิ่งที่อาจดูเหมือนห่างไกลกันให้อยู่ด้วยกันได้อย่างสวยงามได้ทั้ง 2 ฝ่าย ในแง่ของสินทรัพย์ เราเห็นโอกาสที่การลงทุนของเราจะงอกงาม และในแง่ของโลกใบนี้ เราก็เห็นโอกาสที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในภาพรวม

ขอแค่มีใครสักคนที่เห็นความเป็นไปได้

ขอแค่ทุกคนลองพยายาม

ไม่แน่ว่าในอนาคต ทุกๆ อย่างที่กำลังดำเนินไปบนโลกก็อาจจะมีศักยภาพพอที่จะสนับสนุนให้โลกของเราดีขึ้นได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง รวมถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ อย่างกองทุนเองก็ตาม

หรืออย่างเช่นในขั้นต้น เราอาจเริ่มจากอะไรง่ายๆ ก็ได้ ที่ไม่ว่าใครก็ทำได้

เช่นที่ตัวเราเองก็พอ


กองทุน K-CHANGE เสนอขายครั้งแรก 30 เมษายน – 14 พฤษภาคม 2562 และเสนอขายครั้งถัดไป 28 พฤษภาคม 2562
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ bit.ly/2Y2HqtI

คำเตือน

  • การลงทุนในหุ้นต่างประเทศอาจมีราคาผันผวนตามสภาวะตลาดและค่าเงิน
  • ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
  • ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

AUTHOR

ILLUSTRATOR

พนิดา มีเดช

กราฟิกดีไซเนอร์นิตยสาร a day ผู้มักตื่นสาย แต่หลงใหลแสงแดดยามเช้า และข้าวสวยร้อนๆ