Tianjin : เมืองใหญ่ที่ผสมผสานวัฒนธรรมแสนหลากหลาย

เมื่อคิดว่าอยากไปเที่ยวที่ไหน
ประเทศจีนคงไม่ได้อยู่ในใจของใครหลายๆ คน อาจเพราะความวุ่นวายกับจำนวนคนที่มากมาย วัฒนธรรมที่แตกต่างกันเกินไป
หรือภาษาอังกฤษที่ไม่ได้ใช้อย่างแพร่หลาย จึงทำให้หลายคนกลัวและไม่กล้าไปที่ประเทศแห่งนี้

เทียนจิน
คือเมืองใหญ่อันดับสามของประเทศจีน
ตั้งอยู่ทางทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองปักกิ่ง จากเดิมที่วางแผนไว้ตอนแรกคือเราจะอยู่ปักกิ่ง
2 สัปดาห์แล้วจะแวะไปเทียนจินแค่หนึ่งคืน แต่กลายเป็นว่าเมื่อไปถึงกลับได้เจออะไรหลายๆ
อย่างและเปลี่ยนใจเป็นอยู่นานกว่าที่ตั้งใจไว้แต่แรก

เปลี่ยนใจครั้งที่หนึ่ง

Tianjin Eye ชิงช้าสวรรค์ที่สร้างอยู่บนสะพานกลางแม่น้ำจื่อหย๋า
เป็นสถานที่ที่เราตั้งใจจะมาตั้งแต่แรก แต่เมื่อไปถึงกลับต้องตกใจกับจำนวนคนที่ต่อคิวอยู่
และยิ่งไปกว่านั้นคือมีป้ายเขียนไว้บนกำแพงว่า ‘วันนี้ตั๋วขายหมดแล้ว’ ตอนนั้นเราถึงกับทำอะไรไม่ถูก อุตส่าห์มาถึงที่แล้วแต่ไม่ได้ขึ้นไปนั่งชมวิวบนชิงช้าสวรรค์ก็เหมือนมาไม่ถึงเทียนจิน
ทำให้ในวันรุ่งขึ้นระหว่างที่เตรียมตัวกลับปักกิ่ง
เลยเปลี่ยนใจว่าจะอยู่ต่ออีกสักวัน ทิ้งตั๋วรถไฟที่ซื้อไปแล้วและจองห้องพักเพิ่มเพื่อจะได้สัมผัสประสบการณ์การขึ้นชิงช้าสวรรค์ในคืนที่สอง
แต่ว่าในคืนนั้นทุกอย่างก็รีบไปหมด ต้องรีบกลับให้ทันรถไฟรอบสองทุ่มเพราะว่ารถแท็กซี่ของจีนแพงกว่ารถไฟมาก
แต่เราก็ต้องนั่งรอพระอาทิตย์ตกตอนทุ่มกว่าๆ เพื่อที่จะได้รูปถ่ายวิวพระอาทิตย์ตกดินด้วย

วันนั้นเราตัดสินใจเดินเท้าในเมืองไปเรื่อยๆ
จนถึง Tianjin Eye เพื่อจะได้ชมเมืองที่ผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตกกับจีนเข้าด้วยกัน
เป็นความรู้สึกที่แปลกเมื่อเห็นสิ่งก่อสร้างยุคใหม่และยุคเก่าของสองวัฒนธรรมมาอยู่ในจุดเดียวกัน

เราไปถึง Tianjin
Eye ตั้งแต่ห้าโมงเย็นเพื่อไปซื้อตั๋วก่อนและนั่งรอเวลาถึงหนึ่งทุ่มเพื่อให้ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตกดิน
เราจะได้อยู่บนจุดสูงสุดของชิงช้าสวรรค์พอดี เมื่อเราขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดของชิงช้า
เรารีบหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายจนในที่สุดก็ได้รูปที่ตั้งไว้
รูปที่มีวิวเเม่น้ำจื่อหย๋าไหลผ่านตัวเมืองตอนพระอาทิตย์ตกดิน
เเต่โชคไม่ค่อยเข้าข้างเราเท่าไหร่ เพราะเมฆที่หนาเกินไปทำให้พระอาทิตย์ในรูปนั้นไม่ค่อยชัด
แต่ก็ไม่เป็นไร แค่นี้ก็คุ้มค่ากับการเปลี่ยนใจครั้งแรกของเราแล้วล่ะ

เปลี่ยนใจครั้งที่สอง

ยิ่งอยู่ที่เทียนจิน เราก็ยิ่งติดใจ
อาจจะเพราะบ้านเมืองที่สวยงาม สะอาด และสงบกว่าหลายๆ ที่ในประเทศจีน เลยทำให้เราตัดสินใจว่าจะอยู่ต่ออีกหนึ่งคืน
เพราะคิดว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ทำไมไม่เที่ยวให้ครบไปเลยล่ะ เดินให้ทั่วเมืองไปเลย! เพราะส่วนตัวเราเป็นคนชอบเดินเล่น ถ่ายรูปมุมต่างๆ ในเมืองไปเรื่อยๆ อยู่เเล้ว

อย่างแม่น้ำไห่เหอซึ่งเป็นแม่น้ำต้นสายของแม่น้ำจื่อหย๋า
วิวสองข้างทางมีสิ่งก่อสร้างทั้งสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างเก่าๆ สไตล์ตะวันตก
ส่วนอีกฝั่งเป็นตึกยุคใหม่ทั่วไป ทั้งสองฝั่งอาจจะเป็นอะไรที่แตกต่างกันมาก แต่เมื่อมองออกไปมันกลับสวยน่ามองแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

สิ่งก่อสร้างโบราณในเมืองเทียนจินไม่ได้มีแค่ตึกเก่าสไตล์ตะวันตกเท่านั้น
แต่เมื่อเดินต่อไปเรื่อยๆ จะเจอถนนเส้นหนึ่งที่มีเพียงสิ่งก่อสร้างแบบจีนโบราณด้วย
ถนนเส้นนี้จะเป็นย่านสถานที่ท่องเที่ยว ถ้าเดินมาทั้งวันแล้วหิวล่ะก็ บอกเลยว่าที่นี่มีอาหารท้องถิ่นของจีนให้กินเยอะเลย
มีมุมสวยๆ ให้เราถ่ายภาพเก็บเป็นความทรงจำ หรือแม้แต่จะเดินช้อปปิ้งซื้อของกลับไปฝากเพื่อนๆ
ก็ได้เหมือนกัน

หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักเมืองเทียนจิน
หรืออาจจะเคยแค่หาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตมาบ้างแต่กลับพบว่าไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย
เลยอาจจะคิดว่าที่นี่คงไม่น่าจะมีอะไรมาก แต่เมื่อเราได้มาสัมผัสจริงๆ ถึงได้ค้นพบว่าที่นี่มีอะไรมากกว่าที่คิดเยอะ
มันคิดไม่ถึงเลยจริงๆ การมาเทียนจินครั้งนี้ของเราอาจจะมั่วๆ
หน่อย คิดอยากอยู่ต่อก็อยู่ ไม่เป็นไปตามที่แผนการแต่แรก
จะว่าไปก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตเลยก็ว่าได้ หากใครมีโอกาสก็ลองเปิดใจให้กับประเทศจีนดู
แล้วจะรู้ว่าที่ประเทศนี้ก็มีดีไม่แพ้ที่อื่นเหมือนกัน

Tainjin (天津市)

how to get there: เดินทางโดยเครื่องบินจากกรุงเทพฯ
สู่ปักกิ่ง แล้วนั่งรถไฟความเร็วสูง ใช้เวลาประมาณ 35 – 50 นาที


map

ใครอยากส่งเรื่องที่น่าเที่ยวมาลงเว็บไซต์ a day online คลิกที่นี่เลย

AUTHOR