ศาสตร์ของพฤติกรรมที่ตอบว่าเราจะพัฒนาศักยภาพตัวเองให้เป็น ‘ที่สุด’ ให้ดีได้ยังไง

โลกยุคปัจจุบันเรียกร้องให้คนเราต้องมีทักษะหลากหลายมากขึ้น ข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ เสิร์ฟผ่านอินเทอร์เน็ตถึงเราได้ทุกวันและทั้งวัน พร้อมกับเรื่องราวแรงบันดาลใจของคนมากมายจากทั่วมุมโลกที่ประสบความสำเร็จเร็วขึ้นเรื่อยๆ

เปล่าเลย เราไม่ได้จะบอกว่าคุณต้องออกไปใช้ชีวิตให้เต็มที่ หาตัวเองและเจอ และลงมือทำตั้งแต่เดี๋ยวนี้เพื่อจะได้ประสบความสำเร็จไวๆ แต่ลึกลงไปใต้คำว่าประสบความสำเร็จ เราพบว่ากุญแจสำคัญดอกหนึ่งที่ทำให้คนเราคว้าสิ่งนี้มาได้ในมือคือทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองตลอดเวลา

ทุกวันนี้ องค์กรใหญ่ๆ ต่างรู้ดีว่าคนที่มีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้คือทรัพยากรสำคัญที่ต่อให้ AI หรือ machine learning เก่งขนาดไหนก็ไม่สามารถทดแทนได้ ทักษะหลากหลาย ความสามารถในการปรับตัว ไม่ยึดติดกับชุดความรู้เดิมๆ ที่พาลจะเป็นเรื่องเก่าได้ในทุกวินาที เหตุผลเหล่านี้ขับเคลื่อนให้คนรุ่นใหม่ต้องพาตัวเองก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซน ออกไปเรียนรู้สิ่งต่างๆ และพัฒนาไปสู่การเป็น ‘ที่สุด’ ที่ไม่ได้หยุดอยู่แค่ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านอีกต่อไป

แน่นอนว่าการเรียนรู้สิ่งใหม่เป็นเรื่องยาก ยิ่งเมื่อเรามีอายุมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งมีข้อจำกัดที่ทำให้ไม่กล้าทำสิ่งใหม่ๆ จะด้วยเงื่อนไขของเวลา หรือแม้แต่ทัศนคติเดิมๆ เช่น กลัวการเปลี่ยนแปลง ความผิดพลาด ก็ตาม

Bradley R. Staats ศาสตราจารย์จาก University of North Carolina Kenan-Flagler Business School ได้สรุปถึงหลักการทางพฤติกรรมศาสตร์ที่ช่วยให้คนรุ่นใหม่มีทัศนคติต่อการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองไว้ในผลงานหนังสือเล่มล่าสุด Never Stop Learning: Stay Relevant, Reinvent Yourself, and Thrive ที่เราคิดว่าน่าสนใจไม่น้อย และมีบางหัวข้อที่อยากมาบอกเล่ากัน

เรียนรู้จากความผิดพลาด

คำว่าล้มเหลวเป็นคำสาปที่หลายคนไม่กล้าก้าวเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ ที่ตัวเองไม่คุ้นเคยมาก่อน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลสนับสนุนอย่าง ‘ไม่ได้เรียนจบมาทางนี้’ ‘มีคนอื่นที่ทำได้ดีกว่าฉัน’ หรือ ‘ฉันกลัวว่าถ้าล้มเหลวแล้วจะเสียหน้า เสียชื่อเสียง’ แต่ Staats บอกว่าการที่ใครคนหนึ่งจะประสบความสำเร็จได้ จำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะทดลอง และหากผิดพลาด ก็ยังสามารถเรียนรู้จากความล้มเหลวนั้นได้เช่นกัน แม้ว่าช่วงเริ่มต้นเราอาจเจออุปสรรคที่ทำให้ไม่มั่นใจหรือเสียหน้า แต่การที่ไม่เคยก้าวออกมาทำอะไรเลยนั้นน่าอายและน่าเสียดายยิ่งกว่า

จงจำไว้ว่า ความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์เราอยู่แล้ว

อย่าสนใจที่ผลลัพธ์ แต่จงสนใจกระบวนการเรียนรู้

เป็นธรรมดาที่เวลาเราตั้งใจทำอะไร เรามักจะมองไปถึงผลลัพธ์สวยหรูที่คาดหวังไว้ก่อนแล้ว แต่ Staats กล่าวว่าการคิดเช่นนี้เรียกว่า outcome bias ย่อมส่งผลไม่ดีเท่าไหร่ต่อการเรียนรู้ สิ่งที่เราควรโฟกัสคือกระบวนการที่จะพาเราไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้โดยประเมินผลลัพธ์จากศักยภาพที่เรามีและเป็นจริงๆ

ถ้าระหว่างทางที่เราค่อยๆ พัฒนาตัวเองนั้นน่าพอใจ ผลลัพธ์ย่อมออกมาดีแน่นอน

เป็นตัวเอง และจริงใจกับตัวเอง

การเรียนรู้คือการพัฒนาศักยภาพในตัวเรา มนุษย์แต่ละคนย่อมมีความสามารถที่แตกต่างกัน การเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นว่าทำไมเราทำสิ่งนี้ได้ไม่ดีเท่าคนอื่นยิ่งจะทำให้เรามีทัศนคติต่อการเรียนรู้ในแง่ลบ การค้นหาว่าเรามีจุดแข็งอะไร พร้อมกับยอมรับในจุดด้อยของตัวเอง เข้าใจตัวเองว่าเราอยากเรียนรู้สิ่งนี้เพื่อพัฒนาศักยภาพของเราให้ดีกว่าเดิม และเชื่อมั่น จะทำให้เรามีมุมมองที่ดีต่อการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มากขึ้น เพราะสิ่งที่เราทำจากความเชื่อ ย่อมส่งผลให้เราเป็นตัวเองที่ดีขึ้น

การปฏิบัติกับคนอื่นเป็นพาร์ตเนอร์ที่จะร่วมเรียนรู้และแลกเปลี่ยนไปด้วยกัน คือเทคนิคอีกข้อที่ Staats บอกไว้เช่นกัน

การพัฒนาตัวเองและไม่หยุดเรียนรู้ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นไหน เพื่อให้เราเป็น ‘ที่สุด’ ที่เราอยากบอกกับทุกคน เลยไม่ได้หมายถึงแค่การปรับตัวเองให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่คือการพัฒนาเพื่อจะเป็นตัวเองที่ดีกว่าเดิม ทั้งความสามารถ และความสัมพันธ์ต่อคนรอบข้างที่มาจากการรู้จักตัวเองและอยู่ร่วมกับผู้อื่นด้วยความเข้าใจ

ฟังดูการพัฒนาตัวเองให้เป็น ‘ที่สุด’ จะเป็นเรื่องยากและนามธรรมจับต้องไม่ได้ แต่การเลือกพาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้ตลอดเวลา ในสถานที่ที่เป็นที่สุด อย่าง ‘Life Asoke Hype’ คอนโดมิเนียมแนวคิดใหม่ที่ผสานทุกไลฟ์สไตล์ ทุกตัวตนของคนรุ่นใหม่ที่แตกต่างให้ลงตัว เพื่อความเป็นที่สุดของชีวิต ก็น่าจะมีส่วนช่วยได้ไม่มากก็น้อยเหมือนกัน

ลืมภาพพื้นที่ส่วนกลางของคอนโดมิเนียมเดิมๆ ที่มีแค่โต๊ะเล็กๆ กับโซฟาให้นั่งพักทิ้งไป เพราะที่ ‘Life Asoke Hype’ ออกแบบ Co-Working Business Lounge ให้เป็นพื้นที่สำหรับทุกคนที่อยากพัฒนาตัวเองและเรียนรู้ตลอดเวลา มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างทีวี โปรเจกเตอร์ ครบครัน สามารถจองห้องประชุมส่วนตัวได้ง่ายๆ ผ่าน AP Application แถมยังมี Smart Innovation สำหรับควบคุมการเปิด-ปิดไฟ เสียง และโปรเจกเตอร์ได้อัตโนมัติ รวมไปถึงการแยกพื้นที่ Electric Lobby เฉพาะผู้พักอาศัยให้เป็นส่วนตัว เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับการพักผ่อนที่ไม่ปะปนกับแขกจากภายนอก

นอกจากพื้นที่เพื่อพัฒนาการเรียนรู้แล้ว ยังมี The Circle Running Garden ลู่วิ่งออกกำลังกายกลางแจ้งที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้สีเขียว รองรับกิจกรรมนันทนาการได้ทุกรูปแบบ Hover Bay สระว่ายน้ำที่ยกตัวสระขึ้นสูงจากพื้นเพื่อความเป็นส่วนตัวอีกระดับ รวมถึงไฮไลต์อย่าง Rooftop Facilities บนชั้น 40 ดาดฟ้าพื้นที่กว่า 2,700 ตารางเมตรที่ตอบทุกความต้องการของคนเมือง ทั้งระเบียงสำหรับชมท้องฟ้ายามค่ำคืนสุดหรูหรา สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สำหรับการพักผ่อนหลังจากการพัฒนาตัวเองให้เป็นที่สุด

 

หากใครพร้อมแล้วที่จะพัฒนาศักยภาพของตัวเองให้เป็นที่สุดสำหรับทุกๆ ด้านในชีวิต ‘LIFE ASOKE HYPE’ คอนโดมิเนียมแนวคิดใหม่ผสานที่สุดของทุกไลฟ์สไตล์ ทำเลใจกลางเมืองอโศกพระราม 9 เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าทั้ง MRT และ AIRPORT LINK เริ่ม 2.89 ล้าน* ลงทะเบียนและ Online Booking รับส่วนลดก่อนใครในวันที่ 2 ตุลาคมนี้ ที่ https://bit.ly/2CF1rR7 และ Pre-Sale ที่สำนักงานขายวันที่ 6-7 ตุลาคมนี้ รับส่วนลดสูงสุด 300,000 บาท และส่วนลดพิเศษอื่นๆ สำหรับผู้ที่จองในวัน Pre-Sale เท่านั้น

อ้างอิง

https://bradley-staats.squarespace.com/book/never-stop-learning

https://www.forbes.com/sites/rodgerdeanduncan/2018/06/04/want-to-stay-relevant-never-stop-learning/#5c24131d7180

https://www.linkedin.com/pulse/never-stop-learning-growing-you-owe-yourself-louis-salguero

https://www.independent.co.uk/news/uk/this-generation-wants-more-everything-study-finds-10368180.html

AUTHOR

ILLUSTRATOR

พนิดา มีเดช

กราฟิกดีไซเนอร์นิตยสาร a day ผู้มักตื่นสาย แต่หลงใหลแสงแดดยามเช้า และข้าวสวยร้อนๆ