ตามไปดม ‘Imperfect’ นิทรรศการภาพประกอบกลิ่นที่เฟรนด์ลี่กับทุกความไม่สมบูรณ์แบบ

Highlights

  • Imperfect คือนิทรรศการภาพสีน้ำมันของ มิ้งค์–วลัญชรัตน์ ละเอียดศิลป์ เล่าเรื่องราวของหญิงสาวที่ไม่สมบูรณ์แบบ ในขณะเดียวกัน พวกเธอก็มีความแข็งแกร่ง มั่นใจ และตระหนักถึงคุณค่าของตัวเอง
  • แรงบันดาลใจของการทำนิทรรศการนี้มาจากการที่มิ้งค์เคยสอนศิลปะให้กับเด็กผู้พิการทางสายตา เธอจึงอยากทำงานที่เปิดโอกาสให้ทั้งคนทั่วไปและผู้พิการทางสายตาได้เสพไปพร้อมกัน
  • ก่อให้เกิดภาพวาดสีน้ำมันที่จับต้องและดมกลิ่นได้ ซึ่งสามารถเล่าเรื่องได้เข้มข้นไม่ต่างไปจากการมองเห็นเลย

ว่ากันว่าศิลปะไม่มีถูกผิด การเสพงานศิลปะนั้นนอกจากต้องเปิดตาให้กว้างเพื่อไล่ดูรายละเอียดที่ศิลปินอาจซ่อนอยู่ เรายังต้องเปิดใจยอมรับว่าการตีความนั้นไม่มีขอบเขต และความสวยงามคือเรื่องปัจเจก ขึ้นอยู่กับการมองของแต่ละคน

แต่การมองเห็นไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อนิทรรศการที่เรามาวันนี้ ความรู้สึกว่าสวยงามจากการดูไม่ได้พาเรามาที่นี่ เพราะ Imperfect คือนิทรรศการภาพวาดสีน้ำมันที่เปิดโอกาสให้ทั้งคนทั่วไปและผู้พิการทางสายตาเข้ามาเสพงานศิลปะได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะด้วยการมอง สัมผัสด้วยมือ หรือดมกลิ่น

อันที่จริง ‘กลิ่น’ นั่นแหละที่พาเรามา สำหรับเรา การเสพศิลปะด้วยวิธีนี้คือเรื่องใหม่ และแอบสงสัยว่า ‘กลิ่น’ จะพาเราไปได้ไกลแค่ไหน

นั่นคือสาเหตุที่เราหลับตา และปล่อยให้ มิ้งค์–วลัญชรัตน์ ละเอียดศิลป์ เจ้าของนิทรรศการนี้พาไปดม

หายใจเข้าครั้งแรก เรารู้สึกเหมือนกำลังดมกลิ่นผ้าสะอาด ก่อนจะมีกลิ่นเปรี้ยวๆ ซ่าๆ จี๊ดขึ้นมา

เมื่อเปิดตา เราก็พบกับ Summer ผู้หญิงใส่ผ้าคลุมหน้าที่ดูไม่สนใจโลก ถัดออกไปไม่ไกล เราลองปิดตาและเปิดจมูกดมอีกครั้ง ได้กลิ่นคล้ายผ้าสะอาดเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือกลิ่นดอกไม้ที่ฟุ้งขึ้นมา

คราวนี้มิ้งค์ห้ามเราก่อนเฉลยตัวเองด้วยการเปิดตา พร้อมจับมือเราไปสัมผัสกับเทกซ์เจอร์บนภาพที่นูนขึ้นมาเป็นบางส่วน

“พอจินตนาการออกไหมคะ” เธอถาม เราตอบตามตรงอย่างมือใหม่ว่าไม่เห็นภาพเท่าไหร่ มิ้งค์จึงจูงเราไปสัมผัสกับกระดาษใบเล็กๆ ที่ติดอยู่ข้างผืนผ้าใบ เธอบอกว่ากระดาษแผ่นนั้นจำลองรูปทรงของแบบในภาพจริง

เส้นผมผู้หญิง ผ้าพลิ้ว เธอกำลังยืนกอดอะไรสักอย่างอยู่ อาจเป็นช่อดอกไม้ เราจินตนาการประกอบกับกลิ่นเมื่อครู่

เมื่อเปิดตา เราเห็นภาพของผู้หญิงชุดขาวผู้ยืนหอบบางอย่างเอาไว้อย่างรักใคร่ท่ามกลางท้องฟ้าสีม่วงสดใส ชื่อภาพว่า My Beloved Jin

“เราหลงใหลในความไม่สมบูรณ์แบบ” มิ้งค์เกริ่นคอนเซปต์ของนิทรรศการให้เราฟัง “เรารู้สึกว่าความไม่สมบูรณ์แบบนั้นคาดเดาไม่ได้ ช่วงเราเริ่มทำนิทรรศการเราพยายามหาว่าอะไรคือคอนเซปต์ที่ใช่กับเราที่สุด แล้วไปเจอคำว่า Imperfect เลยเกิดแรงบันดาลใจว่าอยากทำนิทรรศการเกี่ยวกับความสมบูรณ์แบบในความไม่สมบูรณ์แบบ

“เมื่อเรารู้ว่าอะไรที่ไม่สมบูรณ์แบบ เราพยายามจะหาข้อดีในสิ่งนั้น ใส่ใจในรายละเอียดของมัน มองเห็นคุณค่าและความสวยงามในแบบที่มันเป็น”

คอนเซปต์นี้ถูกถ่ายทอดเป็นงานภาพวาดสีน้ำมัน ว่าด้วยเรื่องราวของผู้หญิงที่ไม่ได้สวยแบบกระแสนิยม มีความไม่สมบูรณ์แบบบางอย่างอยู่ในตัว แต่ในขณะเดียวกัน พวกเธอเหล่านั้นก็มีอินเนอร์ของความแข็งแกร่ง มั่นใจ มีความเฟียร์ซที่ไม่เหมือนใคร และเป็นตัวของตัวเองอย่างยิ่ง

แรงบันดาลใจอีกข้อหนึ่งของมิ้งค์ได้มาจากการที่เธอเคยสอนศิลปะให้ผู้พิการทางสายตา

เธอเท้าความว่าก่อนหน้านั้นเธอเคยเป็นหนึ่งในศิลปินอาสาสมัครโครงการ The Nose Thailand โครงการที่ริเริ่มจากความร่วมมือของ ชลิดา คุณาลัย นักออกแบบกลิ่น, พรไพลิน ตันเจริญ นักศิลปะบำบัด และ กฤษณ์ สงวนปิยะพันธ์ คนทำละครเวทีฝีมือดี ที่ช่วยกันปลุกปั้นโปรเจกต์ให้ผู้พิการทางสายตากับคนปกติได้มาทำงานศิลปะร่วมกัน โดยมีจุดประสงค์ในการจัดแสดงงานเพื่อระดมทุนมาสร้างสรรค์ ‘สีแบบมีกลิ่น’ ให้ผู้พิการทางสายตาได้ใช้ทำงานศิลปะ

สีแบบมีกลิ่นนี้ถูกใช้ต่อยอดกับการสอนศิลปะให้เด็กผู้พิการทางสายตาในโรงเรียนแห่งหนึ่ง โดยมิ้งค์และทีมจาก The Nose เป็นอาสาสมัคร “เราทำมา 5 สี คือเหลือง แดง น้ำเงิน ขาว กับดำ ตอนแรกเด็กก็กลัวนะ เพราะเขาไม่รู้ว่าสีอะไร เราก็บอกให้เขาค่อยๆ ดม

“อันนี้กลิ่นเหมือนเยลลี่ ให้อารมณ์สว่างสดใสเหมือนตอนเช้า เขาก็จะรู้ว่าเป็นสีเหลือง สีต่อมามีความฉุน ร้อนเหมือนตอนกลางวัน นั่นคือสีแดง แล้วตอนเย็นดมแล้วรู้สึกทะมึนๆ คือสีน้ำเงิน สีดำดมแล้วขม สุดท้ายคือสีขาวที่ดมแล้วให้ความรู้สึกนุ่มเหมือนสำลี”

มิ้งค์เรียนรู้ไอเดียเรื่องอารมณ์จากการดมกลิ่นจากโครงการนี้ และต่อยอดมาสู่การทำงานศิลปะของตัวเอง

แต่กับ Imperfect เธอไม่สามารถใช้สีแบบมีกลิ่นได้เพราะเนื้อเหลวเกินไป มิ้งค์จึงเลือกใช้สีน้ำมันที่ติดทน ทั้งยังสามารถสร้างเทกซ์เจอร์บนรูป ทำให้เกิดความขรุขระของงานได้ จากนั้นก็ปรับการใส่กลิ่นด้วยการผสมน้ำหอมซึ่งให้อารมณ์แตกต่างกัน แล้วจึงฉีดลงไปให้เข้ากับอารมณ์ในแต่ละภาพ

อย่าง Summer ที่เราเคยได้กลิ่นเปรี้ยวซ่า สื่อถึงความมั่นใจ และไม่แคร์ใครของเธอ ในขณะที่ภาพของผู้หญิงถือดอกไม้ หรือมีพื้นหลังเป็นดอกไม้ มิ้งค์ก็จะเลือกใช้กลิ่น floral หอมฟุ้ง ดมแล้วรู้สึกหวานกึ่งลึกลับ

นอกจากนี้ คำว่า Imperfect ยังพ้องกับชื่อหัวน้ำหอมกลิ่นที่เธอใช้กับทุกภาพ เป็นกลิ่นไม่หอมจัดและไม่เหม็นจัด ราวกับตรงกลางระหว่างความสมบูรณ์แบบและไม่สมบูรณ์แบบ

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ มิ้งค์ทำขึ้นเพื่อจุดประสงค์เดียวเท่านั้น คือการเปิดโอกาสให้ผู้พิการทางสายตาและคนปกติเสพงานร่วมกันได้

“ตอนเราทำ เราก็ปรึกษาพี่อะมีนา (อะมีนา ทรงศิริ) พี่ผู้พิการทางสายตาที่ให้คำแนะนำในโปรเจกต์ The Nose ตลอด เทกซ์เจอร์ควรนูนแค่ไหน ถ้าสัมผัสภาพแล้วยังไม่รู้เรื่อง ควรทำอักษรเบรลล์หรือเปล่า เขาก็บอกว่าทำเป็นเอาต์ไลน์รูปเลยดีกว่า ทำเสร็จแล้วเราก็ลองให้เขาสัมผัสดู

“ความจริงแล้ว สิ่งที่เราอยากจะสื่อก็คือ พี่ๆ น้องๆ ผู้พิการทางสายตาเขาก็อยากเสพงานเหมือนคนปกตินั่นแหละ แต่คนปกติกลัวว่าเขาเสพงานไม่ได้ เราก็ต้องหาจุดกึ่งกลางอย่างการสัมผัสและการดมกลิ่นเพื่อเชื่อมเรากับเขาในงานศิลปะเข้าหากัน

“เราอยากทำให้พี่ๆ ผู้พิการทางสายตาเห็นว่า นี่คือศิลปะอีกแบบหนึ่งที่ศิลปินไม่หวงงาน จับได้ ดมได้ อีกอย่างคือเราอยากให้คนปกติที่มาเสพงานเข้าใจว่าผู้พิการทางสายตาเสพศิลปะอย่างไร  และถ้าเป็นไปได้ เราก็อยากเห็นงานลักษณะนี้ในอนาคตเพิ่มมากขึ้น อยากให้มีตัวช่วยอย่างอื่นกับพวกเขา เช่น หูฟังที่บันทึกคำบรรยายงานศิลปะ เพราะจริงๆ ยังมีผู้พิการทางสายตาที่ชอบเสพ ใส่ใจ และทำงานศิลปะอยู่อีกเยอะเลย”


นิทรรศการ Imperfect จัดแสดงที่ Kalwit Studio and Gallery (ร่วมฤดี ซอย 2) จนถึงวันที่ 25 ตุลาคมนี้ เวลา 10:00-18:00 น.

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ดวงสุดา กิตติวัฒนานนท์

ช่างภาพนิตยสาร a day ผู้ชอบกินอาหารที่ถ่าย