ก่อนดูซีรีส์เรื่อง Hospital Playlist หากเปิดเรื่องย่ออ่านเราจะได้คำอธิบายประมาณนี้
Hospital Playlist คือซีรีส์เล่าเรื่องราวของแพทย์ พยาบาล และผู้ป่วยในโรงพยาบาล – นักเรียนแพทย์ 5 คนเข้าเรียนในโรงเรียนแพทย์พร้อมกันในปี 1999 ปัจจุบันพวกเขายังเป็นเพื่อนกันและทำงานในโรงพยาบาลเดียวกัน
แต่ทันทีที่ episode แรกจบลงเราก็รู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่ซีรีส์ที่นำหน้าด้วยเรื่องหมอและความเจ็บไข้ได้ป่วยเพียงอย่างเดียวแต่ว่าด้วยความสัมพันธ์ของเพื่อนซึ่ง (บังเอิญ) เป็นหมอก็เท่านั้น
กลางดึกคืนหนึ่งของปี 1999 นักเรียนแพทย์ปี 1 ห้าคนแอบหนีงานรับน้องแสนเอะอะมาบังเอิญเจอกันในห้องเก็บของ และใครจะไปรู้ว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของมิตรภาพที่มั่นคงและแข็งแรงใน 20 ปีข้างหน้า
จากคืนรับน้อง ผู้กำกับกดปุ่ม fast forward มายังปี 2019 หลังจากแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตและทำงานในต่างที่ อาจารย์หมอทั้ง 5 กลับมารวมตัวอีกครั้งที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย Yulje
ที่นี่เอง ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ดำเนินต่อให้เราได้เห็น ได้หัวเราะ ร้องไห้ อบอุ่นหัวใจ และเอาใจช่วยตลอด 1 ซีซั่นที่ผ่านมา
นอกจากความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน 5 คน Hospital Playlist ยังเล่าชีวิตการงานของหมอไปจนถึงชีวิตของเพื่อนร่วมตำแหน่งอื่นๆ อย่างละเอียดลออ ตั้งแต่เคสผ่าตัดด่วนที่อันตรายถึงชีวิต ความหนักหนาสาหัสของการเป็นแพทย์ประจำบ้าน อาจารย์แพทย์ที่ดีแต่พูด การทำงานร่วมกันของทีมแพทย์หลายแผนก แพทย์ที่โดนเพื่อนด้วยกันเอาเปรียบ ไปจนถึงเรื่องรักๆ ของนักศึกษาในโรงพยาบาล รวมๆ แล้วตัวละครทั้งหมดนั้นเยอะจนแม้กระทั่งคนเขียนบทยังต้องตั้งชื่อแพทย์แต่ละแผนกตามชื่อนักกีฬาในทีมเบสบอลต่างๆ เพื่อให้จำชื่อได้
ถึงอย่างนั้น ขอให้คุณลืมซีรีส์ดราม่าการแพทย์เครียดเข้มที่เคยดูไปก่อน เพราะเรื่องราวในซีรีส์เล่าแบบง่ายๆ เป็น slice of life ไร้เส้นเรื่องหลักอันหวือหวาซับซ้อน และมีหัวใจอยู่ที่ความสัมพันธ์ของหมอ 5 คนที่พูดถึงความหมายของคำว่าเพื่อนอย่างลึกซึ้งและอบอุ่นหัวใจ
เพื่อนร่วมงาน / เพื่อนร่วมวง
Hospital Playlist ประกอบด้วยสองคำ หนึ่ง คือโรงพยาบาลและสอง คือเพลย์ลิสต์ซึ่งสื่อถึงดนตรี สององค์ประกอบที่เรียบง่ายแต่แสนสำคัญ
แก๊งเพื่อนทั้ง 5 หรือที่เพื่อนร่วมรุ่นตั้งฉายาให้ว่า ‘เจ้าพวกชมรมตลก’ ประกอบไปด้วย Lee Ik-Jun ศัลยแพทย์ทั่วไปผู้เชี่ยวชาญเรื่องการผ่าตัดตับและทางเดินน้ำดีและการเล่นตลก, Kim Jun-Wan ศัลยแพทย์ทรวงอกปากร้ายใจดี, Ahn Jeong-Won กุมารศัลยแพทย์ผู้รักเด็กสุดหัวใจและมีความฝันสูงสุดคือการเป็นบาทหลวง, Yang Seok-Hyung แพทย์ด้านสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยาผู้นุ่มนิ่มเหมือนพ่อหมี และ Chae Song-Hwa ประสาทศัลยแพทย์และหญิงสาวคนเดียวของกลุ่ม
ที่โรงพยาบาล พวกเขาคืออาจารย์หมอวัย 40 ผู้เก่งกาจ มีไหวพริบ เป็นที่เคารพของหมอ พยาบาล ไปจนถึงคนไข้ เราจึงได้เห็นฉากการรักษาและผ่าตัดเคสหลากหลายตั้งแต่ตับ หัวใจ ไปจนแม่ท้องแก่ที่รกลอกตัวจนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตของแม่และลูก การตัดสินใจบนเส้นความเป็นและความตาย วิธีคุยกับคนไข้อย่างใส่ใจ การเป็นอาจารย์หมอที่ดี (และที่ไม่ดี) สอดแทรกด้วยความรู้ทางการแพทย์ จริยธรรม และการแก้ไขความเข้าใจผิดๆ ให้คนดูแบบเนียนๆ เช่น อย่าได้เชื่อกูเกิลมากกว่าหมอ (!)
แต่เมื่อไหร่ที่ทั้งแก๊งรวมตัวกันที่ห้องใต้ดินของหมอซอกฮยอง เมื่อนั้นพวกเขาไม่ได้สวมบทบาทหมออีกต่อไป แต่เป็นเพื่อนร่วมวงสมัยเรียนที่กลับมาเล่นดนตรีอีกครั้งหลังย้ายมาอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน ในฟากฝั่งของดนตรีเราจึงได้ฟังเพลย์ลิสต์เปี่ยมความหมายที่ล้อไปกับเรื่องราวชีวิตของเพื่อนทั้ง 5 ในแต่ละตอน
จริงอยู่ที่ไม่มีใครในกลุ่มเป็นนักดนตรีมืออาชีพ การซ้อมดนตรีแต่ละครั้งจึงไม่ได้พิเศษด้วยเสียงร้องทรงพลังหรือท่อนโซโล่สุดพลิ้ว (ต่อให้ Jo Jung-suk ผู้รับบทอีอิกจุนและ Jeon Mi-do ที่รับบทแชซงฮวาจะร้องเพลงเพราะจนได้ร้อง OST.ของเรื่องก็เถอะ) แต่กลับทำให้คนดูอย่างเราใจพองฟูเพราะแค่ได้เล่นดนตรีด้วยกัน พวกเขาก็ดูจะมีความสุขและผ่อนคลาย สมความตั้งใจของผู้กำกับ Shin Won-Ho ที่เคยสร้างซีรีส์อบอุ่นหัวใจตระกูล Reply และเรื่อง Prison Playbook ซึ่งบอกว่าเขาใช้ฉากเล่นดนตรีเล่าถึงความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่น ทั้งยังเป็นวิธีนำเพลงเก่าๆ ที่ผู้กำกับชื่นชอบกลับมาใช้ได้อย่างมีชั้นเชิง
เพื่อนต่างเพศ
“ผู้หญิงคนเดียวและผู้นำทางจิตวิญญาณของกลุ่ม” คือคำอธิบายที่ ‘หมอบง’ เพื่อนหมอร่วมรุ่นนิยามแชซงฮวา หญิงสาวคนเดียวในแก๊งชมรมตลกแห่งโรงพยาบาลยุลเจ
สถานะผู้หญิงสวย เก่ง และนิสัยดีท่ามกลางกลุ่มเพื่อนชายหนุ่มทำให้หลายคนตั้งคำถามกับความสัมพันธ์ระหว่างเพศตรงข้าม บางคนเก็บความสงสัยไว้ในใจ ในขณะที่บางคนก็ใจกล้าพอที่จะถามตรงๆ
“นายชอบซงฮวาเหรอไง” หมอหนุ่ม อดีตแฟนของซงฮวาถามจุนวานอย่างหาเรื่อง
“นายไม่มีเพื่อนใช่ไหม”
“มีสิ มีอยู่แล้ว แต่นี่ชายหญิงไม่แปลกหรือไง”
“นายนี่มันคร่ำครึเหลือทน”
คำตอบของจุนวานคล้ายจะเป็นสิ่งที่ผู้กำกับและคนเขียนบทพยายามสื่อตลอดซีซั่น 1 ของ Hospital Playlist เพราะแทบทุกครั้งที่ซีรีส์ฉายภาพเจ้าพวกแก๊งตลก โดยเฉพาะฉากระหว่างอิกจุนและซงฮวา เขามักจะหย่อนฉากของตัวละครวัยเกษียณอย่าง Jung Ro-Sa แม่ของจองวอนและ Joo Jong-Soo ประธานโรงพยาบาลยุลเจลงมาอย่างจงใจ
โรซ่าและจุนซูเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กจวบจนเข้าวัยชรา เมื่อคู่ชีวิตของแต่ละคนทยอยจากไป ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ยิ่งแน่นแฟ้น จงซูไปหาโรซ่าในวันหยุด โรซ่ามาหาจงซูที่โรงพยาบาลในวันทำงาน พวกเขาขับรถให้กัน ไปเที่ยวด้วยกัน แลกเปลี่ยนความปวดหัวเรื่องลูกๆ และเปลี่ยนชีวิตวัยชราที่ราบเรียบและออกจะน่าเบื่อให้มีสีสันและเสียงหัวเราะ
ในขณะที่ความสัมพันธ์ของอิกจุนและซงฮวานั้นเต็มไปด้วยคำถามว่าพวกเขาคิดซื่อสัตย์ต่อกันจริงไหม ทั้งจากอดีตที่สับสน และปัจจุบันที่เส้นของความเป็นเพื่อนพร้อมถูกก้าวข้ามอยู่ตลอดเวลา
แต่ไม่ว่าในอนาคตความสัมพันธ์ระหว่างอิกจุน-ซงฮวา หรือจงซู-โรซ่า จะพัฒนาไปสู่จุดที่เกินเพื่อนหรือไม่ ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนที่กินเวลายาวนานหลายทศวรรษของคน 2 คู่ รวมถึงกลุ่มเพื่อนชาย-หญิงที่รายล้อมก็เป็นเหมือนการประกาศอย่างมั่นใจของผู้กำกับชินวอนโฮว่าคนต่างเพศเป็นเพื่อนกันได้ และใครก็ตามที่คิดว่าความสัมพันธ์ของเพื่อนต่างเพศเป็นเรื่องแปลกนั้นก็ช่าง “คร่ำครึเหลือทน”
เพื่อนที่เป็นครอบครัว
20 ปีคือระยะเวลาที่อิกจุน, จุนวาน, จองวอน, ซอกฮยอง และซงฮวาเป็นเพื่อนกัน แต่หากนับนิ้วดูจริงๆ ความสัมพันธ์ระหว่างบางสมาชิกในกลุ่มกลับยาวนานกว่านั้น จองวอนและซอกฮยองเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม ส่วนอิกจุนกับจุนวานเป็นเพื่อนซี้สมัยมัธยมปลายแถมยังเคยทำวงดนตรีด้วยกันมาก่อน
เมื่อบวกกับเวลา 20 ปีนับแต่สมัยมหาวิทยาลัย ไม่แปลกที่ในวัย 40 ความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงเป็นเหมือนครอบครัวกลายๆ เราเห็นพวกเขาดูแลพ่อแม่ของซอกฮยองยามเข้าโรงพยาบาลเหมือนดูแลพ่อแม่ของตัวเอง พวกเขารู้จักพี่น้องของกันและกัน (อย่างจุนวานที่รู้จักน้องสาวของอิกจุนดีสุดๆ) เข้าออกบ้านช่องของกันและกันอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่นับว่าจองวอนอาศัยอยู่บ้านของจุนวานเป็นการถาวร และในยามที่จุนวานซ่อมบ้าน ทั้งคู่ก็พากันอพยพไปนอนคอนโดของอิกจุนแบบสบายๆ
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยที่ทั้งกลุ่มไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องของกันและกันด้วยซ้ำ
ด้วยความสนิทระดับนี้ ในช่วงแรกเราคาดหวังว่าจะได้เห็นตัวละครทั้ง 5 แลกเปลี่ยนความลับและเรื่องราวชีวิตกันแบบหมดเปลือก จนเมื่อดูไปสักพักนั่นแหละที่เรารู้ว่าพวกเขาผูกพันกันด้วยบางอย่างที่ลึกซึ้งกว่านั้น กล่าวคือพวกเขาไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องในชีวิตของกันและกันในเมื่อพวกเขารู้จักกันดีในระดับอ่านใจ
ฉากหนึ่งที่น่ารักมากคือตอนที่อิกจุนทำนายว่าจองวอนจะใช้เวลา 1 นาทีเป๊ะในการเดินจากห้องพักของตัวเองมายังห้องพักของซงฮวา อีกฉากเป็นตอนที่ซงฮวารู้ว่าอิกจุนจะเล่นกาน้ำร้อนเลยร้องเตือน (แต่ก็ไม่ทัน) หรือฉากที่จองวอนไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนๆ ถึงทายถูกว่าคนไข้ของเขาอาการดีขึ้นหรือแย่ลง
ในมิติที่ลึกซึ้งกว่านั้น เมื่อจองวอนต้องเผชิญการตัดสินใจครั้งใหญ่ทำเอาคนดูลุ้นมาหลายเอพิโสด ซงฮวาผู้เป็นเพื่อนสนิทกลับรู้คำตอบโดยไม่ต้องถาม ในขณะที่คนดูอย่างเราลุ้นใจจะขาดให้เธอถามออกมาจะได้หายคาใจเสียที
เพื่อนที่เติมเต็มกันและกัน
“รวมๆ เลยก็คืออธิบายได้ด้วยคำว่า lacking fives ทุกคนขาดอะไรไปคนละอย่าง”
หมอบง เพื่อนขาเมาท์เจ้าเก่าพูดไว้แบบนี้ตอนอธิบายให้หมอคนอื่นๆ ในโรงพยาบาลรู้จักแก๊งชมรมตลก และยิ่งเรื่องราวดำเนินไปคำกล่าวนี้ก็ยิ่งเป็นจริง
เราเห็นอิกจุนที่เก่งทั้งเรื่องเรียนและเรื่องเล่นมีชีวิตคู่ที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า เห็นซอกฮยอง คุณหมอใจดีถูกคนในครอบครัวทำร้ายจิตใจครั้งแล้วครั้งเล่า เห็นจองวอน ลูกเศรษฐีผู้มีทุกอย่างต้องทุกข์ใจเมื่อต้องเลือกระหว่างอาชีพที่รักกับการเป็นบาทหลวง ความฝันอันสูงสุดตั้งแต่วัยเยาว์
แต่ที่หมอบงไม่ได้พูด (และอาจไม่รู้) คือบางนิสัยในปัจจุบันของพวกเขานั้นก่อร่างสร้างตัวมาตั้งแต่ 20 ปีก่อน
ตั้งแต่ต้นเรื่องเราก็เห็นพวกเขาตบตีทะเลาะกันแย่งของกิน โดยเฉพาะระหว่างเพื่อนคนอื่นๆ กับจุนวานและซงฮวาที่กินเร็วและกินเยอะจนใครหน้าไหนก็แย่งไม่ทัน ไม่ว่าสิ่งที่กินจะเป็นบะหมี่คัลกุกซู, ต็อกปกกี หรือหมูย่างก็ตาม
“ฉันมีพี่ชายสามคน” คือข้ออ้างสามัญของซงฮวาในขณะที่จุนวานเปลี่ยนคำให้การไปเรื่อยๆ ในขณะที่มือยังคีบอาหารเข้าปาก
กระทั่งซีรีส์ฉายให้เห็นทั้ง 5 ในวัยมหาวิทยาลัยขลุกกันซ้อมวงดนตรี ในขณะที่คนอื่นๆ ง่วนกับเครื่องดนตรีของตัวเอง จุนวานกลับหิวโซจนต้องลุกไปต้มมาม่าแต่ไม่ว่าจะต้มมากี่ครั้งก็โดนเพื่อนคนอื่นๆ แวะมาแย่งกินจนหมด ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือตั้งใจ แต่เราทึกทักเอาเองว่าที่เพื่อนๆ ต้องปวดหัวกับนิสัยกินเร็วของเขาทุกวันนี้ก็มีส่วนมาจากกรรมเวรที่พวกเขาก่อไว้เอง
เพื่อนยืนยาว
ความที่ผู้กำกับแวะเล่าเรื่องนั้นทีเรื่องนี้ทีในโรงพยาบาลทำเอาหลายคนพูดว่า Hospital Playlist แทบไม่มีเส้นเรื่องหลัก ตัวละครแต่ละตัวดำเนินชีวิตไปด้วยความเป็นธรรมชาติอย่างที่สุด แต่อาจเป็นสิ่งนี้เองที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้แตะหัวใจคนดูมากที่สุด
เมื่อไม่มีเส้นเรื่องหวือหวา ซับซ้อน เราจึงมีเวลาได้เห็นหมอแต่ละคนตั้งใจรักษาคนไข้อย่างเต็มที่ แม้กระทั่งในเวลาส่วนตัว หากมีเคสฉุกเฉินพวกเขาก็พร้อมเทการซ้อมดนตรีหรือการกินข้าวร่วมกันในรอบสัปดาห์เพื่อบึ่งกลับไปยังโรงพยาบาลและรักษาชีวิตให้ทันท่วงที เรื่องนี้เกิดขึ้นจนเป็นปกติโดยไม่มีใครโกรธใคร มีแต่ความเข้าใจและเอาใจช่วยให้คนไข้ของเพื่อนหายดี
แต่ใช่ว่าประสบการณ์และความตั้งใจจะช่วยคนไข้ได้ทุกครั้ง อย่างที่เรารู้กันดีว่าต่อให้หมอพยายามมากแค่ไหน แต่โรคและโลกก็สามารถพรากชีวิตคนไปได้แบบไม่เลือกเพศ อายุ อาชีพ หรือสัญชาติเสมอ
ใน Hospital Playlist เองก็เช่นกัน หลายครั้งที่คนไข้ที่เสียชีวิตเป็นคนหนุ่มสาวอนาคตไกล ผู้ที่ตรวจเจอโรคร้ายอาจเป็นเพียงวัยรุ่น หรือบางครั้ง เด็กที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่นานก็กลับต้องเดินทางไกล
ชีวิตนี้ช่างสั้นและไม่แน่นอน ผู้กำกับบอกเราอย่างนั้น
แต่ในช่วงเวลาเดียวกับที่หลายชีวิตเกิดขึ้นและดับลง อิกจุน, จุนวาน, จองวอน, ซอกฮยอง และซงฮวาต่างเติบโตไปมีชีวิตในเส้นทางของตัวเอง อยู่ใกล้กันบ้าง ไกลกันบ้าง กลับมารวมตัวกันได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ในเวลาที่ต้องการ เราก็เห็นว่าเพื่อนยังมีเพื่อนคอยประคองและปลอบโยนเสมอ
มันอาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับการที่พวกเขามีอาชีพที่ต้องเห็นชีวิตอันแสนสั้นอยู่บ่อยๆ ก็ได้
แต่เราขอทึกทักเอาเองว่าสิ่งที่ทำให้แก๊งชมรมตลกอยู่ด้วยกันอาจเพราะพวกเขารู้ว่ายิ่งชีวิตนั้นแสนสั้น ยิ่งควรทำมิตรภาพให้ยืนยาว