ในบทเปิดของหนังสือ The Hidden People of North Korea: Everyday Life in the Hermit Kingdom กล่าวไว้ว่า ‘เอกภาพคือพลังที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะต่อความเป็นชาติ รัฐบาล หรือพรรคการเมือง มันจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจว่าทำไมยุคสมัยของตระกูลคิมแห่งเกาหลีเหนือจึงได้ใช้เวลากว่าครึ่งศตวรรษไปกับการผนวกประชาชนเกาหลีเหนือให้รวมเป็นหนึ่งเดียว ทั้งในระดับสังคมและอุดมการณ์’
ผู้เขียนอธิบายว่า ในการจะสร้างความเป็นปึกแผ่นนี้ไม่ได้ขับเคลื่อนภายใต้สำนึกชาตินิยม หากเป็นความภักดีต่อตระกูลคิมต่างหาก ประชาชนทุกคนควรคิดเหมือนๆ กัน ศรัทธาเหมือนๆ กัน และรักผู้นำเหมือนๆ กัน
หากว่ากันตามนี้ ผมคิดว่าความน่าสนใจแรกที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนใน Crash Landing on You คือการไม่มีอยู่ของผู้นำ พูดอีกอย่างคือตัวตนของผู้นำสูญหายไปจากซีรีส์เรื่องนี้
แน่นอนครับว่าหนึ่งในสาเหตุที่ชัดเจนอยู่แล้วคือ การหลีกเลี่ยงความเปราะบางทางการเมืองระหว่างสองประเทศ แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่ผมเชื่ออยู่ลึกๆ คือการที่ตัวตนของตระกูลคิมถูกตัดออกไปเอื้อให้ซีรีส์เสนอภาพลักษณ์ชาวเกาหลีเหนือได้หลากหลายขึ้น มีเอกลักษณ์ของปัจเจกที่เด่นชัดขึ้น และไม่ได้ผูกโยงอยู่ภายใต้ศรัทธาต่อคนคนเดียว
เล่าคร่าวๆ Crash Landing on You บอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง Ri Jeong-hyeok (Hyun Bin) ผู้กองหนุ่มมาดนิ่งชาวเกาหลีเหนือผู้เคร่งครัดในหน้าที่ กับ Yoon Se-ri (Son Ye-jin) นักธุรกิจสาวชาวเกาหลีใต้ที่ประสบอุบัติเหตุระหว่างเล่นเครื่องร่อนจนร่วงหล่นมาตกในฝั่งเกาหลีเหนือ ระหว่างที่เดินตรวจตราความเรียบร้อยบริเวณชายแดนอยู่นั้น รีจองฮยอกไปพบยุนเซรีเข้าโดยบังเอิญ เพราะต่างสังกัดอยู่คนละฝั่งทั้งคู่จึงไม่ไว้ใจกันในทีแรกและมองว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรู
แต่แล้วสารพัดเหตุการณ์ก็ค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ จากที่เคยเคลือบแคลงสงสัย รีจองฮยอกยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยให้ยุนเซรีกลับบ้านอย่างปลอดภัย พร้อมๆ กับที่ตัวเขาเองก็ได้เข้าไปพัวพันอยู่ในเกมอำนาจภายในกองทัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นระหว่างรีจองฮยอก กับพันเอก Cho Cheol-gang (Oh Man-seok) ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของพี่ชายรีจองฮยอกที่ยังคงถูกปิดเงียบอย่างเป็นปริศนา
Crash Landing on You เป็นซีรีส์ที่ดูสนุกโดยพื้นฐาน ความเก่งกาจของผู้เขียนบท (Park Ji-eun ซึ่งเคยเขียนบทให้กับ My Love From The Star และ The Legend of the Blue Sea) คือการรักษาสมดุลระหว่างอารมณ์ขัน ความกดดัน และความโรแมนติก ได้อย่างมีชั้นเชิง เราจะพบว่าในแต่ละอีพีของ Crash Landing on You แม้ว่าเส้นเรื่องหลักจะตึงเครียดเพียงใด แต่ผู้เขียนจะคอยสอดแทรกจังหวะขำๆ ให้พอยิ้มได้ ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างรีจองฮยอกกับยุนเซรีอยู่เสมอ
พัคจีอึนเปิดเผยให้คนดูเห็นว่า ทั้งผู้กองหนุ่มและนักธุรกิจสาวคล้ายจะแน่ใจตั้งแต่แรกแล้วว่าพวกเขาต่างก็ตกหลุมรักอีกฝ่าย ยิ่งเมื่อมีเหตุการณ์ต่างๆ ในอดีตที่ยืนยันว่าการพานพบของทั้งคู่ไม่ใช่อุบัติเหตุหรือความบังเอิญ หากเป็นเส้นทางที่โชคชะตากำหนดไว้ ในแง่นี้พวกเขาจึงไม่ลังเลใจต่อความรู้สึกของอีกฝ่าย หากเป็นความกังวลที่ถูกวางพาดไว้กับปัจจัยภายนอกซึ่งทั้งสองไม่อาจควบคุมได้ต่างหากที่คอยแต่จะแยกทั้งคู่ออกจากกัน
ผ่านหนังสือ The Hidden People of North Korea ผู้เขียนกล่าวว่า ภายใต้ภาพลักษณ์ของความเป็นเอกภาพทางสังคม โลกภายนอกมักจะโดนลดทอนมิติความเป็นตัวตน (depersonalize) ของชาวเกาหลีเหนือไป และสร้างความเข้าใจที่ว่าชาวเกาหลีเหนือไม่มีความแตกต่างทางตัวตนในระดับปัจเจก ทว่าผู้เขียนกลับชี้ว่าความแตกต่างเหล่านี้หรือกระทั่งพฤติกรรมซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวนั้นมีอยู่ในชาวเกาหลีเหนือ แต่มักปรากฏอยู่ในชีวิตหรือพื้นที่ส่วนตัวของพวกเขา
เช่นกันแม้ว่าในปัจจุบันยังมีการปลูกฝังความศรัทธาต่อผู้นำอยู่ก็จริง หากอุดมการณ์เช่นนี้กลับเจือจางไปมากแล้วเมื่อเทียบกับอดีต ผู้เขียนชี้ว่าสังคมและชาวเกาหลีเหนือทุกวันนี้มีความเป็นปัจเจกมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านความคลั่งไคล้และรสนิยมต่อวัตถุต่างๆ เช่น เสื้อผ้า ทรงผม เครื่องสำอาง รวมถึงการที่เพลงหรือภาพยนตร์ต่างประเทศเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น
หากเราลองเชื่อมโยงจุดนี้เข้ากับ Crash Landing on You จะพบว่าเป็นระบบการปกครองและโครงสร้างของเกาหลีเหนือที่ซีรีส์เรื่องนี้หยิบฉวยมาเป็นวัตถุดิบในการสร้างอุปสรรคต่างๆ ระหว่างรีจองฮยอกกับยุนเซรี หาใช่ผู้คนในเกาหลีเหนือแต่อย่างใด
Crash Landing on You ระมัดระวังและตระหนักในความอ่อนไหวต่อประเด็นที่กำลังนำเสนออยู่เป็นอย่างดี ผมคิดว่าผู้เขียนบทรู้ดีว่าซีรีส์เรื่องนี้สุ่มเสี่ยงต่อการเสนอภาพที่สวยงามเกินจริงของเกาหลีเหนือ แต่ถึงอย่างนั้น Crash Landing on You ก็เลือกแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมและความหลากหลายของชาวเกาหลีเหนือที่ไม่ถูกมองเห็นในพื้นที่สาธารณะ ด้วยความที่ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้โฟกัสอยู่ที่เมืองหลวงอย่างพยองยาง (เปียงยาง) แต่เป็นเมืองเล็กๆ ใกล้ชายแดน กิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นจึงไม่ถูกสายตาของรัฐกำกับอย่างเข้มข้นเท่าเมืองหลวง พื้นที่ของชุมชนเล็กๆ แห่งนี้จึงเอื้อให้ความเป็นปัจเจกปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
เมื่อ Crash Landing on You มีความชัดเจนในจุดนี้ ซีรีส์จึงมีอิสระเต็มที่ต่อการนำเสนอภาพชาวเกาหลีเหนือที่คนดูจะรู้สึกรักและผูกพันด้วยได้ นั่นเพราะพร้อมๆ กับที่เราได้ซึมซับความเป็นมนุษย์ในตัวละครเหล่านี้ ซีรีส์เรื่องนี้ก็ไม่ลืมที่จะเตือนเราอยู่เสมอให้ตระหนักถึงความบิดเบี้ยวของระบบการปกครองของเกาหลีเหนือที่พร้อมจะลดทอนคุณค่าความเป็นคนของประชาชนอยู่ตลอดเวลา พันเอกโชชอลกังจึงเป็นหนึ่งในผลผลิตที่เกิดขึ้นจากโครงสร้างอำนาจอันบิดเบี้ยวของประเทศนี้ และเพราะเขาคือภาพแทนความเลวร้ายของเกาหลีเหนือ นี่เองจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตัวละครของเขาจึงหาความดีแทบไม่ได้
ในแง่นี้พันเอกโชชอลกังจึงเป็นร่างทรงของอุดมการณ์รัฐที่กลายมาเป็นอุปสรรคของความรักระหว่างรีจองฮยอกกับยุนเซรี อุดมการณ์ที่เลือกมองข้ามความเป็นมนุษย์ไปโดยสนใจแต่ข้อเท็จจริงที่ว่า ยุนเซรีมาจากฝั่งใต้ อาจเป็นสายลับ และจำเป็นต้องถูกกำจัดทิ้ง
ตลอดเรื่องราวทั้ง 16 ตอน แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าความรักของรีจองฮยอกกับยุนเซรีคือพลังสำคัญที่ขับเคลื่อนซีรีส์เรื่องนี้ ถึงอย่างนั้นผมคิดว่าสิ่งที่ Crash Landing on You ทำได้สำเร็จคือ การฉายภาพให้เห็นว่าชีวิตประจำวันของสังคมเกาหลีเหนือเป็นยังไง
แน่นอนว่าความเป็นจริงย่อมไม่สวยงามอย่างที่เห็นในซีรีส์ และผมก็เชื่อว่าคนดูต่างก็ตระหนักดีว่าเกาหลีเหนือทุกวันนี้ยังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ภายใต้โครงสร้างอำนาจรัฐอันบิดเบี้ยวและการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ตระกูลเดียว อนาคตของเกาหลีเหนือยังคงมืดมนอยู่มาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้แปลว่าประเทศนี้เป็นพื้นที่ไร้ชีวิต
ชีวิตของคนตัวเล็กๆ ชีวิตของผู้คนในตลาด ชีวิตของแม่บ้านที่จับกลุ่มรวมตัวกันนินทา และชีวิตของเด็กๆ ที่วิ่งไล่จับกันหลังเลิกเรียน เหล่านี้ต่างหากคือฉากชีวิตของเกาหลีเหนือที่มักจะถูกปกปิดบดบัง
ไม่ใช่ใบหน้าของตระกูลคิมหรอกที่ควรจะถูกจดจำ แต่เป็นใบหน้าอันแตกต่างของชาวเกาหลีเหนือต่างหาก เป็นใบหน้าของชาวเกาหลีเหนือตัวเล็กๆ ต่างหากที่ไม่เคยถูกรับรู้หรือมองเห็นจริงๆ สักที
