วิ่งเพื่อลบคำสบประมาท

Highlights

  • ตุ๊ก-สิริภา กล่ำมาศ อยากสมัครเรียนวิชานศท. แต่เมื่อเพื่อนๆ สบประมาทว่าเธอคงสมัครไม่ผ่าน เธอจึงฝึกฝนร่างกายด้วยการวิ่งจนเอาชนะคำสบประมาทและเอาชนะตัวเองได้ในที่สุด

จุดเปลี่ยนเล็กๆ ในชีวิตของฉันเกิดขึ้นเมื่ออายุ 15 ปี จากเด็กอ้วนที่ไม่ชอบขยับตัว ไม่ชอบออกกำลังกาย ชอบนอนหมกอยู่หน้าทีวีพร้อมของกินอร่อยๆ ตอนนั้นน้ำหนัก 87 กิโลกรัม ถือเป็นช่วงที่น้ำหนักเยอะสุดในชีวิต

ก่อนจะปิดเทอมใหญ่ตอน ม. 3 เพื่อนๆ ในห้องเริ่มคุยกันว่าจะเลือกทำกิจกรรมเสริมวิชาอะไรดี เราสนใจวิชานักศึกษาทหาร (นศท.) เพราะชุดทะมัดทะแมง น่าจะใส่สบาย กิจกรรมน่าจะมีอะไรใหม่ๆ ให้เรียนรู้ ท้าทาย อยากลองยิงปืน ลองกระโดดหอ และรุ่นพี่ที่แอบชอบก็เรียน จึงเป็นเหตุผลที่ตัดสินใจเรียน นศท.

เมื่อเพื่อนคนหนึ่งรู้ว่าเราจะเรียน นศท. ก็เปิดประเด็นขึ้นว่า

“ไม่ใช่ว่าเป็นลูกรักของครูแล้วจะใช้เส้นสายได้นะ เขารับสมัครที่ความสามารถนะไอ้อ้วน”

ตอนนั้นรู้สึกว่ายอมไม่ได้จริงๆ เพราะก่อนหน้านี้ถามรุ่นพี่ผู้หญิงที่เรียนว่าเรียนหนักไหม ทุกคนบอกว่าไม่ยาก สมัครได้ถ้าใจรัก ไม่เหนื่อยอย่างที่คิด ทำให้เรามีความหวังที่จะเรียน เราจึงถามเพื่อนกลับว่า

ถ้าสมัครผ่านได้ด้วยตัวเอง เราจะได้อะไร”

เพื่อนกลุ่มผู้ชายหัวเราะเสียงดังสะใจ “ถ้าสมัครได้ด้วยตัวเอง จะเลี้ยงไก่ทอด ขนมจีนร้านประจำจนกว่าจะอิ่ม แต่ถ้าสมัครไม่ผ่านก็ต้องเลี้ยงกลุ่มเราทั้งกลุ่ม”

เราตอบตกลง จากนั้นเราจึงปรึกษาครูที่ดูแลวิชา นศท. ประจำโรงเรียน สอบถามการสมัครเรียนและการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย เมื่อทราบรายละเอียดเบื้องต้น จึงเริ่มต้นด้วยการวิ่ง

เย็นวันหนึ่งในช่วงปิดเทอมใหญ่ เราแต่งชุดวิ่งพร้อมรองเท้าพละคู่ใจ เดินไปที่ถนนหน้าบ้าน มองดูถนนไกลสุดลูกหูลูกตา ยืนดูอยู่พักหนึ่ง ในใจเริ่มคิดหนัก กลัววิ่งไม่ไหว ในระหว่างที่ยืนลังเล เสียงหัวเราะของกลุ่มเพื่อนก็ดังขึ้นในหัว เริ่มกดดันตัวเอง

ยืนนิ่งคิดอยู่สักพักก็มีเสียงของแม่ตะโกนมาว่า “วิ่งไม่ได้ เดินก่อนก็ได้ลูก”

เราค่อยๆ ผ่อนคลายลง เริ่มต้นจากค่อยๆ เดินในระยะทาง 500 เมตร วันแรกขอแค่เดินไป-กลับ ส่วนวันต่อๆ มา เริ่มจับเวลาเดินให้เร็วขึ้น ทุกคนในครอบครัวก็สนับสนุน สอนให้ยืดเส้นยืดสายก่อนวิ่ง ทายาเมื่อปวด สอนให้มองบวก ว่าเรื่องปวดตัวเป็นเรื่องปกติ วิ่งไปสักพักจะชิน เราไม่ต้องผอมก็ได้ แต่ต้องแข็งแรง

เราเริ่มมีเป้าหมายเพิ่มขึ้น ไม่ใช่แค่วิ่งเพื่อลบคำสบประมาท แต่เป็นการวิ่งเพื่อสุขภาพของเราด้วย พอเริ่มวิ่งสลับเดินได้ 500 เมตร แม่ก็ให้พาน้องหมา (เจ้านาก) ที่บ้านไปวิ่งด้วย จากปกติจะวิ่งช้าสลับเดิน พอพาสุนัขไปด้วย มันก็กระชากพาเราวิ่งตลอดทาง เหนื่อยสุดๆ ขาวิ่งกลับเจ้านากดันเหนื่อยจนวิ่งกลับไม่ไหว นอนข้างทางไม่ยอมลุก เราเลยต้องแบกมันขึ้นหลังกลับบ้าน สภาพดูไม่ได้ทั้งคนทั้งหมา วันต่อๆ มาจะไม่เอาเจ้านากไปด้วยก็ไม่ได้เพราะมันเริ่มเห่าตามเวลาเราใส่ชุดวิ่ง วิ่งแบบนี้อยู่พักใหญ่ แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะทาง วันไหนจะจับเวลาวิ่งก็ไม่เอาเจ้านากไป

จนกระทั่งอีกอาทิตย์กว่าๆ จะเปิดเทอมแล้ว สองเดือนที่ผ่านมา จากค่อยๆ ก้าวเดินทีละก้าว ตอนนั้นเราวิ่งได้สูงสุด 3 กิโลเมตรด้วยความเร็วคงที่ เปิดเทอมมัธยมปลายวันแรกของเราเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่มีอะไรให้กังวล เราวิ่งได้แล้ว และจะวิ่งทุกๆ วัน เพราะเราได้อะไรจากการวิ่งมากมาย ทั้งแข็งแรงขึ้น ไม่เหนื่อยง่าย ได้ทำกิจกรรมร่วมกับสัตว์เลี้ยง มีระเบียบวินัยมากขึ้น ชีวิตกระปรี้กระเปร่า มีแรงทำอะไรต่างๆ ไม่เอื่อยเฉื่อยเหมือนแต่ก่อน และน้ำหนักก็ลดลงไปบ้างประมาณ 7- 8 กิโลกรัม

เมื่อถึงวันทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ความตื่นเต้นเพิ่มทวีคูณ จะเป็นคนจ่ายค่าขนมจีนไก่ทอด หรือจะเป็นคนนั่งกินขนมจีนไก่ทอด จะต้องทนฟังเสียงหัวเราะเยาะของพวกผู้ชายกลุ่มนั้น หรือจะทำให้กลุ่มนั้นเงียบไปขึ้นอยู่กับวันนี้

เมื่อลงสนาม เราพยายามทำใจให้สงบ ควบคุมความเร็วให้คงที่เหมือนที่ซ้อมมา สรุปเราวิ่งเร็วกว่าที่ซ้อมมา ใช้เวลาแค่สิบกว่านาที เหนื่อยมาก แต่ชื่นใจ หลังจากนั้นก็ทดสอบร่างกายด้วยรอยยิ้ม

ในที่สุด เราผ่านการสมัครเรียน นศท. ได้ด้วยตัวเอง และทำสถิติใหม่ที่ดีกว่าเดิม หลังจากนั้นมีคนเอาขนมจีน ไก่ทอดมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ ถึงจะเป็นรางวัลที่ไม่ได้หรูหรามาก แม้จะเป็นแค่ขนมจีนไก่ทอดแต่ก็เป็นความภูมิใจที่สุดในชีวิต ที่ครั้งหนึ่งฉันสามารถเอาชนะใจตัวเองได้

การวิ่งในวันนั้นทำให้เรากลายเป็นคนแอ็กทีฟในวันนี้ ไม่พลาดกิจกรรมแทบทุกกิจกรรมในโรงเรียน เข้าร่วมกีฬาเกือบทุกชนิด ทุกวันนี้เราทำงานเป็นดีไซเนอร์ด้าน Exhibition and Interior บางช่วงอาจจะเยอะจนไม่มีเวลาออกกำลังกายเหมือนแต่ก่อน แต่ยังคงบริหารเวลาเพื่อออกกำลังกาย ทุกวันนี้ฉันขาดการวิ่ง (ออกกำลังกาย) ไม่ได้แล้ว

จุดเปลี่ยนครั้งนี้ต้องขอบคุณคำสบประมาท เสียงหัวเราะเยาะในวันนั้น ขอบคุณครอบครัว รวมถึงนากที่คอยผลักดันให้เริ่มวิ่ง ขอบคุณร่างกายและจิตใจที่อดทนมาด้วยกัน ที่ทำให้เราเปลี่ยนเป็นคนใหม่