H 3 F วงป๊อป ฟังก์ อาร์แอนด์บี ฟังง่ายที่มีความฝันใหญ่ว่าอยากไปเวิลด์ทัวร์

Highlights

  • H 3 F คือกลุ่มเพื่อน 4 คนจากมหาวิทยาลัยรังสิตที่ผลัดใบมาจากวงดนตรีอินดี้สายอินเตอร์ Penny Time แล้วหันมาผนึกกำลังกันทำวงดนตรีแบบจริงจัง ฟังง่าย ผสมอาร์แอนด์บีและกีตาร์บลูส์ โดยเริ่มทำกันมาตั้งแต่ปลายปี 2017
  • หลังจากที่พวกเขาปล่อย Cheesy lyrics, sloppy groove และหลายซิงเกิลที่ทยอยปล่อยให้เราฟัง เร็วๆ นี้ H 3 F ก็กำลังจะมีอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกในชื่อ Family Product
  • ความฝันส่วนรวมของสี่หนุ่มนอกจากการเล่นดนตรีกับเพื่อนๆ ในทุกวัน อีกหนึ่งความฝันคืออยากให้เพลงพาพวกเขาไปเวิลด์ทัวร์

H 3 F คือวงป๊อป ฟังก์ อาร์แอนด์บี ที่ประกอบด้วยสมาชิก 4 คนคือ ก้อง–เทพวิพัฒน์ ประชุมชนเจริญ ร้องนำ และกีตาร์ แม็ก–ฐากร อัญภานนท์ กลอง, ปิง–อารการ จันทร์ทอน กีตาร์ และ หม่อม–ธนบัตร สมบูรณ์สิทธิ์ เบส

แรกเริ่มเดิมที H 3 F เป็นเพียงชื่อที่คิดขึ้นมาง่ายๆ ของวงเล่นกลางคืนสามชิ้น กีตาร์ เบส กลอง ซึ่งย่อมาจาก Happy Three Friends ตระเวนเล่นตามร้านต่างๆ ด้วยเพลงสากล

หลังจากนั้นก้องได้ใช้ชื่อนี้อีกครั้งสำหรับเรียกชื่องานเพลงส่วนตัวของเขา ที่ยังดึงหม่อมและแม็ก เพื่อนสองคนเดิมเข้ามาแจมแล้วอัดเพลงปล่อยลงยูทูบ 2 แทร็กได้แก่ ‘All Your Love’ และ ‘City Light’ รวมถึงเปลี่ยนชื่อวงจากไตเติลการ์ตูนที่เวลาเสิร์ชในกูเกิลจะไม่เจอพวกเขา ให้สั้นลง และเคาะเว้นวรรคกลายเป็น H 3 F

ต่อมา Penny Time วงเดิมของก้องกับแม็กไม่ได้ไปต่อ พวกเขาเลยได้โอกาสเดินทางใหม่อีกครั้งด้วยการทำไซด์โปรเจกต์นี้ให้กลายเป็นวงแบบจริงจัง แล้วดึงเอาเพื่อนซี้อีกคนจากวงเดิมอย่างปิง เข้ามาเพิ่มในตำแหน่งมือกีตาร์ กลายเป็นวงดนตรี 4 ชิ้นสไตล์ป๊อป ฟังก์ อาร์แอนด์บี ที่มีเนื้อเพลงภาษาอังกฤษสอดคล้องตามชื่อคอนเซปต์ EP ‘Cheesy lyrics, sloppy groove’ ที่ปล่อยเมื่อปลายปีที่แล้ว

พอดิบพอดีกับการที่พวกเขามีเพลงใหม่ กับอัลบั้มที่ง้างรอให้เราคว้าอย่าง ‘Family Product’ เราขอชวนไปพูดคุยทำความรู้จักกับสี่หนุ่มในช่วงเย็นๆ ก่อนที่แต่ละคนต้องฝ่าการจราจรไปเล่นดนตรีที่ร้านตอนค่ำดูสักหน่อย

ก่อนอื่นขอผังความสัมพันธ์วงแบบง่ายๆ

ก้อง : เมื่อก่อนตอนที่ทำวงเก่า Penny Time ผมเป็นมือกีตาร์ แม็กเล่นกลอง ปิงเล่นเบส อ้าวนี่เรามาทั้งชุดเลยนี่หว่า มีแค่หม่อมที่ตอนนั้นไม่ได้อยู่ในวง ถึงปิงจะเล่นเบสใน Penny Time แต่จริงๆ แล้วปิงเป็นมือกีตาร์ ปิงกับหม่อมเรียนคณะเดียวกับผม พวกเราเรียนดนตรีที่มหาวิทยาลัยรังสิต ส่วนแม็กเรียนนิเทศศาสตร์ที่รังสิตเหมือนกัน

ก้อง–เทพวิพัฒน์ ประชุมชนเจริญ (ร้องนำ / กีตาร์)

จากวงเล่นตามร้าน ไปยังไงมายังไงถึงกลายมามีเพลงของตัวเองจริงๆ จังๆ

ก้อง : คือผมไม่ได้ตั้งใจแต่งเพลงเป็นเรื่องเป็นราว ช่วงชีวิตนั้นเราเป็นมือกีตาร์ ก็แค่ชอบเล่นกีตาร์ ไปเล่นร้านเล่นเพลงคัฟเวอร์แบบชิลล์ๆ ช่วงไหนอารมณ์มันมาก็แต่ง แต่ไม่ได้เอาจริงเอาจังเลย เพิ่งมาเริ่มแต่งเพลงจริงจังเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมานี่เอง

แม็ก : ฟีดแบ็กตอนที่เราปล่อยเพลงไปมันดีมาก เราก็เลยทำแบบจริงจัง ถ้ามันไม่ได้ดีขนาดนั้นเราอาจจะยังเปื่อยๆ อยู่เหมือนเดิม แต่พอคนฟังเขาคาดหวังกับเรา เขาชอบที่เราเป็นเราแบบนี้ เราก็ควรที่จะทำให้จริงจังมากขึ้น

ก้อง : จากตอนแรกที่เราทำเพลงกันเองแบบสนุกๆ แต่ถ้ามีคนมาสนุกด้วยกันมันก็จะยิ่งสนุกมากขึ้นไปอีก

แล้วทำไมตอนแรกเริ่มต้นทำวงกันแค่ 3 ชิ้น

ก้อง : เพราะเราชอบเล่นแนวบลูส์ หาคนมาเล่นกับเรายาก หม่อมกับแม็กก็เล่นกันคนละแนว แต่ผมก็เปิดเพลงกรอกหูให้เพื่อนฟังเอา ผมว่า 3 ชิ้นมันทำงานง่ายสุดในตอนนั้น แต่ถึงเริ่มทำกัน 3 คนในใจก็อยากให้มันเต็มวง เพราะ 3 ชิ้นมันไม่พอกับเพลงในรูปแบบที่เราอยากทำ ก็นึกถึงปิงคนแรกเลยเพราะเราสนิทกันอยู่แล้ว

แม็ก–ฐากร อัญภานนท์ (กลอง)

ลองอธิบายแนวดนตรีของวงหน่อย

แม็ก : มันก็คือป๊อปนั่นแหละครับ

ก้อง : มันก็คืออาร์แอนด์บีป๊อป แต่ว่า based on ถ้าฟังกีตาร์มันก็มีบลูส์หน่อย… (นึก) ถ้าบอกว่าดนตรีแนวนี้เป็นแนว H 3 F ก็จะดูวางแลนด์มาร์กไปหน่อย มันแค่เป็นแนวใหม่ในฐานะของการเป็นวงเราเฉยๆ

ปิง : แต่ทั้งหมดจะอยู่บนความฟังง่าย

ปิง–อารการ จันทร์ทอน (กีตาร์)

ทำไมต้องอยู่บนความฟังง่าย

ปิง : เพราะเราชอบฟังเพลงที่มันเพราะอยู่แล้ว

ก้อง : ถึงผมเป็นคนฟังกีตาร์ ฟังอะไรที่มันๆ ก็จริง แต่พวกเราโตมากับการฟังเพลงเพราะๆ เราอยากทำเพลงที่เอามันได้ด้วยแล้วก็ฟังง่ายด้วย ถึงเราจะทำเพลงแบบที่เราอยากทำแต่เราก็อยากให้คนฟังเขาเอ็นจอยกับเมสเซจที่เราจะพูดเหมือนกัน

หม่อม : อยากให้คนเข้าถึงง่ายๆ มากกว่า

หม่อม–ธนบัตร สมบูรณ์สิทธิ์ (เบส)

แล้วเมสเซจที่เราอยากพูดส่วนใหญ่คือเรื่องอะไร

ก้อง : เรื่องส่วนตัว เรื่องความรัก ก็เพลงจีบสาวนั่นแหละเต็มเลย ผมแต่งจีบแฟนผมเองแหละส่วนใหญ่

พอมาจริงจังกับวงแล้วเป็นยังไงบ้าง

ก้อง : ผมคิดว่าชีวิตผมโปรดักต์ทีฟมากเลย ไม่เคยทำอะไรแบบนี้ ก่อนหน้านั้นก็แค่เปื่อย เอาก็เอา ไม่เอาก็ไม่เอา ตอนนี้มันบีบคอตัวเองเลยว่าถ้ามึงจะเอา มึงต้องทำ มึงอย่ารอ มึงอย่ามาอ้างโน่นอ้างนี่ มันคือการอยากจะไปในจุดที่เราฝัน อยากจะเรียนรู้ อยากจะเล่นดนตรีให้สนุก อยากจะเก็บสิ่งที่เราชอบไว้ เราอยากจะคงทุกอย่างไว้แล้วก็ไปให้ถึงทั้งหมดที่เราหวัง ถือเป็นการเรียนรู้ครั้งใหญ่มากๆ ของชีวิต

จุดที่เราหวัง จุดที่วงฝันคืออะไร

ก้อง : เราอยากทำเพลงแล้วได้ไปเล่นต่างประเทศ การได้ไปทัวร์ต่างประเทศคือความฝันเลย เราอยากอยู่ได้ด้วยดนตรีด้วยการเล่นเพลงของตัวเอง แต่ก็เข้าใจว่าเราอยู่ไทยแล้วเราทำเพลงอังกฤษมันก็จะมีเพดานอยู่ เพราะแค่ภาษาที่เราร้องมันก็ไม่ใช่ภาษาไทยแล้ว

แบบนี้หลายคนก็คงถามว่าทำไมทำเพลงเนื้ออังกฤษ

ทุกคน : ถามทุกที

แม็ก : เล่นร้านยังโดนเลย แต่ผมว่ามันเป็นเรื่องจุดประสงค์กับทิศทางของวงเรามากกว่า

ก้อง : ตามที่บอกไป เหตุผลแรกของพวกเราคือเราอยากไปเล่นต่างประเทศ อยากให้ดนตรีพาเราไปทั่วโลก แล้วถ้าถามต่อว่าไม่คิดจะทำเพลงไทยเลยเหรอ ต้องทำเพลงอังกฤษเท่านั้นเหรอ อย่างผมร้อง ‘I can be  your man’ แปลเป็นไทย ‘ฉันอยากเป็นผู้ชายของเธอ’ ความรู้สึกมันต่างเลย มันไม่เสิร์ฟสิ่งที่ตรงกับในหัวเรา

แม็ก : แต่เราก็ชอบวงไทยที่เขาทำเพลงไทยแล้วมันดูต่างประเทศได้เหมือนกันนะ แบบพี่ๆ The Parkinson, Yellow Fang

ก้อง : คำมันจะน้อย แล้วพี่เขาร้องออกมามันก็ไม่ได้ฟังเป็นเพลงไทยอีกต่อไปแล้ว เหมือนเขาร้องเพลงอังกฤษที่เป็นภาษาไทย ซึ่งผมสกิลไม่พอ

ถ้าทำเพลงคนเดียวอาจจะแสดงความเป็นตัวเองได้มากกว่าไหม ทำไมถึงยังทำเพลงเป็นวง

ก้อง : สำหรับผมถ้ามันเป็นวงแปลว่ามันต้องมีเรื่องราว มันต้องมีการเดินทาง มันมีความแอดเวนเจอร์ รู้สึกมันมีเสน่ห์ในการทำแบนด์ ผมชอบอารมณ์การทำงานเป็นหมู่คณะมากกว่า

ปิง : มันสนุกกว่า แต่ถึงเราไม่ได้อยู่วงเดียวกันเราก็ยังอยู่ด้วยกัน เป็นเพื่อนกันอยู่ดี เพราะฉะนั้นเป็นวงไปเลยดีกว่า

แม็ก : การทำเดี่ยวมันอาจจะมีแนวทางที่ชัดเจนของเขา เขาอยากเป็นแบบนี้ เขาทำคนเดียวได้ไหว

ก้อง : แค่พวกเราทำไม่ได้ (หัวเราะ) แต่ว่าเรามีเพื่อน

ขอคำจำกัดความการเป็นวงของเราหน่อย

ปิง : เราเหมือนเป็นธุรกิจครอบครัว

ก้อง : เหมือนเราเจอทุกคนที่เขาเกื้อกูลเรา มีคนคอยช่วยเหลือ รอบข้างยื่นมือเข้ามาช่วยกันหมด ทั้งทีมภาพ ทีมขายของรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย ทีมทำดนตรี ถ้าเป็นเด็กๆ เราก็คงอยากอยู่ค่าย มันดูแจ๋ว แต่พอเราได้ทำงานแบบนี้ ความอยากอยู่อยากมีมันก็ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ เราได้เห็นความรักความเป็นกันเอง มันทำให้เราไม่ได้สนุกแค่ในการทำเพลงแต่สนุกในการที่ได้ทำเพลงกับเพื่อน เส้นทางที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้สึกว่าพวกเราทำกันเองได้

แล้ว H 3 F ที่ตอนนี้ยังไม่ได้ไประดับโลกเป็นไงบ้าง

ก้อง : ผมดีใจเวลาคนเข้ามาคอมเมนต์ในเพลงว่า ‘อ้าว เพิ่งรู้ว่าคนไทยร้อง’ เวลาทำอะไรที่เรารักอยู่แล้วเรามีความสุข พอมีคนเห็นค่ามันด้วยเรายิ่งมีความสุขเข้าไปใหญ่เลย แต่ถ้าถามว่ามันถึงไหนแล้วเราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เราก็มีเควสต์ของเราใหม่เรื่อยๆ เราก็ไปต่อของเราเรื่อยๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะไปถึงขั้นไหน ตอนนี้มันก็สนุกอยู่ พวกเราแฮปปี้มาก อยู่ตรงที่ที่เราชอบ เราอาจจะเป็นคลองน้อยในกระแสใหญ่ แต่สุดท้ายเส้นทางมันก็ออกไปสู่ทะเลกว้างเหมือนกันอยู่ดี

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

วริทธิ์ โพธิ์มา

รักหมูกรอบ และข้าวมันไก่