PLASUI PLASUI วงดรีมป๊อปจากลุ่มแม่น้ำชีที่ทำให้อยากทิ้งตัวลงบนที่นอนทุกครั้งที่ได้ฟัง

Highlights

  • PLASUI PLASUI คือวงดนตรีแนวดรีมป๊อป อันประกอบด้วย 5 หนุ่มจากลุ่มแม่น้ำชี พวกเขาเริ่มทำวงจากการรวบรวมเพื่อนวัยมัธยม ที่พอเข้ามหา'ลัยก็ไปเจอกันที่มหาวิทยาลัยมหาสารคามอีก
  • พวกเขาเล่นดนตรีกลางคืนโดยมีร้านมหานิยมเป็นที่เล่นประจำ แม้ทุกครั้งที่ไปเล่นลูกค้าจะไม่เข้าร้าน แต่พวกเขาก็ยังดื้อเล่นดนตรีในแบบที่วงชอบมาจนถึงทุกวันนี้
  • ล่าสุด PLASUI PLASUI ได้เล่นเป็นวงเปิดในคอนเสิร์ต Men I Trust Live in Bangkok เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา และกำลังจะได้ร่วมเล่นในงาน Big Mountain Festival 2019 ช่วงปลายปีนี้อีกด้วย
  • ด้วยความที่เป็นวงดนตรีต่างจังหวัด เมื่อถึงเวลาที่ต้องเดินทางมาเล่นคอนเสิร์ตในกรุงเทพฯ พวกเขาต้องขนเครื่องดนตรีขึ้นรถยนต์ส่วนตัวและใช้เวลาเดินทางเข้ากรุงเทพฯ 6-7 ชั่วโมง แม้จะคุ้มบ้างไม่คุ้มบ้าง แต่เพื่อความฝันพวกเขายอม และเชื่อว่าชีวิตบนเส้นทางสายดนตรีเดินต่อได้เพราะมีความสุขเป็นตัวตั้งต้น แต่ตอนนี้เรื่องเงินก็สำคัญพอๆ กันกับความฝัน

PLASUI PLASUI คือวงดนตรีแนวดรีมป๊อป อันประกอบด้วย เบ–รัฐศาสตร์ ทศช่วย ร้องนำและเบส, ธีร์–ธีรภัทร ประพันธ์ มือกลอง, ปาร์ค–ธนพล โพธิสูง กีตาร์, ดิว–จักรพันธ์ เพชรสังหาร กีตาร์ และ แก๋ง–สกลวรรษ แซ่ลี้ ควบสองตำแหน่งคือกีตาร์และ synthesizer

ห้าหนุ่มจากลุ่มแม่น้ำชีเรียนจบจากรั้วมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เริ่มทำวงจากการรวบรวมเพื่อนวัยมัธยมที่เจอกันตามห้องซ้อมเพื่อเล่นเพลงที่หาฟังยากในสมัยนั้น และทำมันออกมาในแบบฉบับของตัวเอง

จากความชอบที่หลากหลายผ่านช่วงเวลาในการพูดคุยแบบเพื่อน ผ่านการสนทนาภาษาดนตรี จนเกิดเป็นส่วนผสมของเพลงป๊อปที่แปลกแต่ลงตัว เสน่ห์ในดนตรีของพวกเขาคือเพลงที่มีจังหวะไหลลื่น เนื้อร้องฟังไม่ชัดแต่น่าค้นหาความหมาย ท่วงทำนองชวนง่วงเหงาหาวนอน แต่ซาวนด์ดนตรีพาล่องลอยเพ้อฝัน เหมาะสำหรับวัยรุ่นนอนดึกเปินตอนนอนก่ายหน้าผากคิดเรื่องความรักและความสัมพันธ์อันแสนขมุกขมัว

หลังจากทำวงมาเกือบ 2 ปี พวกเขามีเพลงทั้งหมด 9 เพลง ในอัลบั้มแรกที่ชื่อ SAKURA และเพลง Chocolate ผลงานหวานเศร้าที่ทำให้วงเป็นที่รู้จักในกลุ่มนักฟังเพลงทางเลือกบ้านเรามากขึ้น และเพลงนี้นี่เองที่ทำให้พวกเขามีโอกาสใหม่ๆ เข้ามามากมาย ไปจนถึงการเล่นเป็นวงเปิดในคอนเสิร์ต Men I Trust Live in Bangkok เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา และกำลังจะได้ไปเล่นในงาน Big Mountain Festival 2019 ช่วงปลายปีนี้อีกด้วย

ด้วยความที่เป็นเด็กมหาสารคามเหมือนกัน เราแอบจับตามองพร้อมเอาใจช่วยวงนี้มาตั้งแต่เพลงแรกๆ จนวันนี้ความฝันของพวกเขาเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง เราจึงถือโอกาสนี้ชวนพวกเขามาคุยกันถึงเรื่องดนตรี ชีวิตวัยรุ่น ไปจนถึงเรื่องความฝันในเส้นทางสายดนตรีแบบ PLASUI PLASUI กัน

ช่วยเลือกปลาที่บอกความเป็นตัวคุณมา 1 ชนิด

ปาร์ค : เป็นปลาทูแล้วกัน 

เบ : หิวข้าวเลยกู 

ปาร์ค : ชอบกินปลาทูนะ รู้สึกว่ามันมีประโยชน์ดี กินเนื้อปลา แต่เป็นคนไม่กินหัวปลานะ แต่กินเนื้อ กินไข่ อะไรอย่างนี้ 

แก๋ง : ชอบปลาหางนกยูงเพราะมันอยู่ง่ายกินง่ายดี มีความทรงจำคือที่บ้านเลี้ยงปลาหางนกยูงไว้ในบ่อ แล้วตอนนั้นมีแขกมาที่บ้านแล้วขับรถยนต์ชนบ่อแตก ปลามันก็ดิ้นเต็มพื้นก็เลยมีความทรงจำในวัยเด็กเรื่องปลาหางนกยูง แต่เหตุผลที่ชอบปลาหางนกยูงก็เพราะมันอยู่ง่ายกินง่ายนี่แหละ ไม่ให้อาหารหลายวันก็ไม่ตาย

ดิว : เป็นปลานกแก้วแล้วกัน เท่ดี ชอบสี สวยดี ชอบแมลงทับอยู่แล้วไง สีออกเขียวๆ เหมือนปีกแมลงทับ

เบ : ตามจริงที่บ้านเลี้ยงปลาคาร์ปแต่ไม่ชอบ ชอบปลาซัคเกอร์ที่มันดูดฝุ่น มันมีความหมายกับบ่อปลานะ มันสามารถดูดฝุ่น เก็บรายละเอียดในตู้ปลา เหมือนเป็นแม่บ้าน

ปาร์ค : แต่มีช่วงหนึ่งที่ปลานี่ระบาด ทำให้ระบบนิเวศในธรรมชาติพัง เพราะว่าปลาตัวนี้โตไปแล้วกินปลาอื่น 

เบ : อ๋อ แต่เราหมายถึงเลี้ยงในตู้ไง คนเลี้ยงไม่ไหวก็เอาไปปล่อย ต้องเลี้ยงในตู้นะถึงจะมีประโยชน์ แต่ในมุมกลับกันมันก็ไม่มีประโยชน์ (หัวเราะ) ชอบคาแร็กเตอร์มัน ดูไม่ได้เป็นปลาสวยงามอย่างเดียว มันทำประโยชน์ด้วย แต่ไม่แนะนำให้ปล่อยนะ 

อะไรทำให้ตัดตัดสินใจใช้ชื่อวงว่า PLASUI PLASUI

เบ : ตอนแรกก็คิดกันว่าเราจะตั้งชื่อวงว่าอะไรดี เราอัดเพลงในบ้าน เสร็จมาเพลงสองเพลงแต่ยังไม่มีชื่อวง ก็เลยออกไปขับรถเล่น จำได้ตอนนั้นอยู่ริมคลองสมถวิลในตัวเมืองมหาสารคาม 

ปาร์ค : พวกเราก็เกริ่นขึ้นมาลอยๆ ว่าปลาซุยดีไหม ฟังแล้วแปลกดี แต่ว่าปลาซุยมันธรรมดาไป มันต้องเบิลอีกรอบหนึ่ง มันก็เลยเป็น PLASUI PLASUI โอเค น่าจะเวิร์ก เอาแบบนี้แหละง่ายๆ ตรงนั้นเลย ชื่อวงเกิดขึ้นที่ริมคลองตอนขับรถ มันเป็นคำอุทานที่เราชอบพูด คำอะไรที่ไม่ค่อยมีความหมาย จิ๊กกรี้อะไรอย่างนี้ พูดเล่นๆ กับเพื่อน เพ้อเจ้อๆ 

 

อะไรคือคำว่าดรีมป๊อปสำหรับ PLASUI PLASUI

เบ : ดรีมป๊อปก็เป็นเพลงป๊อป อยู่บนพื้นฐานของป๊อป แต่จะมีความลอยๆ ฟุ้งๆ เหมือนเราใส่โน่นผสมนี่เข้าไปให้ดูเบลอๆ ให้เหมือนอยู่ในความฝันและอยู่บนพื้นฐานของความเป็นป๊อปด้วย ส่วนตัวคิดว่าประมาณนี้นะ แต่ก็ไม่รู้ว่าคนอื่นเข้าใจยังไง

แก๋ง : เอาจริงๆ ก็คิดว่าวงตัวเองเป็นวงป๊อปวงหนึ่งนะ แค่ทำซาวนด์ดนตรีแบบลอยๆ ขึ้นมานิดหน่อย ส่วนของดนตรีและเนื้อร้องก็มีความเพ้อฝัน ความรู้สึกฟุ้งๆ แบบนั้น

ดิว : คิดว่าป๊อปนี่มันเป็นแก่นอยู่แล้ว คราวนี้เอาความลอยมาใส่ กดความป๊อปไว้หน่อยหนึ่ง แค่นั้น 

ปาร์ค : ทำเป็นมีแก่น จะไปโยนเปตองหรือไง (หัวเราะ) อย่างที่เพื่อนๆ ว่าก็คือดนตรีที่มันล่องลอยเพ้อฝัน อยู่ในภวังค์ แล้วก็มีความเป็นป๊อปเข้ามา และเนื้อร้องที่เข้าใจได้ง่ายในแบบปลาซุย ก็เป็นดรีมป๊อปแบบ PLASUI PLASUI

แก๋ง : แต่เราก็ไม่รู้ว่าวงเราเป็นดรีมป๊อปจริงๆ ไหมนะ 

เบ : แต่แค่รู้ว่ามัน lo-fi สุดๆ 

ปาร์ค : เพราะมันทำได้แค่นี้ไง (หัวเราะ)

แก๋ง : อันนี้คือชัวร์แน่ๆ lo-fi (หัวเราะ)

ปาร์ค : ใช่ ยังไง PLASUI PLASUI ก็ต้องทำแบบนี้ต่อไป

เบ : แต่ว่าแนวเพลงก็จะพัฒนาอยู่แหละ 

แก๋ง : แต่ไฟล์ก็อาจจะแค่นี้ (หัวเราะ)

ปาร์ค : คือเราอาจจะชอบด้วยมั้ง ชอบอะไรที่มันไม่อีดิตเยอะอะ มันเรียลๆ ดี

เบ : จะให้เอาอุปกรณ์ดีกว่านี้มาเรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ ไม่เอา เอาแบบนี้ดีกว่า

ปาร์ค : ถ้ามีงบหรือมีตังค์ค่อยว่ากัน 

เบ : เราก็อยากทำให้มันดีที่สุดอยู่แล้วล่ะ

ปาร์ค : ตอนชวนกันทำเพลง ชวนวันเดียวเองมั้ง  

เบ : ใช่ คือขี่รถมอเตอร์ไซค์มา ทำเพลงปะ เอาดิ ขับมอ’ไซค์มาเลย

ปาร์ค : แล้วอุปกรณ์ก็ยืมเขามาด้วย ใช่ ตอนแรกไม่มีอุปกรณ์ของตัวเองเลย

เบ : แล้วก็ลองผิดลองถูก แต่เราตีกรอบไว้แล้วว่าแบบนี้ เราจะทำแนวนี้ ชอบแบบนี้ 

ปาร์ค : อุปกรณ์ก็ไปยืมพี่เขามา

เบ : ตอนที่พี่คนนั้นมาทวงคืน พวกเราก็ยังไม่คืนเพราะยังจะทำอยู่ บอกว่าขอยืมก่อนพี่ ขอยืมก่อน แล้วก็ยืมต่อ เลยได้ทำเพลง Dream, Time, Walk, You Know เวอร์ชั่นแรกๆ ซึ่งเกิดจากอุปกรณ์ที่ยืมมาหมดเลย

ปาร์ค : หลังจากนั้นก็คืนเขาไป แล้วเก็บเงินซื้อเครื่องใหม่เพื่อมาทำเพลงใหม่

ทำไมถึงเลือกเดินทางสายยากเพื่อมาทำดนตรีแนวนี้

แก๋ง : ส่วนตัวไม่ได้ชอบแนวนี้ขนาดนั้น แต่เราชอบที่ตอนนี้มันได้เล่นกับเพื่อนไง ได้เล่นด้วยกัน ได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน เพราะกระแสเพลงแบบนี้แล้วอยู่ต่างจังหวัดอีกก็หาที่เล่นด้วยกันยากอยู่แล้ว 

ปาร์ค : คือเราฟังเพลงป๊อปแบบป๊อปจ๋าเลยนะ แล้วที่นี้มาฟังโฟล์กป๊อป เออ ชอบดนตรีที่ป๊อปๆ แต่ลอยๆ ตอนนั้นยังไม่รู้เลยว่าเขาเรียกว่าดรีมป๊อป

เบ : เริ่มจากที่เราอยากฟัง เพราะชอบฟังเพลงแบบนี้แล้วอยากหาที่ฟังที่มีคนเล่นสด พอไม่มีเราก็เลยเล่นเองฟังเอง แต่บางทีเราเล่นเองแล้วไม่ค่อยได้ฟังนะ บางทีเราก็อยากแยกร่างได้เหมือนนารูโตะ บางที่เราเป็นเจ้าของร้านเรายังเกรงใจลูกค้าเลยว่าแบบนี้คนเขาจะไม่โอเค แต่ก็มีบางร้านอย่างมหานิยมก็เป็นที่ที่ให้เราได้ปลดปล่อย พอลูกค้ารู้ว่าวงนี้จะมาเล่น เขาจะไม่มา (หัวเราะ)

เบ : ใช่ หลังๆ ก็ยังเป็นอยู่

แก๋ง : จริงๆ นะ มันเคยมีบางคนเช็กบิลออกไปเลย ก็เลยทำเอง เล่นเอง ฟังเองด้วย (หัวเราะ)

ในยุคนี้ที่มีวงใหม่ๆ เติบโตจากโซเชียลเยอะมาก วงคุณใช้เวลานานไหมกว่าที่เพลงจะเริ่มติดหูคนฟัง

แก๋ง : เรื่องเวลาไม่ค่อยซีเรียส เราซีเรียสเรื่องเงิน

ปาร์ค : เราโฟกัสว่าทำเพลงแล้วเรามีความสุข เราไม่ได้มองว่าคนฟังเยอะหรือไม่เยอะ 

เบ : เรามองว่าทำเพลงแล้วเรามีความสุขไหม ก่อนที่จะโฟกัสว่าทำเพลงแล้วคนจะชอบไหม แต่จริงๆ ก็ใช้เวลานานอยู่เหมือนกัน

แก๋ง : มันดีนะ ที่ได้มีที่เล่น ก็จะได้ไปไหนมาไหนกับเพื่อนไง

เบ : ตอนนั้นคิดแค่นั้น แต่ตอนนี้ไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะไม่ค่อยมีตังค์ ช่วงแรกๆ ก็เข้าเนื้อ ต้องอดทนถ้าจะไปสายนี้ 

ดิว : มีงานที่ไหนไปหมดอยู่แล้วตอนนั้น

แก๋ง : คนเพิ่งมากดติดตามเราเยอะก็ปีนี้

ดิว : ตอนนี้เราดังแล้วเหรอวะ

ทุกคน : มันยังเหมือนเดิมอยู่เลย

อะไรคือปัญหาและอุปสรรคบนเส้นทางสายดนตรีต่างจังหวัดที่ต้องเจอ

แก๋ง : ปัญหาก็คือบางทีมีงานทัวร์แต่เรามีงบจำกัด ไม่สามารถนั่งเครื่องฯ มาได้ เราต้องนั่งรถมาเอง บางทีมันเสียเวลางานเพราะเล่นงานเดียววันเดียวแต่ต้องใช้เวลา 3 วัน รวมไป-กลับ มันก็เสียตรงนี้ แต่เราชอบเราก็ต้องมากัน เราอยากมา ถ้าขับรถเองใช้เวลา 6-7 ชั่วโมง เพราะแวะปั๊มบ้าง บางทีมาเจอรถติดในกรุงเทพฯ อีก โห เหนื่อย บางครั้งหมดเวลาไป 10-12 ชั่วโมงกับการเดินทาง

เบ : แต่ชอบ สนุกดี

ปาร์ค : ก็ชินกันแล้วมากกว่า 2 ปีมานี้ไป-กลับมหาสารคาม-กรุงเทพฯ บ่อยมาก

แก๋ง : เมื่อก่อนจะไปเล่นต้องหาตังค์จากงานอื่นมาเล่น หลังๆ ก็เริ่มดีขึ้นหน่อย

เอาเงินเพื่อมาเติมเต็มความฝันด้านดนตรีแบบนี้มันคุ้มไหม

เบ : เราไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นยังไง ขอแค่โฟกัสเป็นวันๆ ไปดีกว่า แต่เราจะไม่หยุดทำ

ปาร์ค : สำหรับเรามองว่าเราเริ่มสนุกกับมันแล้ว เริ่มมีรายได้จากตรงนี้ ออกไปเล่นดนตรีกับเพื่อนแล้วได้ตังค์มาด้วย

เบ : คุยกับปาร์คมาตั้งแต่แรกแล้วว่าการมาทำวงนี้ไม่ได้คาดหวังอะไร อย่าไปซีเรียส เราชอบก็เลยทำ ทุกวันนี้ก็ยังยืนหยัดด้วยคำคำนี้อยู่ 

ปาร์ค : เป้าหมายหลักเลยคือเล่นดนตรีแล้วมีความสุข 

เบ : อยู่กับเพื่อนทำเพลง 

ปาร์ค : มันดีตรงที่มีคนมาฟังนี่แหละ มีคนมาซัพพอร์ต มาชอบเรา มันเป็นกำลังใจที่ดีมากๆ นะ

 

การเดินทางสายดนตรีแบบนี้ พ่อแม่หรือคนในครอบครัวว่ายังไงบ้าง

แก๋ง : ทุกวันนี้ก็ยังมีปัญหากับที่บ้านอยู่ แต่ที่บ้านเขาก็รู้ว่าชอบดนตรีเพราะเล่นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขารู้ว่ายังไงก็ห้ามไม่ได้ จะห้ามอะไรก็ห้าม แต่ห้ามให้เล่นดนตรีแบบนี้ไม่ได้ 

เบ : เราต้องทำให้เขาเห็น ถ้าตอนนี้เขายังไม่เห็นก็ไม่เป็นไร แต่อย่าลืมสิ่งที่เขาฝากฝังอย่างเช่นตั้งใจเรียนอะไรแบบนี้ ถึงเราจะเพ้อฝันแค่ไหนแต่ถ้ามีกรอบให้ชัดแล้วเขาเห็นมันก็โอเค พ่อแม่เป็นห่วงก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่วัยรุ่นต้องทำให้เห็นด้วยว่าที่เพ้อที่ฝันนี่เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนนะ ต้องบริหารจัดการให้ได้

ปาร์ค : อย่างวง PLASUI PLASUI ทุกคนก็ต้องทำงานหาเงินเพื่อซื้อความสุขในการเดินทางกับเพื่อน แล้วมาเล่นดนตรีไม่ได้หลับไม่ได้นอน หางาน หาตังค์ หรือกระทั่งต้องทำกับข้าวให้ที่บ้านก่อนขับรถออกมากรุงเทพฯ ก็มี

ถ้าทำตามความฝันแล้วไม่เป็นอย่างที่ฝันเอาไว้ จะมีวิธีรับมือกับเหตุการณ์นั้นยังไง

แก๋ง : มันไม่ได้เป็นอย่างหวังอย่างฝันทุกคน แต่เราก็ต้องอยู่กับมันให้ได้ ชีวิตต้องไปต่อ เครียดก็เครียดได้แต่ว่าอย่านาน ถ้ายังชอบอยู่ก็สู้ต่อดิ ถ้าคิดว่าไม่ใช่ก็ลองหาความฝันอย่างอื่นที่เราอยากทำอยู่ หาให้เจอ 

เบ : ความฝันถ้ามันทำได้เลยก็ไม่เรียกว่าความฝันหรอก ใช่ไหมล่ะ ถ้าเจอแล้วต้องทำมันให้ดีที่สุด โอกาสมาก็ต้องคว้าไว้ อย่าทิ้งมันบ่อยๆ

ปาร์ค : เออ เหมือน PLASUI PLASUI ตอนแรกๆ เลย ไปเล่นที่ไหนก็ขาดทุน แต่ต้องไปหมดทุกที่ ถึงไปแล้วจะเจอคนฟังแค่คนเดียวก็ต้องไป

เบ : ถ้าขึ้นชื่อว่าความฝันมันก็ยากหมดแหละ ต้องสู้สักหน่อย ถ้าเกิดคุณรักมันจริงๆ อย่างน้อยมันก็สอนให้รู้ว่าตรงนั้นเป็นยังไง ถ้าไปไม่ถึงก็ถอยกลับมาเพื่อตั้งหลักแล้วไปต่อ

ดิว : พังก็ทำใหม่ พังอีกก็ทำใหม่ 

เบ : โลกก็เหมือนสนามเด็กเล่น ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเรียนรู้ ไม่มีใครเกิดมาแล้วรู้เลย ถ้าเกิดทำแล้วมันสำเร็จเลยเขาไม่เรียกว่าความฝันหรอก ถ้าเกิดทำแล้วสำเร็จเลยมันง่ายไป  

 

ช่วยเล่าวิธีการทำเพลงแบบ PLASUI PLASUI อย่างรวบรัดให้ฟังหน่อย

เบ : เราได้ไอเดียจากหลายอย่างเลย ทั้งจากหนัง จากเรื่องที่เพื่อนเล่าให้ฟัง ได้หมด หนังสือก็ด้วย อย่างเพลง Shoes ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังเรื่อง แฝด มันมีฉากหนึ่งที่มีรอยเท้าอยู่บนหาดทราย มันก็จะเข้ามาอยู่ในเนื้อเพลงที่เขียนว่า ‘อยู่เคียงข้างรอยเท้าของเธอ’ เราแค่เอาตรงนั้นมาแล้วลองเปลี่ยนมุมมองว่า เออ ถ้ามีคนมาอยู่ข้างเราตลอดเวลา คนน่าจะรู้สึกว่ามันกินใจ น่าจะดูโรแมนติกดีนะ

แก๋ง : แต่ว่าได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องผี (หัวเราะ) 

เบ : มาไกลเหมือนกัน มันเพ้อฝันนะ แต่ว่าจะตีกรอบไว้ไงว่าเราจะไปที่ไหน 

 

 

เบ : ตอนนั้นเนื้อเพลงมาพร้อมเมโลดี้เลย ก็คุยเรื่องดนตรีกับปาร์ค

ปาร์ค : มีบางทีที่เราทำดนตรีไป แล้วให้เบแต่งเนื้ออะไรงี้ 

แก๋ง : แต่หลักๆ ก็คือเริ่มจากเนื้อแล้วค่อยมาเมโลดี้ เป็นโครงมามันจะง่ายกว่า อย่างเบจะแต่งเนื้อร้อง มันยากถ้าเราทำดนตรีมาก่อนแล้วไปบีบจังหวะการร้องของเขา

เบ : โชคดีที่เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กเลยคุยกันได้ ไม่งั้นมันก็ยากอยู่นะ

 

การเล่นเบสแล้วเป็นนักร้องนำไปด้วยยากไหม

เบ : ถ้าเกิดเพลงที่เล่นเมโลดี้เยอะมันก็จะทำให้เราเสียบุคลิกเข้าไปอีก อุปสรรคอย่างใหญ่เลย แต่เราก็พยายามทำให้มันเนียนที่สุด ต้องฝึกกันไป เพราะปกติเราเล่นกีตาร์มาก่อน ไม่ได้เล่นเบส ก็มาฝึกจนมันได้

ปาร์ค : ลายเบสในเพลงของ PLASUI PLASUI จะเหมือนลายกีตาร์มากกว่า

 

ก็เลยทำให้ร้องไม่ชัดด้วย 

เบ : เออ อันนี้ใช่ มีส่วนเลย แต่ก็กลายเป็นคาแร็กเตอร์เฉย เพราะตั้งใจด้วย กลายเป็นดรีมป๊อปไปในตัว

 

5 เพลงที่อยากชวนคนฟังร่วมเพ้อฝันในโลกใต้หมอนของ PLASUI PLASUI

1. เพียงฝัน

แก๋ง : เพียงฝัน แล้วกัน เพราะชอบท่อนที่เบร้องท่อนแรก ‘บดบังความงามท้องนภา’ ฮุกเลย แล้วก็ชอบแค่นั้น แค่ประโยคนั้น 

เบ : เพียงฝัน ให้อารมณ์เหมือนเราชอบดูหนังฟีลกู้ด เราชอบดูหนังที่พระเอกเป็น loser พอเอา เพียงฝัน มาตีความอีกทีหนึ่ง เราว่ามันเป็นความรักที่ฉาบฉวย เขามาให้ความหวัง แล้วเราดีใจ ช่วงเวลาที่ผ่านมาเราหลง มันเป็นเพียงแค่ความฝันที่ผลักเราออกจากเขาให้ไกลมากขึ้นไปเรื่อยๆ 

 

2. Walk

ดิว : แนะนำให้ไปลองฟัง Where You Go แล้วก็ This Is a Book ส่วนเพลงที่ผมชอบคือ Walk นะ มันมีลูกเล่นเยอะดี พอฟังก็เหมือนถูกดึงเข้าไปในเพลงได้ดีเหมือนกัน

เบ : เพลง Walk มันเป็นเรื่องของการเดินทาง แค่เราหลุดออกมาจากหน้าประตูบ้านได้นั่นคือประสบความสำเร็จแล้ว ไม่ต้องพูดเลยว่าการเดินทางมันจะพาเราไปไหน คือลุกออกจากเตียงให้ได้ก่อน เหมือนกันกับการเก็บกระเป๋าออกไปตามความฝัน ออกไปทำงานอะไรก็แล้วแต่ อะไรก็ได้ขอแค่ให้คุณออกไปเดิน

 

3. เหมือนเคย

ปาร์ค : เหมือนเคย ฮะ เพราะเป็นเพลงแรกที่ทำให้เราเป็นที่รู้จักมากขึ้น ในพาร์ตของดนตรีก็ค่อนข้างฟังง่าย เพราะมีแค่ 2 คอร์ด แต่เป็น 2 คอร์ดที่มีอะไรอยู่ในนั้น

เบ : เพลงนี้ผมเขียน เป็นลายเซ็นของ PLASUI PLASUI เลยล่ะเพลงนี้

 

4. Dream

เบ : อีกเพลงหนึ่งน่าจะเป็น Dream เป็นเพลงที่เล่าจากความฝันและตอบโจทย์การทำงานของ PLASUI PLASUI ด้วย

 

5. Chocolate

เบ : เพลงนี้ที่เสียงร้องไม่ชัดคือเราตั้งใจ ไม่ใช่อุปกรณ์ไม่ดีนะ แต่เพราะอยากให้เพลงลอยๆ เราไม่รู้ว่าเป็นดรีมป๊อปไหม แต่อยากให้มันลอย อยากให้เนื้อเพลงไม่ค่อยชัด ให้ดนตรีเข้ามาเหลื่อมๆ กันนิดหนึ่ง เราชอบแบบนี้ 

AUTHOR

Video Creator

อภิวัฒน์ ทองเภ้า

เป็นลูกชายคนเดียวของพ่อแม่, เป็นศิษย์เก่านิเทศศาสตร์ ม.มหาสารคาม แต่เป็นคนอุดรธานี, เป็นวิดีโอครีเอเตอร์ ประสบการณ์ 2 ปี, เป็นคนเบื้องหลังงานวิดีโอของ a day และเป็นคนปลุกปั้นสารคดี a doc, เป็นคนนอนไม่เคยพอ, เป็นหนึ่ง คือ เป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง สรรพสิ่ง คือ ไม่เป็นอะไรเลย, ตอนนี้เป็นหนี้ กยศ. และรับจ้างทั่วไป [email protected]