แอนโทนี บอร์เดน ผู้ทำให้รายการพาชิมอาหารเป็นรายการพาชมโลก

แอนโทนี บอร์เดน เสียชีวิตในวันที่ 8 มิถุนายน 2561 ด้วยวัย 61 ปี

ในเมืองไทยแล้ว แอนโทนีอาจจะมีชื่อเสียงน้อยกว่าหม่อมถนัดแดกหรือ อ.ยิ่งศักดิ์ แต่ในระดับโลก แอนโทนีนั้นเป็นเชฟเซเลบริตี้ นักเขียน นักชิม และคนทำรายการทีวีชื่อดัง รายการอาหารของเขามักจะไม่ได้จบที่อาหารและไม่ได้หยุดแค่การเป็นรายการ

แอนโทนีเป็นเชฟและนักดูหนังตัวยงคนหนึ่ง หลายๆ ครั้งเขามักเปรียบการทำอาหารในครัวเหมือนหนังสงครามดีๆ เรื่องหนึ่ง ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ยืนยันความรักหนังของเขาคือการรีวิวหนังเรื่อง Baby Driver ว่า ‘Fuck BABY DRIVER’ กลางทวิตเตอร์ของเขาเอง พร้อมกับเล่าว่าเขาไม่สามารถทนดูหนังเรื่องนี้ได้จนจบและวอล์กเอาต์เสียก่อน

นี่อาจเป็นนิสัยที่ไม่ค่อยดีนักและก็มีหลายคนไม่ได้เห็นด้วยกับรีวิวของเขา แต่การที่ถือเอาการชมภาพยนตร์เป็นความหงุดหงิดซีเรียสจนต้องทวีตแบบนี้ ก็ถือว่าต้องเป็นคนซีเรียสกับหนังประมาณนึง (โดยเฉพาะการเป็นทวีตที่ไม่ได้ออกมาจากคนวงการหนัง ยิ่งทำให้รู้สึกว่าเชฟคนนี้ซีเรียสเรื่องดูหนังเข้าไปอีก) และสิ่งเหล่านั้นก็ถูกแสดงออกมาในอีกอาชีพหนึ่งของเขาคือ คนทำรายการทีวีว่าด้วยอาหาร

รายการส่วนใหญ่ที่แอนโทนีโปรดิวซ์มักว่าด้วยการสำรวจเมือง สำรวจคน ผ่านการชิมอาหารหรือการทำอาหาร เพราะสำหรับแอนโทนีแล้ว อาหารคือเครื่องสะท้อนวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของเขตแดนนั้นๆ อาหารบางเมนูสะท้อนความเรสซิสม์ของคนคิด ร้านอาหารบางร้านบอกเล่าเรื่องของคนพลัดถิ่นหรือผู้อพยพ การขายอาหารบางอย่างหายไปเพราะนโยบายของรัฐบาล ดังนั้นทุกครั้งเวลาได้ดูรายการของแอนโทนี เราจะได้รู้อะไรมากกว่า ‘ร้านนี้อร่อยควรมาชิม’ หรือบางทีความอร่อยนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเขาด้วยซ้ำ ความแตกต่างและไม่เหมือนที่ไหนต่างหากที่เขาอยากแนะนำให้เราลองไปชิมเพื่อให้รู้ว่าโลกนี้มีรสชาติที่หลากหลายมากเพียงใด

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะรู้สึกเหมือนได้ดูหนังเล็กๆ ในรายการของเขา อีกทั้งความรักหนังของเขาก็ถูกใส่เข้ามาในรายการเสมอ จะมีรายการพาชิมรายการไหนที่ไปฮ่องกงแล้วไปตามสัมภาษณ์ Christopher Doyle ตากล้องชื่อดังของหนังหว่อง การ์ ไว เกือบทุกเรื่อง และให้เขาพาเที่ยวเมืองรวมถึงพากินร้านอาหารข้างทาง พร้อมกับพยายามตัดต่อรายการให้คล้ายกับการตัดต่อของหนังหว่อง แถมใช้เพลงประกอบรายการเหมือนเพลงจากหนัง In the Mood for Love หรืออย่างตอนที่เขาไปถ่ายรายการที่อาร์เจนตินา ในรายการก็ยังมีพาร์ตตามรอยโลเคชั่นหนังเรื่อง Happy Together ที่ถ่ายที่นั่น เป็นรายการอาหารที่มีเรื่องราว ผู้คน และภาพของเมือง ที่มากกว่าอาหารไปเสียอย่างนั้น

แต่จริงๆ แล้วความเป็นภาพยนตร์ของแอนโทนีอาจจะไม่ใช่แค่การที่เขาทำคอนเทนต์เกี่ยวกับหนังหรือมีเรเฟอเรนซ์ทางภาพและเสียงจากภาพยนตร์เรื่องต่างๆ เพียงอย่างเดียว ใจความสำคัญที่ทำให้เรารู้สึกว่ารายการอาหารของเขาคล้ายหนัง คือการที่เขาโฟกัสที่ธีมสำคัญบางอย่างมากกว่าเรื่องราวหรือข้อมูลร้านอาหารที่เขาพาไปชิมในตอนนั้นๆ เมนูแต่ละจานเหมือนเป็นเพียงซีนแต่ละซีนในหนัง การพบเจอผู้คนต่างๆ ในเมืองนั้นอาจเป็นแค่สตอรี่ช่วยดำเนินเรื่องให้เดินหน้าต่อไป แต่จริงๆ แล้วทั้งคนและอาหารเหล่านั้นกำลังรวมตัวเพื่อส่งเมสเสจสำคัญบางอย่างให้กับผู้ชมหรือนำไปสู่ธีมบางอย่างที่สะท้อนภาพของสังคมและวัฒนธรรมของเมืองที่แอนโทนีไปเยี่ยมชม

รายการของเขาชิ้นล่าสุดก่อนเสียชีวิตนั้นจึงชื่อ Parts Unknown เห็นชื่อแล้วไม่รู้เลยว่านี่เป็นรายการอาหาร เซอร์มาก (คือมันไม่มีคำว่าอร่อย พาชิม อิ่ม แต่อย่างใด) การตามไปชิมของเขาเหมือนเป็นการเดินทางสู่ที่ใหม่ๆ และวัฒนธรรมใหม่ๆ มากกว่า จนครั้งหนึ่งเขายังเคยบอกว่าเขาไม่ชอบชาววีแกนประเภทที่เดินทางท่องเที่ยวแล้วไม่กินอาหารของเมืองนั้นเพียงเพราะมันผิดกฎการกินของวีแกน เขาคิดว่ามันคือการไม่เปิดใจยอมรับผู้คนใหม่ๆ ไม่เคารพต่อความแตกต่าง เป็นการยึดถือตัวตนตัวเองอย่างรุนแรง, อืม คุณลุงเขาซีเรียสจริง

อย่างไรแล้ว แอนโทนีก็ทำให้เราเข้าใจว่าอาหารสามารถพาคนชิมไปสู่โลกใหม่ๆ ได้ไม่ต่างจากภาพยนตร์ที่พาเราไปเห็นทิวทัศน์แปลกตามากกว่าจะเป็นเพียงแค่ความบันเทิง 2 ชั่วโมง เขาทำให้เรามองเห็นธีมและเมสเสจบางอย่างในอาหารที่เรากิน

มากกว่าแค่ใช้ลิ้นสัมผัสรสแล้วจบกันไป

ภาพประกอบ ฟาน.ปีติ

AUTHOR

ILLUSTRATOR

ฟาน.ปีติ

ปีติชา คงฤทธิ์ นักออกแบบภาพประกอบประจำนิตยสาร a day งานอดิเรกคือการทำอาหารคลีน, วิ่ง และต่อกันพลา