เมื่อเราเข้าใกล้ยุคที่ไม่ต้องมีสมาร์ทโฟน

เมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีการจัดงาน F8 ซึ่งเป็นงานชุมนุมของเหล่านักพัฒนาโปรแกรมทั่วโลกที่มาอัพเดตตัวแพลตฟอร์ม
Facebook งานนี้จะมีการประกาศความสามารถใหม่ๆ รวมทั้งวิสัยทัศน์ของตัวเฟซบุ๊กที่นำโดย Mark Zuckerberg ปีก่อนหน้านี้ก็มีโชว์ความสามารถอันน่าทึ่งอย่างการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ในการโต้ตอบของผู้ใช้งานเฟซบุ๊กผ่านช่องทาง Messenger หรือการเผยทิศทางการใช้เทคโนโลยี
Virtual Reality เป็นต้น

ปี 2017 นี้ เฟซบุ๊กเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ๆ
เข้ามาอีกพอสมควร มากพอจะเรียกเสียงว้าวและเสียงฮือฮาจากสื่อมวลชนได้ แต่หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจมากๆ
คือการที่มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก เริ่มชี้ให้เห็นว่าเรากำลังจะไม่ต้องการสมาร์ทโฟนอีกต่อไปในเร็ววันนี้

อ่านมาถึงตรงนี้ก็อาจจะอึ้งๆ กันได้ เพราะถ้าว่ากันตามจริงแล้ว
เราเพิ่งจะเข้ามาถึงยุคที่ใช้สมาร์ทโฟนกันอย่างจริงๆ จังๆ ไม่กี่ปีเท่านั้น
ถ้านับการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือการวางจำหน่ายของ iPhone ก็เพิ่งผ่านมาแค่
10 ปีเอง แล้วเราจะไม่ต้องใช้สมาร์ทโฟนกันแล้วหรือ?

ที่กล่าวกันเช่นนี้ เพราะในอนาคตอันใกล้เราคงจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ
ที่เข้ามาทำให้เราเกิด ‘หน้าจอ’ แบบใหม่ซึ่งไม่จำเป็นต้องพึ่งอุปกรณ์อย่างโทรศัพท์เพื่อจะสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและดูข้อมูลต่างๆ
หนึ่งในตัวอย่างที่หยิบมานำเสนอคือ การสร้างแว่นตาที่ตัวเลนส์แว่นตาสามารถกลายเป็นหน้าจอแสดงผลต่างๆ
ได้ และนั่นทำให้เราไม่จำเป็นต้องจ้องหน้าจออื่นๆ อย่างโทรทัศน์หรือโทรศัพท์อีกต่อไป
แถมอุปกรณ์อย่างแว่นตาเองก็สวมใส่สบาย หากอยากจะดูรายการโทรทัศน์ก็แค่สวมแว่นตาแล้วมองไปที่ผนัง แล้วให้แอพพลิเคชันโทรทัศน์บนแว่นตาทำหน้าที่โชว์รายการทีวีผ่านเลนส์บนแว่นเลย

ฟังดูเหมือนเวอร์ แต่เอาจริงๆ แนวคิดแบบนี้ก็เคยมีมาก่อนอย่าง Microsoft ที่พัฒนาเทคโนโลยี Augmented Reality กับอุปกรณ์
HoloLens ซึ่งก็มีคอนเซปต์ไม่ได้ต่างกันมากนัก เมื่อผู้ใช้สวมใส่อุปกรณ์
HoloLens ที่เป็นเหมือนแว่นตาก็จะสามารถเห็นคอนเทนต์อื่นๆ ซ้อนขึ้นมาบนพื้นผิวจริงๆ
และทำให้เราสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเล่นเกม ดูรายการโทรทัศน์
พูดคุยกับคนอื่นๆ ฯลฯ

แม้ว่าคอนเซปต์ดังกล่าวจะยังดูห่างไกลมาก แต่เราก็ต้องยอมรับว่ามันก็ไม่ได้ไกลมากชนิดเหมือนกับหนังไซไฟที่เราคิดว่ามันโม้เกินจริง เพราะทุกวันนี้เราก็เริ่มเห็นอุปกรณ์เหล่านี้พัฒนาให้เก่งกว่าเดิมมากขึ้นเยอะ
แถม ‘จับต้อง’ ได้ชนิดที่พอมีให้เห็นกันแล้ว
แถมประสบการณ์การใช้งานเทคโนโลยี AR ก็เริ่มเป็นที่คุ้นเคยกันกว่าแต่ก่อนเยอะ
(ถ้านึกไม่ออกว่าคุณเคยสัมผัสมันหรือเปล่า? ตัวอย่างที่ดีก็คือเกม
Pokémon Go นั่นแหละครับ)

นั่นย่อมหมายความว่าอุปกรณ์เหล่านี้เองอยู่ในช่วง ‘ขาขึ้น’
และเริ่มปรับตัวให้เข้าใกล้ตลาดของผู้บริโภคเรื่อยๆ ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปว่ามันจะมาไวขนาดไหน
เพราะทุกวันนี้เทคโนโลยีต่างๆ ก็ไปไวกันเสียอย่างไม่น่าเชื่อชนิดเราเองก็ตามไม่ค่อยจะทันเลย

แต่ถ้าวันนั้นมาถึงกันจริงๆ พฤติกรรมของคนในสังคมอาจจะเปลี่ยนอีกครั้งใหญ่
เช่น เราอาจจะไม่ต้องมีสังคม ‘ก้มหน้า’ กันอีกต่อไปแล้วละมั้งครับ
😛

ภาพ newsroom.fb.com, technoreef.com

AUTHOR