1 กุมภาพันธ์ 2020 เป็นวันที่ชาวไทย (และอีกหลายๆ ชาวในโลกนี้) โห่ร้องสรรเสริญด้วยความยินดี เนื่องจากแอนิเมชั่นของค่าย Ghibli สามารถหาชมกันได้ง่ายๆ แล้วทางสตรีมมิงของเน็ตฟลิกซ์ ตามที่มีประกาศชวนอึ้งตะลึงเมื่อเดือนมกราคมว่าผลงานของจิบลิจะทยอยลงเน็ตฟลิกซ์เดือนละ 7 เรื่อง ทุกวันที่ 1 ของเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม และเมษายน สิริรวมแล้ว 21 เรื่อง เล่นเอาคนหันขวับกันทั้งวงการภาพยนตร์ว่าเน็ตฟลิกซ์ไปดีลมาได้ยังไง เพราะตลอดหลายปีมานี้มีสตรีมมิงหลายเจ้าตามจีบตามตื๊อจิบลิไม่ขาดสาย
สำหรับคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมากับยุคดิจิทัล ออนไลน์ สตรีมมิง ก็คงเฉยๆ กับข่าวนี้ แต่สำหรับคนวัย 30 อัพขึ้นไป (อย่างเช่นผู้เขียน) การกดคลิกแค่ 2-3 ทีแล้วดูหนังจิบลิได้เลยถือเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง ถ้าเป็นเมื่อราว 15-20 ปีที่แล้วไม่มีทางเชื่อเลยว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น ดังนั้นขอทำตัวเป็นคนแก่ระลึกความหลังให้ฟังกันว่า สมัยก่อนกว่าจะหาแอนิเมชั่นของจิบลิมาดูได้นี่เราต้องผ่านอะไรกันมาบ้าง
จากความทรงจำคร่าวๆ ของผู้เขียน ค่ายจิบลิเริ่มได้รับความนิยมในบ้านเรามาตั้งแต่ยุค 90s เนื่องด้วยผลงานดังอย่าง My Neighbor Totoro (1988), Kiki’s Delivery Service (1989) หรือ Princess Mononoke (1997) ประกอบกับช่วงทศวรรษ 90 เป็นยุคทองของกระแสวัฒนธรรมญี่ปุ่นด้วย แต่ช่วงนั้นแฟนคลับจิบลิอาจยังจำกัดอยู่ในวงของพวกคอหนัง เนิร์ดอนิเมะ หรือสายเจ (หมายถึงอิน J-culture ไม่ใช่กินเจ) จิบลิมาดังแบบตูมตามก็ช่วงต้นยุค 00s ที่หนังเรื่อง Spirited Away (2001) ไปคว้ารางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยมมาได้ นับจากนั้นจิบลิไม่ได้ดังแค่ในญี่ปุ่น ไทย หรือเอเชีย อีกต่อไปแล้ว แต่กลายเป็นความดังระดับโลก
เนื่องจากช่วงปลายยุค 90s จนถึงกลาง 00s หนังของจิบลิไม่ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในประเทศไทยและไม่มีลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการ การดูหนังจิบลิในยุคนั้นจึงต้องใช้วิธี ‘ใต้ดิน’ อย่างการซื้อวิดีโอ (เถื่อน) จากร้านขายหนังนอกกระแสตามจตุจักรหรือมาบุญครอง ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็นวีซีดีและดีวีดีตามลำดับ เนื่องจากงานจิบลิค่อนข้างป๊อปปูลาร์เลยมีการทำซับไตเติลภาษาไทยด้วย หากคุณเคยดูจิบลิเวอร์ชั่นซับไทยสีเหลืองๆ ตัวใหญ่ๆ ก็น่าจะมาจากร้านฝั่งจตุจักร
จนกลางยุค 00s ที่จิบลิกลายเป็นอะไรที่สุดแสนจะ ‘แมส’ เหล่าคนดูหนังก็เกิดคำถามคาใจว่าทำไมคนไทยถึงไม่ได้ดูหนังจิบลิในโรงกันสักที อย่างตอนที่ Howl’s Moving Castle (2004) ออกฉายก็เกิดกระแสฮือฮามาก ทั้งเป็นผลงานใหม่ของ Hayao Miyazaki ถัดจาก Spirited Away แถมยังได้ Takuya Kimura พระเอกคนดังมาพากย์เสียง สาเหตุอาจมี 2 ประการ หนึ่ง หนังของจิบลิแพงใช่ย่อย และสอง ค่ายหนังไทยช่วงนั้นไม่มั่นใจว่ากลุ่มผู้ชมแอนิเมชั่นญี่ปุ่นจะมากพอ (ไม่เหมือนพวกงานของดิสนีย์หรือพิกซาร์ที่มีคนดูแน่นอน)
ชาวไทยได้ดูหนังจิบลิในโรงครั้งแรกกับเรื่อง Ponyo (2008) ซึ่งค่าย M Pictures เป็นผู้ซื้อมาฉาย หลังจากนั้นทางค่ายก็เอาหนังจิบลิเข้าโรงตลอด เช่น The Secret World of Arrietty (2010), From Up on Poppy Hill (2011), The Wind Rises (2013), The Tale of the Princess Kaguya (2013) และ When Marnie Was There (2014) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วทำรายได้ในระดับโอเค แม้จะไม่เท่าพวกหนังการ์ตูนญี่ปุ่นดังๆ (ประเภท ‘โคนัน เดอะมูฟวี่’) ส่วนเรื่องที่ทำเงินสูงสุดคือ The Wind Rises หนังที่มิยาซากิหลอกพวกเราว่าจะเป็นเรื่องสุดท้ายในชีวิต แต่แกก็กลับมาทำหนังอยู่ดี
นอกจากเอาหนังจิบลิฉายโรงแล้ว M Pictures ยังได้สิทธิในการออกแผ่นดีวีดีในช่วงทศวรรษ 2010 แต่อาจจะไม่ได้ครบทุกเรื่อง เช่นขาดเรื่องดังอย่าง Spirited Away ด้วยเหตุผลทางลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตามหนังจิบลิส่วนหนึ่งได้หมดลิขสิทธิ์การทำแผ่นในบ้านเราไปแล้ว ถึงตรงนี้คุณผู้อ่านอาจเอะใจว่า เอ๊ะ ทำไมยังเห็นมีขายตามร้านดีวีดีเลยล่ะ ความจริงที่ควรทราบคือ ดีวีดีจิบลิหลายเรื่องในไทยทุกวันนี้เป็นแผ่นแบบ ‘ผีใส่สูท’ คือตัวกล่องดูมีทะเบียนนั่นนี่จนเหมือนแผ่นลิขสิทธิ์ถูกต้อง แต่แท้จริงมันคือแผ่นผิดลิขสิทธิ์ ซึ่งประเด็นของผู้เขียนคือผู้บริโภคสมควรได้รู้ว่าตัวเองซื้ออะไรไป
ตัดภาพมาปัจจุบันที่เรากำลังเริงร่ากับการดูหนังจิบลิทางเน็ตฟลิกซ์ แต่ใช่ว่าทุกคนจะยินดีปรีดากับเรื่องนี้เพราะมี 3 ประเทศที่ไม่ได้ดูจิบลิทางเน็ตฟลิกซ์ นั่นคือสหรัฐอเมริกา แคนาดา และญี่ปุ่น ในกรณีของสองประเทศแรกเกิดจากการที่จิบลิทำดีลไว้กับสตรีมมิง HBO Max ที่จะเปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคม 2020 ส่วนในญี่ปุ่นสาเหตุมาจากการที่คนประเทศนี้ยังซื้อแผ่นเพลงแผ่นหนังกัน จิบลิยังสามารถขายบลูเรย์และแผ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นได้อยู่ก็เลยไม่ยอม go digital ในบ้านเกิดตัวเอง
นอกจากนั้นมีเรื่องน่ารู้ว่าบรรดาหนังจิบลิที่ฉายทางเน็ตฟลิกซ์มีเรื่องหนึ่งที่ขาดหายไป นั่นคือหนังเศร้าในตำนานอย่าง Grave of the Fireflies (1988) หรือ ‘สุสานหิ่งห้อย’ ด้วยเหตุที่ว่าหนังยังติดลิขสิทธิ์อยู่กับ Tokuma Shoten ซึ่งเคยเป็นค่ายแม่ของจิบลิ โดยจิบลิแยกตัวออกมาบริหารตัวเองอย่างอิสระเมื่อปี 2005
ผู้เขียนขอทิ้งท้ายว่า นอกจากหนังดังๆ อย่าง Spirited Away หรือ My Neighbor Totoro แล้ว มีอีก 2 เรื่องที่ขอแนะนำเป็นพิเศษ นั่นคือ Pom Poko (1994) ว่าด้วยตัวทานูกิที่ถูกมนุษย์รุกรานที่ดิน เป็นหนังจิบลิที่ดูแล้วเครียดมากเพราะช่างเหมือนเรื่องราวในชีวิตจริง
อีกเรื่องคือ Whisper of the Heart (1995) หนังสุดน่ารักว่าด้วยความสัมพันธ์กุ๊กกิ๊กของหนุ่มสาว แต่ค่อนข้างมีสถานะเป็นหนังลูกเมียน้อยของจิบลิ ชนิดที่ว่าออฟฟิเชียลช็อปของจิบลิยังแทบไม่เคยมีของที่ระลึกใดๆ เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ ก็ได้แต่หวังว่าอานิสงส์ของเน็ตฟลิกซ์จะทำให้หนังเป็นที่จดจำขึ้นมาบ้าง
ภาพประกอบ
Spirited Away
outnow.ch
My Neighbor Totoro
outnow.ch
Princess Mononke
outnow.ch