Little Women: แค่เพราะความฝันของฉันแตกต่างจากเธอ ไม่ได้หมายความว่ามันไม่สำคัญ

“โลกนี้อยู่ยากสำหรับผู้หญิงที่ทะเยอทะยาน” Amy March หนึ่งในสี่ดรุณีประจำบ้านมาร์ช กล่าวไว้ในฉากหนึ่งของ Little Women (2019) สะท้อนแนวคิดของผู้หญิงในศตวรรษที่ 19 ได้เป็นอย่างดี

แม้ในยุคนี้ที่ประเด็นทางสังคมเกี่ยวกับผู้หญิงอย่าง #Metoo มาแรง สื่อบันเทิงช่วยกันขับเคลื่อนประเด็นนี้ด้วยการผลิตหนังเพื่อนหญิงพลังหญิงมากขึ้น เรามีหนังฮีโร่หญิงรายได้พันล้าน มีการสนับสนุนผู้กำกับหญิงเจ็นใหม่ที่มีฝีมือน่าจับตามอง หรือแม้แต่ในฝั่งที่ไม่ใช่ฮอลลีวูดก็มีสื่อบันเทิงที่สร้างขึ้นเพื่อวิพากษ์วิจารณ์การลดทอนคุณค่าของผู้หญิงในสังคมชายเป็นใหญ่ อย่างล่าสุดคือหนังเรื่อง คิมจี-ยอง เกิดปี 82

แต่กระนั้น ค่านิยมของสังคมที่มีต่อเพศหญิงก็ยังเป็นสิ่งที่หลายคนตั้งคำถาม ท่ามกลางสื่อกระแสหลักที่ช่วยกันพูดเรื่องการเท่าเทียม แต่ข่าวการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิงอย่างไม่ธรรมก็ยังมีให้เห็นเรื่อยมา สิ่งนี้ทำให้เราตั้งคำถามว่า หรือเสียงของผู้หญิงจะยังดังไม่พอ

เช่นเดียวกับ Greta Gerwig ผู้กำกับหนัง Little Woman เวอร์ชั่นล่าสุด

ภาพ : Indiewire

“ปัจจุบันโลกนี้ก็ยังอยู่ยากสำหรับผู้หญิงที่ทะเยอทะยาน” เธอกล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์ของ Screen Rant หรือบางทีนี่อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เธออยากดัดแปลงวรรณกรรณเรื่องสำคัญให้กลายเป็นหนังอีกครั้ง แม้มันจะผ่านการดัดแปลงมาแล้วถึง 6 ครั้งก็ตาม

ทันทีที่เธอประกาศสร้างหลังจากประสบความสำเร็จกับหนังดังอย่าง Lady Bird เราตั้งตารอดูเลยว่า Little Women เวอร์ชั่นที่สร้างในยุคที่ผู้หญิงมีสิทธิ์มีเสียงมากขึ้นจะเป็นยังไง

และหลังจากดูจบ เราคิดว่าเกอร์วิกปลุกวรรณกรรมเรื่องนี้ให้ขึ้นมาโลดแล่นบนจอใหญ่ได้อย่างงดงาม สนุกสนาน และแฝงไปด้วยการตั้งคำถามเกี่ยวกับทางเลือกในชีวิตของผู้หญิงที่ไม่เคยล้าสมัย

ภาพ : The Sun

สำหรับคนที่ไม่รู้จักเรื่องนี้มาก่อน ขอเล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่า Little Women คือวรรณกรรมที่เขียนโดย Louisa May Alcott ตีพิมพ์ในปี 1868 เล่าเรื่องราวชีวิตของสี่สาวครอบครัวมาร์ช Meg (Emma Watson), Jo (Saoirse Ronan), Beth (Eliza Scanlen) และ Amy (Florence Pugh) ซึ่งใช้ชีวิตอยู่กับแม่ในบ้านแสนอบอุ่นติดกับคฤหาสน์ของ Laurie (Timothée Chalamet) หนุ่มหล่อที่เข้ามาสร้างสีสันให้ชีวิตสาวๆ และกลายเป็นชนวนสำคัญที่สร้างรอยร้าวระหว่างพี่น้อง ก่อนสาวบ้านมาร์ชต้องแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตัวเอง

ถึงเราจะไม่ได้ผูกพันกับ Little Women เท่าคนที่เคยอ่านวรรณกรรมหรือดูภาพยนตร์เวอร์ชั่นก่อนๆ แต่เวอร์ชั่นของเกอร์วิกก็ทำงานกับเรามากพอที่จะทำให้อมยิ้มเป็นบ้าและเสียน้ำตาระหว่างทางไปหลายหยด

BY WILSON WEBB/© 2019 CTMG, INC. ALL RIGHTS RESERVED.

เกอร์วิกนำความแปลกใหม่มาให้ Little Women ด้วยการใช้วิธีการที่ไม่เคยมีผู้กำกับคนไหนทำมาก่อน นั่นคือการดำเนินเรื่อง 2 ไทม์ไลน์สลับกัน เราเห็นพาร์ต before ช่วงที่ทุกคนยังเป็นเด็กซึ่งไม่ต้องกังวลกับสิ่งใด กับพาร์ต after ตอนสาวๆ โตเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องต่อสู้ในหนทางของตัวเอง

ต้องยอมรับว่าความเพลิดเพลินจำเริญใจส่วนใหญ่นั้นเกิดจากงานภาพและคอสตูมที่เหมือนหลุดออกมาจากภาพวาดสมัยก่อน รวมทั้งเสน่ห์ของทีมนักแสดงซึ่งต่างเป็นดาวเด่นน่าจับตามองในวงการตอนนี้ โดยเฉพาะโรแนนและพิวห์ที่ต่างก็เฉิดฉายในบทบาทของตัวเอง 

พิวห์เล่นบทเอมี่ น้องสาวขี้อิจฉาได้อย่างน่ารักน่าชัง แอบร้ายกาจแต่อ่อนหวาน ภายใต้สีหน้าทระนงและแววตามุ่งมั่น พิวห์ทำให้เราสัมผัสได้ถึงมวลอารมณ์อึดอัดซึ่งกำลังคุกรุ่น ไม่ว่าจะมาจากการเป็นหญิงสาวผู้ไม่สมหวังในรัก หญิงสาวผู้ยังไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน หรือหญิงสาวที่อดทนอดกลั้นต่อการโดนสังคมตีกรอบ

little women
BY WILSON WEBB/© 2019 CTMG, INC. ALL RIGHTS RESERVED.

ในขณะที่โจคือหญิงสาวผู้ทลายกรอบของสังคมยุคนั้น ถ้ามีตัวตนอยู่จริงเธออาจเป็นหญิงสาวหัวก้าวหน้าคนแรกๆ ในหน้าประวัติศาสตร์เลยก็ได้ เพราะโจไม่อยากมีแฟน ไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากเลือกอะไรก็ตามที่เธอไม่อยากเลือก เธอซื่อสัตย์กับแพสชั่นเดียวของตัวเองคือการเขียนหนังสือ

โรแนนสวมบทโจ มาร์ช ได้อย่างไร้ที่ติ มีชีวิตชีวา มีบางช่วงที่ทำให้เราโมโหเป็นบ้า และมีช่วงเวลาที่ทำให้เรามองเห็นความเป็นมนุษย์ในตัวละครที่แม้จะแสดงออกว่าเข้มแข็งหรือต่อต้านความรักแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องการใครสักคนที่สามารถทิ้งตัวใส่ได้ในวันที่เปราะบางอยู่ดี

little women
ภาพ : Rollingstone

แน่นอนว่าความเยี่ยมยอดของนักแสดงจะเกิดขึ้นไม่ได้หากขาดบทดัดแปลงที่ทรงพลัง ซึ่งสิ่งนี้ก็ต้องให้เครดิตเกอร์วิกอีกเช่นกันที่หยิบวัตถุดิบจากวรรณกรรมมายำเป็นหนังได้อย่างเอร็ดอร่อย ระหว่างทางเราเจอประโยคดีๆ ที่ประทับใจอยู่หลายอัน เช่น

“ผู้หญิงมีความคิด จิตวิญญาณ และหัวใจ พวกเธอมีความทะเยอทะยาน พรสวรรค์ เช่นเดียวกับความสวยงาม และฉันเบื่อเหลือเกินที่ผู้คนเอาแต่พูดว่าผู้หญิงเหมาะกับความรักเพียงอย่างเดียว แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็รู้สึกเหงาเหลือเกิน” —โจ

“ฉันอยากยิ่งใหญ่ ถ้ายิ่งใหญ่ไม่ได้ก็ไม่อยากเป็นอะไรเลย ในฐานะของผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันไม่มีทางสร้างรายได้ที่เพียงพอต่อการใช้จ่ายของตัวเองและครอบครัว ถึงฉันจะมีเงินของตัวเอง สุดท้ายมันก็จะกลายเป็นของสามีของฉันทันทีที่เราแต่งงานกัน ถ้าเรามีลูก พวกเขาก็จะกลายเป็นสมบัติของเขา ไม่ใช่ของฉัน เพราะฉะนั้นอย่าพูดว่าการแต่งงานไม่ใช่ข้อเสนอสู่ฐานะที่ดีกว่า เพราะมันเป็นอย่างนั้น” — เอมี่

“แค่เพราะความฝันของฉันแตกต่างจากเธอ ไม่ได้หมายความว่ามันไม่สำคัญ” — เม็ก

และอีกหลายประโยคที่ล้วนแต่สะท้อนเมสเสจสำคัญของเรื่องว่าผู้หญิงไม่ได้เป็นแค่คนในกรอบของสังคม เธอสามารถอ่อนหวาน เกรี้ยวกราด มีอิสระ และควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม เหมือนที่มนุษย์ทุกเพศและทุกคนควรจะได้เช่นเดียวกัน

little women
ภาพ : nytimes

สิ่งที่เราเลิฟมากๆ อีกอย่างคือ ส่วนสุดท้ายของหนังที่ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าจริงๆ แล้วชะตากรรมของตัวละครเป็นยังไง เพราะโจในนิยายตัดสินใจแต่งงานกับศาสตราจารย์สอนวิชาเยอรมันซึ่งเจอในนิวยอร์ก ในขณะที่ Louisa May Alcott ผู้เขียน (ที่ทุกคนอนุมานว่าเธอคือโจ) ไม่ได้แต่งงาน แต่แต่งให้จบแบบนั้นเพราะเป็นธรรมเนียมที่ตัวละครหญิงในนิยายต้องแต่งงานเพื่อให้คนอ่านแฮปปี้

ความเจ๋งของเกอร์วิกคือเธอฉายให้เห็นภาพทั้งสองแบบ อาจเพราะอยากให้คนดูตีความต่อเองว่าจริงๆ แล้วชะตากรรมของตัวละครเป็นยังไง แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปกว่านั้น เราว่าสิ่งที่เกอร์วิกทำกับ Little Women ปี 2019 คือการบอกผู้หญิงทุกคนว่าเธอมีทางเลือกของตัวเองเสมอนะ และไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ไม่ผิดทั้งนั้น

โลกนี้อาจอยู่ยากสำหรับผู้หญิงที่ทะเยอทะยาน แต่การอยู่อย่างทะเยอทะยานมันก็ดีกว่าการอยู่ไปโดยไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้หัวใจเบิกบาน หรือการอยู่ไปโดยไม่สามารถตอบคำถามได้ว่าเรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร

AUTHOR