การค้นหาตัวเองครั้งใหม่ในวัย 29 ปีของ ‘ฟาง ธนันต์ธรญ์’ สาว(เคย)หวานประจำวงเฟย์ ฟาง แก้ว

บางคนอาจทำบางสิ่งได้ดี แต่บางคนเกิดมาเพื่อทำสิ่งนั้น  ฟาง เฟย์ฟางแก้ว

ก่อนหน้านี้เราไม่ค่อยเข้าใจประโยคที่ว่าเท่าไหร่ จนกระทั่งได้นั่งลงสนทนากับ ฟาง–ธนันต์ธรณ์ นีระสิงห์

พูดชื่อแล้วหลายคนอาจสงสัยว่าใครนะ แต่ถ้าแนะนำว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเราตอนนี้คือฟาง วงเฟย์ ฟาง แก้ว ทุกคนคงร้องอ๋อ และเราคงไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม

เสียงใสๆ ของเธอใน MSN, คำถาม, อยากลืมว่าเป็นเพื่อนเธอ และอีกหลายเพลงของวงเฟย์ ฟาง แก้ว คือสิ่งที่ทำให้หลายคนจดจำเธอได้ 

กับบางคนที่มีช่วงวัยเด็กในยุคปี 2550 เพลงฮิตเหล่านั้นไม่ใช่แค่ส่วนประกอบของเนื้อร้องและเมโลดี้ แต่อาจพูดได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต

เช่นเดียวกับคนฟัง ฟางเติบโตขึ้นระหว่างช่วงปีเหล่านั้นเช่นกัน แต่แน่นอนว่าความสำเร็จไม่ใช่สิ่งที่คงอยู่ตลอดไป เมื่อค่ายกามิกาเซ่สร้างผลงานจนสามารถไต่ถึงจุดพีคก็มีคราวต้องแยกย้าย หลังหมดสัญญากับค่าย ฟางบินไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษอยู่หลายปี ก่อนจะกลับมาประเทศไทยและถามตัวเองอีกครั้งว่าอยากทำอะไร

คำตอบยังเป็นคำตอบเดียวกับช่วงก่อนเธอจะบินไปเรียนต่อ–การร้องเพลง

รู้ตัวอีกที Honey Honey ซิงเกิลแรกของฟางก็ปล่อยออกมา แนะนำเธอในฐานะศิลปินเดี่ยวจากค่าย SpicyDisc ฟางบอกกับเราว่าในซิงเกิลนี้เธอมีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มทำเพลง และถ้าหากดูเอ็มวีแล้วหลายคนคงสัมผัสได้ว่าฟางพยายามนำเสนอแง่มุมใหม่ๆ ในตัวเธอที่เราไม่เคยเห็น

แต่เหนืออื่นใด ฟางยืนยันกับเราว่า สิ่งที่เธอให้ความสำคัญที่สุดคือความจริงใจ

จริงใจในความชอบ จริงใจในสิ่งที่ร้อง จริงใจในการทำงานกับเสียงเพลงที่เธอรัก

จริงใจในสิ่งที่เธอเกิดมาเพื่อทำมัน 

ฟาง เฟย์ฟางแก้ว

ความรักในการร้องเพลงของฟางเริ่มต้นยังไง

ฟางเป็นคนขี้อายมากๆ มากจนไม่กล้าพูดกับคนแปลกหน้า เวลาไปร้านอาหารแล้วฟางอยากกินอะไรก็ต้องเรียกเฟย์ เฟย์ๆ สั่งให้หน่อย จะไม่พูดกับใครเลย แม่ก็เลยให้เราไปเรียนร้องเพลงเพราะจะได้มีความกล้าแสดงออกมากขึ้น จุดแรกที่ฟางสื่อสารกับคนคือผ่านเพลง เวลาขึ้นไปอยู่บนเวทีแล้วร้องเพลงเราจะไม่เขิน มันเลยเป็นจุดที่ทำให้คิดว่า เฮ้ย เพลงมัน break the ice ได้จริงๆ ก็เลยชอบการร้องเพลงมาตลอด

การร้องเพลงมีความหมายกับฟางยังไง

พูดยากเนอะ เหมือนเราพูดว่ามือมีความหมายกับเรายังไง คือมันอยู่กับเราจนเรานึกไม่ออกว่าถ้าวันหนึ่งเราร้องเพลงไม่ได้จะเป็นยังไง มันคงเศร้ามากๆ เลย

ตอนตัดสินใจออกมาเป็นศิลปินเดี่ยว ช่วงนั้นเกิดอะไรขึ้น

หลังจากที่หมดสัญญากับที่เดิม ฟางไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ พอกลับมาก็คุยกับเฟย์ กับแก้วตลอดว่าชอบทำเพลงอยู่ไหม ทุกคนบอกว่ายังชอบอยู่ ก็เลยมีโอกาสได้กลับมาทำ live session คัฟเวอร์เพลง ‘คำถาม’ กับ ‘MSN’ แล้วก็แพลนว่าจะทำเพลงใหม่ แต่เพลงนั้นใช้เวลานานมากกว่าจะออกมาเป็นรูปเป็นร่าง เพราะแต่ละคนมีเวลาไม่ตรงกัน 

นั่นก็เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่าเพื่อนเรามีเส้นทางการใช้ชีวิตที่แตกต่าง แต่ตัวเราเองยังชอบร้องเพลง การร้องเพลงเป็นสิ่งที่สามารถเติมเต็มชีวิตเราได้ และมันไม่จำเป็นที่เราจะต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง เพราะที่ SpicyDisc ไม่เคยปิดกั้น เราสามารถเป็นศิลปินเดี่ยวและกลับไปเป็นเฟย์ ฟาง แก้ว ได้ทุกเมื่อ นี่คือสิ่งที่ช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้น เหมือนเป็นไทม์มิงที่ดีสำหรับเราในการทำเพลงคนเดียวด้วย 

ทั้งๆ ที่ยุคนี้ทุกคนทำเพลงได้เอง ทำไมถึงเลือกมาเป็นศิลปินในค่ายเพลง ฟาง เฟย์ฟางแก้ว

เป็นคำถามที่เราถามตัวเองมากกว่าสิบครั้งก่อนจะมาเซ็นสัญญา เราอยู่ในสังกัดมาสิบกว่าปีจนได้เป็นศิลปินอิสระ มันมีอิสระแต่ทำไมถึงกลับมาเซ็นสัญญากับค่าย คำตอบคือหลังจากได้พูดคุยกับพี่เต้ง (พิชัย จิราธิวัฒน์) ผู้บริหารค่าย SpicyDisc และทีม เรารู้สึกว่าวิสัยทัศน์ของเขาตรงกับที่เรามองตัวเอง เราเชื่อว่าเขาสามารถตอบโจทย์สิ่งที่เราต้องการได้

ฟาง เฟย์ฟางแก้ว

ความรู้สึกตอนเป็นศิลปินเดี่ยวแตกต่างจากตอนเป็นสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปไหม ฟาง เฟย์ฟางแก้ว

แตกต่าง ฟางรู้สึกว่าการออกเพลงโซโล่เป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง เพราะเราต้องหลีกหนีจากความเคยชินที่เราเคยเป็นมาตลอด ที่ผ่านมาเราทำงานเป็นกลุ่ม เราก็จะคิดว่าอะไรคือสิ่งที่ดีสำหรับกลุ่ม อะไรเป็นไปได้สำหรับสามคน จนบางทีเราก็ลืมถามตัวเองไปว่าอะไรคือสิ่งที่เป็นตัวเราจริงๆ 

พอเริ่มทำงานคนเดียวมันเลยเหมือนต้องย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง เราต้องค้นหาตัวเองใหม่อีกรอบว่าฟางที่ไม่ใช่เฟย์ ฟาง แก้ว ฟางที่เป็นฟาง ธนันต์ธรญ์ ชอบเพลงแบบไหน อยากสื่อสารอะไรผ่านเนื้อร้อง หากเราสามารถตัดสินใจได้ เราอยากเดินไปทางไหน

สิ่งที่ยากที่สุดในกระบวนการค้นหาตัวเองคืออะไร

การพยายามจูนมายด์เซตตัวเอง ตอบคำถามตัวเองให้ได้ และต้องตัดสินใจ เมื่อก่อนเราถามเพื่อนตลอดและมันทำให้เราไม่กล้าตัดสินใจ แต่พอมันไม่มีคนแชร์ความคิดกับเราอีกต่อไปแล้ว ทำให้เราเหมือนก้าวข้ามคอมฟอร์ตโซนของเราและโตขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง

การเริ่มเป็นศิลปินเดี่ยวในวัย 29 ปีถือว่าช้าไปไหม

ถ้าว่าด้วยเรื่องอายุก็อาจจะโตแล้ว (หัวเราะ) แต่แฟนเพลงหลายคนก็ยังเห็นเราเป็นเด็กอยู่ เหมือนช่วงเวลาของเรากับแฟนเพลงมันฟรีซเอาไว้

ภาพจำที่แฟนเพลงมีทำให้ฟางรู้สึกมูฟออนไม่ได้บ้างไหม

ภาพจำของแฟนคลับไม่ได้ struggle ขนาดนั้น แต่ตัวเราเองต่างหากที่รู้สึกว่าการเป็นเฟย์ ฟาง แก้ว คือคอมฟอร์ตโซนของเรามากๆ มันเป็นสิ่งที่เราทำแล้วสบายใจ พอจะต้องก้าวออกมาคนเดียว มันเหมือนเราต้องละทิ้งทุกอย่างที่เคยเป็นแล้วเริ่มใหม่จากศูนย์ เราไม่ได้อยากไปทำลายวัยเด็กของแฟนคลับ แต่เราแค่อยากทำให้เห็นว่าเราสามารถเติบโตไปพร้อมๆ กันได้ 

เรารู้สึกว่าการเป็นศิลปินเหมือนการเปลื้องผ้าต่อหน้าสาธารณชน นึกออกไหม เหมือนเราต้องจริงใจกับแฟนเพลงมากที่สุด

ฟาง เฟย์ฟางแก้ว

แล้วตัวตนที่ฟางอยากสื่อสารกับคนฟังอย่างจริงใจเป็นยังไง

ตอนแรกเราตั้งใจไว้ว่าจะไม่เป็นสไตล์เดิมเด็ดขาด แต่สุดท้ายพอมาถามความชอบจริงๆ มันก็ยังมีความกามิกาเซ่อยู่ในบางจุด ไม่ว่าจะเป็นการร้องหรือองค์ประกอบอื่นๆ เพราะกามิกาเซ่ไม่ได้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตเรา แต่เหมือนเป็นดีเอ็นเอของเราที่ถูกหล่อหลอมขึ้น เพราะฉะนั้นเพลงใหม่ก็จะเบลนด์ระหว่างฟางที่ทุกคนรู้จัก และเปิดเฉดด้านที่คนทั่วไปไม่รู้ให้ได้เห็น 

เพลงยังเป็นแนวป๊อปอยู่ แต่อย่าง Honey Honey จะมีความเป็นอาร์แอนด์บีเพิ่มเข้ามา มีเครื่องเสียงที่เป็นเสียงซินธ์ เครื่องเสียงสังเคราะห์สมัยใหม่เพิ่มให้บีตสนุกขึ้น ด้านเนื้อหาก็โตขึ้น อย่างเพลงนี้ก็พูดถึงเรื่องการแอบรักของผู้หญิงสมัยใหม่ แต่ก่อนผู้หญิงอาจจะต้องรอให้ผู้ชายมาจีบ แต่สมัยนี้เราแค่ส่งสัญญาณว่าเราชอบนะ แต่ไม่จีบก่อนหรอก เป็นผู้หญิงที่มีชั้นเชิงมากขึ้น

มีคอมเมนต์ในอินเทอร์เน็ตเยอะมากบอกว่าคุณเป็นสาวหวาน แล้วจริงๆ ฟางเป็นสาวหวานไหม

ถ้าถามฟาง ฟางไม่รู้สึกว่าตัวเองหวานขนาดนั้น อาจจะด้วยลุคหรือองค์ประกอบต่างๆ ถ้าเทียบกับคนอื่นในวง การแต่งตัวใดๆ อาจดูหวาน แต่มุมที่ไม่หวานมันก็มี 

ถ้านิยามตัวเองได้ ฟางจะนิยามว่ายังไง

เป็นผู้หญิงซับซ้อนแล้วกัน (หัวเราะ) เราคิดว่าคนหนึ่งคนมันไม่ได้มีแค่ด้านเดียว นอกเหนือจากความหวานก็มีด้านอื่นให้ทุกคนติดตามด้วย มีหลายมุมค่ะ เชิญทำความรู้จัก (ยิ้ม)

ตอนทำเพลง Honey Honey เสร็จ ได้ส่งให้เฟย์กับแก้วฟังด้วยหรือเปล่า

จริงๆ ส่งให้ดูตอนเอ็มวีเสร็จเลย แต่ก่อนหน้านั้นก็มีถามบ้าง เพราะเฟย์อยู่ที่บ้านเดียวกัน เวลาฟางดูงานเฟย์ก็ต้องได้ยินอยู่แล้ว พอเอ็มวีออกเราก็ซาวนด์เสียงเพื่อนดู ทุกคนก็บอกว่าเพลงดูเป็นเราดี เอ็มวีมีหลายลุค นำเสนอเราในหลายๆ แง่มุม

พอได้ก้าวมาเป็นศิลปินเดี่ยว ฟางได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ บ้าง ฟาง เฟย์ฟางแก้ว

ในการทำงานเรารู้เยอะมาก เพราะเราไม่เคยลงไปถึงกระบวนการทำเพลง ทำให้รู้สึกโตขึ้น อีกเรื่องคือต้องมีความรับผิดชอบต่อผลงานของเรามากขึ้น ถ้าดีมันก็ไม่มีคนมาดีร่วม แต่ถ้าแย่มันก็ไม่มีใครมาหารร่วมเหมือนกัน (หัวเราะ) ที่ผ่านมาเราต้องถามคนอื่นตลอดว่าแบบไหนดี แบบไหนไม่ดี แต่ตอนนี้เราต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง เราจะต้องรับให้ได้กับทุกการตอบรับในสิ่งที่เราทำ

แล้วนอกเหนือจากพาร์ตการทำงาน ปกติฟางเป็นคนชอบตัดสินใจไหม ฟาง เฟย์ฟางแก้ว

ไม่ชอบเลย (หัวเราะ) เราเป็นคนสบายๆ ในพาร์ตการใช้ชีวิต แต่การทำงานมันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น เราสามารถ compromise กับชีวิตเราได้ แต่เราห้าม compromise กับคุณภาพของการทำงาน

เราจะรู้ได้ยังไงว่างานของเรามีคุณภาพแล้ว มีเกณฑ์วัดไหม ฟาง เฟย์ฟางแก้ว

มันอาจจะไม่ได้มีเกณฑ์ที่แน่ชัดว่าอะไรดีหรือไม่ดี เหมือนศิลปินหลายคนที่รู้แค่ว่าชอบหรือไม่ชอบ เราอยากให้คนเห็นหรือไม่เห็น ถ้าเราเขินหรืออายกับตัวเองนั่นก็อาจเป็นงานที่ไม่ดีสำหรับตัวเรานะ ถึงแม้จะเป็นงานที่ได้รางวัลนั่นนู่นนี่ แต่สุดท้ายถ้ามันไม่ใช่งานที่ศิลปินคนนั้นรู้สึกภาคภูมิใจหรือรู้สึกว่าเป็นงานของเขาจริงๆ มันก็อาจเป็นงานที่ไม่ดีสำหรับตัวเราก็ได้

สุดท้ายแล้วเพลงก็เหมือนเป็นการแสดงออกทางอารมณ์อย่างหนึ่ง มันต้องเป็นตัวเรา มันถึงจะสามารถสื่อสารได้

ฟาง เฟย์ฟางแก้ว

เท่าที่คุยกันมา ความจริงใจดูจะเป็นเรื่องที่ฟางให้ความสำคัญ การทำงานอย่างจริงใจกับตัวเองและทุกคนมีความหมายกับฟางยังไง

ฟางอาจจะโชคดีที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ฟางก็เลยสามารถทำในสิ่งที่ตัวเองชอบได้ ซึ่งถ้าเราไม่จริงใจกับมันเราคงอยู่กับมันได้ไม่นาน คนที่เขาเสพงานเขาก็น่าจะรับรู้ได้ว่ามันจริงหรือไม่จริง ฟางทำงานโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานว่ามันต้องเป็นความสบายใจของฟางและของทีมที่ทำงานร่วมกันด้วย เราไม่มองว่ามันคือสินค้า แต่คือการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นหนึ่งที่เราใช้เวลากับมันนานมาก แล้วทำไมเราต้องใช้เวลาเป็นปีกับเพลงที่เราไม่ชอบ 

สิ่งที่เราในฐานะศิลปินจะทำได้คือตั้งใจทำผลงานให้ดีไม่ว่าจะเป็นเบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง ส่วนเรื่องความชอบหรือเพลงจะดังไม่ดังมันอยู่นอกเหนือการควบคุมของเราอยู่แล้ว ถ้าเป้าหมายของเราคืออยากได้เพลงที่ดังที่สุด สุดท้ายถ้าไม่ดังแล้วเราเหลืออะไร มันไม่ได้เป็นเพลงที่เราชอบตั้งแต่ต้น สุดท้ายกลายเป็นว่าเราเฟลเหรอ มันไม่ใช่ มันต้องเริ่มจากสิ่งที่เราชอบแล้วอยากแชร์ความชอบให้ทุกคน ถ้ามีแค่คนหนึ่งคนชอบผลงานของเรา เราก็รู้สึกดีใจแล้ว 

จะพูดว่าขายวิญญาณมันก็ดูเกินจริงไป แต่มันคือเซนส์นั้น เราทำงานในวงการมานานพอที่จะรู้ว่าสิ่งที่เราทำมันต้องเป็นสิ่งที่เราอยากทำ ถ้าอีกสิบปีข้างหน้าเรามองย้อนกลับมาแล้วรู้สึกว่าไม่อยากเสิร์ชเจองานแบบนี้เลย หรือเราไม่อยากให้คนเห็นเราแบบนี้เลย แล้ววันนี้เราจะทำไปทำไม

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ปฏิพล รัชตอาภา

ช่างภาพอิสระที่สนใจอาหาร วัฒนธรรม และศิลปะร่วมสมัย มีความฝันว่าอยากทำงานศิลปะเล็กๆ ไปเรื่อย รวบรวมผลงานไว้ที่ pathipolr.myportfolio.com