พี่เอ็ด7วิ เพจโฆษณาที่ถึงนานหลายนาทีแต่ก็มีคนดู

Highlights

  • ในขณะที่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบดูโฆษณา แต่เพจ ‘พี่เอ็ด 7 วิ’ กลับมีผู้ติดตามกว่าสี่แสนคน ทั้งที่คอนเทนต์เพจไม่มีอย่างอื่นเลยนอกจากโฆษณา
  • เอ็ดดี้–ญาณวุฒิ จรรยหาญ เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งเสือร้องไห้ และออกมาเปิดเพจของตัวเองในชื่อพี่เอ็ด 7 วิ แต่เริ่มเข้ามาทำเพจอย่างจริงจังในช่วงปีก่อน หลังค้นพบว่าภรรยาตั้งท้องลูกคนที่สอง
  • โฆษณาแอพพลิเคชั่นเปรียบเทียบโรงแรม คือผลงานมาสเตอร์พีซของเอ็ดดี้ที่ทำให้เขาได้รับยอดไลก์ยอดแชร์ถล่มทลาย
  • แนวทางของพี่เอ็ด 7 วิ เปรียบได้กับสายการบินโลว์คอสต์ที่เน้นเฉพาะแก่นกลางที่สำคัญ โดยเน้นการนำเสนอสินค้าให้ลูกค้าจดจำได้ โดยไม่ละทิ้งความสนุก

สิ่งที่คนเล่นเฟซบุ๊กหลายคนเบ้หน้าใส่คือโฆษณา

เวลาหยิบมือถือขึ้นมาไถเพื่อรับข้อมูลข่าวสารจากเพจต่างๆ ที่เราติดตาม อ่านสเตตัสสารพันปัญหา ส่องภาพชีวิตคนนู้นคนนี้ ดูวิดีโอ ก็มักมีโฆษณาโผล่มากวนใจอยู่บ่อยๆ แถมบางทีจะกดข้ามก็ไม่ได้ ต้องนั่งทนไปอีก 15 วินาทีกว่ามันจะเล่นจบ

แต่ที่เพจ ‘พี่เอ็ด7วิ’ กลับไม่เป็นอย่างนั้น

เพราะทุกโพสต์ในเพจเป็นโพสต์โฆษณาสารพัดผลิตภัณฑ์นับตั้งแต่อาหาร เครื่องสำอาง ผ้าอนามัย แอพพลิเคชั่น ยันโปรโมตมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เหล่าชาวเน็ตกว่าสี่แสนคนที่กดไลก์และคอยติดตามเพจ จึงเป็นคนที่ตั้งใจมายังเพจนี้เพื่อดูโฆษณากันโดยเฉพาะ และพากันกดไลก์ กดแชร์ จนโฆษณาบางตัวมียอดแชร์ถึงหลักหมื่น ยอดรับชมถึงหลักล้าน

แถมยังเป็นการโฆษณาที่โคตรฮาร์ดเซล ขายกันโต้งๆ ไม่พยายามตีเนียนใดๆ ทั้งสิ้น แต่ดูแล้วมุมปากกลับกระตุกยิ้มหรือหลุดขำออกมาดังๆ

พี่เอ็ด 7 วิ

‘จุดขายของเพจคือความสนุก’ เอ็ดดี้–ญาณวุฒิ จรรยหาญ หรือ พี่เอ็ด เจ้าของเพจพี่เอ็ด7วิบอกกับเราอย่างนั้น “ถ้าพยายามจะเนียนขาย แต่ไม่เนียน คนจะอี๋ เราเลยขายให้รู้ว่าขาย ฮาร์ดเซลโดยเอาอะไรสักอย่างมาเคลือบ เหมือนยาขมที่เคลือบให้หวาน”

ก่อนจะมาเป็นที่รู้จักในชื่อ พี่เอ็ด7วิ อย่างในปัจจุบัน ชายหนุ่มร่างสูงตาโหลคนนี้เป็นที่รู้จักในฐานะมือกลองวง Jetset’er และเป็นหนึ่งในสี่ผู้ก่อตั้งแชนแนลยูทูบ ‘เสือร้องไห้’ ที่เริ่มขึ้นมาจากการถ่ายคลิปพาโรดี้เพลง Gangnam Style กันสนุกๆ และเพิ่มระดับความจริงจังขึ้นมาเมื่อมีสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุน

“เสือร้องไห้เหมือนกับวงดนตรีที่มี 4 คน ราคาเวลารับงานจะสูง โค้ดดี้ที่เข้าใจเรื่องธุรกิจมากที่สุดเลยบอกว่า เราแต่ละคนควรไปทำเพจย่อยเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าที่มีงบประมาณจำกัด ทุกคนเลยไปกระจายทำเพจตัวเองในสไตล์ตัวเองออกมา” เอ็ดดี้เล่าเท้าความไปถึงช่วง 3 ปีก่อน และอธิบายว่าในเวลานั้นแอพพลิเคชั่น Vine แพลตฟอร์มวิดีโอความยาว 6 วินาทีกำลังมาแรง ความตั้งใจแรกตอนจะเปิดเพจจึงเป็นการทำคลิปสั้นๆ รูปแบบนั้น แต่หากเป็นพี่เอ็ด6วิ ชื่อก็จะไม่คล้องจองกัน จึงปรับให้เป็นพี่เอ็ด7วิแทน

แต่เพราะในช่วงแรกชายหนุ่มขี้เกียจทำ พี่เอ็ด7วิจึงเป็นเพจร้างๆ ที่สามเดือนจะมีความเคลื่อนไหวขึ้นมาสักที

“ก่อนหน้านี้เรามี Jetset’er เป็นรายได้หลัก มีเสือร้องไห้เป็นรายได้รอง ตอนนั้นเราคิดว่าเงินที่เข้ามาโอเคแล้ว เลี้ยงเมียกับลูกหนึ่งคนได้พอดี” ชายหนุ่มเว้นช่วง ก่อนจะเล่าถึงวินาทีเปลี่ยนชีวิต

“แต่เช้าวันหนึ่งเมียเราถีบประตูเข้ามาเหมือนหนังแอ็กชั่น “คุณ มีข่าวดี!” เราก็คิดละว่าข่าวดีอะไรวะ เขาเอาที่ตรวจครรภ์มาให้ดูว่าท้องลูกคนที่สองแล้ว เราบอกเลยว่าไม่ดี กูเหนื่อย เลยต้องทำเพจหาเงินเลี้ยงลูกจริงจังละ”

พี่เอ็ด 7 วิ

พอคิดได้แบบนั้น เพจพี่เอ็ด7วิก็กลับมาแอ็กทีฟมากขึ้น และตัวเอ็ดดี้ก็กลับมาตั้งใจทำ showreel ที่เปรียบเสมือนเป็นตัวอย่างผลงานเพื่อแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าศักยภาพของเขาคืออะไร

นับเป็นจังหวะดีที่เขาได้ลูกค้าอย่าง HotelsCombined แอพพลิเคชั่นเปรียบเทียบราคาที่พักพอดี ซึ่งเอ็ดดี้เปรียบเทียบราคาห้องพักราคา 2,000 บาท กับห้องพักราคา 30,000 บาทที่ฮ่องกง ใช้วิธีการเล่าเรื่องผ่านเพลงแรปที่สอดแทรกมุกตลกเข้าไปในภาพ ซึ่งเมื่อแชร์ออกไปก็ได้ยอดไลก์ยอดแชร์ถล่มทลาย รวมทั้งแท็กชวนเพื่อนมาดูกันในช่องคอมเมนต์ จนทำให้เพจพี่เอ็ด7วิเป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

“ตอนนั้นไม่ได้คิดเลยว่าคนจะมาดูเยอะขนาดนั้น พลิกโผมาก” เอ็ดดี้เล่า

เบื้องหลังการทำงานชิ้นนี้ ครีเอทีฟพ่อลูกอ่อนอธิบายให้เราฟังว่าเขาดึงมาจากตัวแอพพลิเคชั่นเองที่จะเป็นการเปรียบเทียบโรงแรม แต่โดยทั่วไปคนมักเปรียบเทียบโรงแรมในระดับเดียวกัน เขาจึงบิดให้เป็นการเปรียบเทียบระหว่างโรงแรมต่างราคาแทน

“จริงๆ ถ่ายมาทั้งหมด 5 โรงแรมนะครับ แต่ใช้จริงแค่ตัวแพงสุดกับถูกสุด บินไป 3 วัน 2 คืน ไม่ได้เที่ยวพักผ่อนหย่อนใจอะไรเลย อยู่แต่ในโรงแรมแล้วก็ถ่าย ถ่าย ถ่าย อย่างเดียว ฟุตเทจเยอะมาก เพราะกลัวว่าถ้ากลับมาเมืองไทยแล้วมันถ่ายซ่อมไม่ได้ เลยกลับมาดูว่ามีอะไรสนุก อะไรว้าวบ้าง”

พี่เอ็ด 7 วิ

เนื้อเพลงแรปประกอบโฆษณาที่เราได้ยินกันก็เพิ่งมาแต่งเอาภายหลัง ในทีแรกเอ็ดดี้นำภาพทั้งหมดจาก 5 โรงแรมมาเรียงกันแล้วบรรยายพากย์เหมือนสารคดียาว 10 นาทีที่แม้แต่เขาดูเองก็รู้สึกได้ถึงความฝืด หนืด เลยครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรให้งานออกมาสนุกขึ้น ก่อนตัดสินใจแต่งออกมาเป็นแรปเพราะเป็นแนวทางที่กำลังนิยม ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าโดนแซวอยู่บ่อยๆ ว่าแรปของเขามันช่างโอลด์สคูล แต่ก็เป็นเพราะเขาชอบฟังดาจิมและโจอี้บอยจริงๆ

“คนถามเยอะมากว่าแต่งแรปก่อนหรือถ่ายก่อน ความจริงก็คือถ่ายก่อน มีแค่มุกเดียวที่เตรียมไปล่วงหน้าคือช็อตที่ยกว่าวขึ้นมา เพราะคิดไว้แล้วว่าเจอโรงแรมสามหมื่นต้องว้าวกับอะไรสักอย่าง ว้าวปกติกลัวธรรมดาเลยพกว่าวไปด้วย” เอ็ดดี้เล่า

แม้ผลลัพธ์สุดท้ายจะออกมาเป็นคลิปยาว 3 นาทีนิดๆ แต่เขาใช้เวลาตัดต่อแก้ไขงานชิ้นนี้กว่า 2 เดือน และมีเวอร์ชั่นที่ตัดต่อออกมาจนเสร็จอีกเกือบ 20 เวอร์ชั่น ซึ่งชายหนุ่มเล่าว่าเกิดจากการที่เขาเป็นทั้งคนคิดบทเอง ตัดต่อเอง ทำซาวนด์เอง เมื่อเห็นจุดบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ จึงพยายามแก้ไขมันให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดจนกว่าจะถึงกำหนดส่ง เช่นถ้าออกเสียงไม่ชัดก็อัดใหม่ ภาพยังสื่อสารได้ไม่ดีก็รื้อฟุตเทจขึ้นมาเช็ก

แต่ก็นับว่าเป็นการใช้เวลาที่คุ้มค่า เพราะหากถามว่าผลงานชิ้นไหนคือมาสเตอร์พีซของเพจพี่เอ็ด7วิ คำตอบก็คือชิ้นนี้

พี่เอ็ด 7 วิ

“เวลาคนถามว่าเราคิดไอเดียยังไง ทำงานยังไง เราจะให้ไปดู HotelsCombined ถ้ามีความเข้าใจโปรดักชั่น ดูแล้วแกะออกมาได้ ก็จะรู้หมดเลย ไอเดียจริงๆ มันไม่ถึงกับดีมาก แต่เราก็ใช้เพลงมาเคลือบให้คนเอนจอย แล้วก็ยังมีเรื่อง exposure ของลูกค้าด้วย พี่พรินต์รูปหมีที่เป็นมาสคอตโลโก้ใส่เสื้อแล้วยืนในวิดีโอ ลูกค้าชอบมากเพราะเห็นโลโก้อยู่ในฉากตลอด”

การทำงานของเพจพี่เอ็ด7วิ ที่มีเอ็ดดี้และทีมโปรดักชั่นใช้ร่วมกับเสือร้องไห้ 10 ชีวิต ชายหนุ่มเปรียบเทียบกับสายการบินโลว์คอสต์ที่จะมีให้เพียงที่นั่งและพร้อมพาผู้โดยสารสู่จุดหมาย แต่หากอยากได้อะไรเพิ่มเติมเขาก็พร้อมให้บริการ…ด้วยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น

“โฆษณาเรามีคอนเทนต์ให้ มีภาพป่วยๆ ให้ มีเพลงแค่พอฟังได้ให้ มีแค่แกนจริงๆ ถ้าอยากได้สตอรี่บอร์ด ผมจ้างคนอื่นทำให้ได้ แต่เงินพี่จ่ายเพิ่มนะครับ อยากได้เพลงดีๆ ผมส่งห้องอัดดีๆ ได้ แต่เงินพี่จ่ายเพิ่มนะครับ อยากได้ภาพคุณภาพระดับฮอลลีวูด ผมจ้างกองใหญ่ๆ ให้ได้ แต่เงินพี่จ่ายเพิ่มนะครับ สิ่งที่เราทำคือการส่งแมสเสจว่าคุณขายสินค้านี้ เท่านั้นเลย”

แล้วในเมื่อไม่มีสตอรี่บอร์ด เมื่อต้องนำเสนองานต่อลูกค้าเขามีวิธีการอย่างไร เราถาม

เอ็ดดี้เล่าว่าเขาจะเข้าไปประชุมกับลูกค้าพร้อมกับสคริปต์ที่บอกว่าภาพจะเป็นอย่างไร แล้วเล่าให้ลูกค้าฟัง หากมีการใช้เพลง เขาก็จะไม่ได้อัดเดโม่มีแบ็กกิ้งแทร็ก แต่ใช้วิธีการเข้าไปร้องสดๆ ให้ลูกค้าฟังเดี๋ยวนั้นเลย ถ้าลูกค้าขำก็เป็นอันผ่านด่านแรก

เมื่อไม่เน้นโปรดักชั่น ไอเดียจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

พี่เอ็ด 7 วิ

แน่นอนว่าเอ็ดดี้มีมาตรฐานสูงในเรื่องไอเดีย และตั้งใจในการพัฒนาไอเดียให้ดีที่สุดก่อนส่งให้ลูกค้า ซึ่งในสมัยก่อนถึงกับมีการปฏิเสธงานที่ลูกค้าปรับแก้บทมากเกินไป แต่หลังจากมีลูกสาวคนแรก เขาจึงยอมอ่อนลงและตามใจลูกค้ามากขึ้น

หนึ่งในทริกของเอ็ดดี้ หากมีเพื่อนเล่นมุกตลกๆ หรือเห็นอะไรตลกๆ เกิดไอเดียขึ้นมาตอนไหน เขาก็จะรีบจดเอาไว้ สมัยก่อนจดในสมุด จนปัจจุบันเปลี่ยนมาจดในสมาร์ตโฟนแทน ส่วนอีกอย่างที่ช่วยให้เขาคิดฉากตลกได้บ่อยๆ ก็คือสกิลการมีความทรงจำแบบรูปภาพ ที่เจ้าตัวเองก็ไม่แน่ใจว่าได้มาจากไหน

“สมมติไปปาร์ตี้ จะจำได้ว่าคนนี้เดินเข้าประตูนี้ ใส่เสื้อสีนี้ ประมาณตีสามไอ้นี่นอนอ้วกเพราะกินอะไรเข้าไป จำได้เหมือนเป็นหนังเรื่องหนึ่ง ไม่รู้เลยครับว่าได้สกิลนี้มาเพราะอะไร เคยอ่านหนังสือเจอว่าคนที่บ้านมีปัญหาหรือไม่ได้รวยจะมีความคิดสร้างสรรค์เยอะกว่าคนอื่น นี่ก็อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่ง เพราะตอนเด็กๆ บ้านพี่จน ของเล่นไม่ค่อยมี เอาเลโก้ กล่องยาสีฟันมาประกอบเป็นรถเป็นเครื่องบิน ต้องใช้จินตนาการ หาของเล่นเองตั้งแต่เด็ก หรืออาจจะเพราะแม่ชอบเล่นไพ่ตั้งแต่ยังอยู่ในท้อง พ่อเป็นผู้จัดการโรงงาน เวลาไปเที่ยวกับลูกน้องพ่อจะเก้าเก ป๊อกเด้ง กบดำ กบแดง ดัมมี่ ไฮโล เราอยู่ในวงพวกนั้นหมด แล้วก็เล่นหมากรุกกับพี่ข้างบ้านที่แก่กว่าสิบปี” เอ็ดดี้หัวเราะ

พี่เอ็ด 7 วิ

เพราะเป็นเพจที่ทำขึ้นมาเพื่อโฆษณา เราจึงสงสัยว่าเอ็ดดี้มีคอนเทนต์ที่อยากจะสื่อสารออกมาด้วยตัวเองอยู่แล้วไหม ชายหนุ่มนิ่งคิดก่อนจะบอกว่าหลายๆ คอนเทนต์ในใจที่อยากทำก็เป็นตลกร้ายๆ ที่อาจจะทำให้เขาโดนดักตีหัวได้หากเผยแพร่ ไอเดียบางส่วนจึงถูกเก็บเอาไว้ แต่ในบางประเด็นที่เขาอยากสื่อสาร หากได้สปอนเซอร์หรือลูกค้าที่เหมาะสมเขาก็จะพยายามสอดแทรกลงไปในงาน

ก่อนจะจากกัน เราขอให้เอ็ดดี้ให้คำแนะนำแก่คนรุ่นใหม่ไฟแรงที่อยากทำคอนเทนต์เป็นของตัวเอง ทำเพจสนุกๆ ออกมาสักเพจ ชายหนุ่มเก๊กหน้าจริงจังแล้วพูดอย่างเข้มๆ

“อย่าทำเลยน้อง รุ่นเก่าๆ เขาเก่งนะ” เขาหัวเราะ ก่อนจะแนะนำว่า แต่ละเพจล้วนมีแบรนดิ้งเป็นของตัวเอง บางเพจเป็นเรื่องสุขภาพ บางเพจเป็นความสวยความงาม บางเพจเป็นวิทยาศาสตร์ เราต้องหาตัวเองให้เจอว่าเราชอบเล่าคอนเทนต์แนวไหน เพราะเขาเชื่อว่าแต่ละคนมีความเก่งในพันธุกรรมที่แตกต่างกัน

“ส่วนใหญ่เห็นชัดในวงการดนตรี น้องคนหนึ่งฝึกกลองสองเดือน เก่งว่ะ อีกคนเก่งเหมือนกันแต่ฝึกสองปี ทั้งสองคนเก่งเหมือนกัน ฝึกเข้มข้นเหมือนกัน แต่เห็นเลยว่าคนนี้มันมีเซนส์ ในขณะที่คนฝึกกลองสองปีอาจจะมี perfect pitch ดีดเปียโนได้ไว ก็ไปเล่นเปียโนดิ” เอ็ดดี้เล่า

“ไปวิ่งเลนนั้น อย่าตีกลอง รีบหาเลนของตัวเองให้เจอแล้ววิ่งทางนั้นเลย”

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

กฤต วิเศษเขตการณ์

ช่างภาพผู้ชื่นชอบการถ่ายภาพตามท้องถนนอย่างบ้าคลั่งพอๆ กับการกินกาแฟ และผู้คนมักเขียนชื่อเขาผิด