วิธีคิด ‘วิชาตัวเบา’ กับ Mango Team ทีมเขียนเพลงเบื้องหลังทุกสตูดิโออัลบั้มของ Bodyslam

Highlights

  • 31 มกราคมที่ผ่านมา Bodyslam เพิ่งปล่อยอัลบั้มลำดับที่ 7 ชื่อว่า วิชาตัวเบา ทั้งคอนเซปต์อัลบั้ม 11 บทเพลงเกือบทั้งหมดเป็นไอเดียที่ ตูน–อาทิวราห์ คงมาลัย ฟรอนต์แมนของวง คิดร่วมกับ Mango Team ทีมนักแต่งเพลงที่เป็นคนเบื้องหลังคู่บุญของบอดี้สแลมมาตั้งแต่อัลบั้มแรก
  • สมาชิกในทีมอเวนเจอร์สแห่งวงการเพลงนี้ประกอบไปด้วยนักเขียนเพลงมากประสบการณ์อย่าง โป โปษยะนุกูล, ป้อม–สุรชัย พรพิมานแมน, เหนือวงศ์, และสามหนุ่มจากวงรุ่นพี่ Big Ass หมู–อภิชาติ พรมรักษา, อ๊อฟ–พูนศักดิ์ จตุระบุล, กบ-ขจรเดช พรมรักษา และตั๊ด–วิรชา ดาวฉาย นักร้องนำ Young Man and The Sea

วันที่เราเสียใจกับความรัก วันที่ชีวิตต้องการแรงผลัก วันที่งอแงคิดถึงบ้าน เชื่อว่าไม่ว่าเราจะอยู่ในห้วงอารมณ์ไหน เพลงที่พูดเรื่องความรัก ความเชื่อ และชีวิต ของวงดนตรีแนวหน้าอย่าง Bodyslam มักช่วยให้เราเข้าใจความเป็นไปของชีวิตในเวลานั้นได้ไม่ยาก

เสียงร้องของฟรอนต์แมนอย่าง ตูน–อาทิวราห์ คงมาลัย และความหนักแน่นของดนตรีร็อก หากไม่นับสองอย่างนี้ สิ่งที่ทำให้เพลงของบอดี้สแลมประสบความสำเร็จคงหนีไม่พ้นเนื้อเพลงที่เปี่ยมด้วยความหมายและถ้อยคำที่กินใจและสวยงาม

Mango Team คือทีมนักเขียนเพลงที่สร้างสรรค์ผลงานให้กับวงดนตรีวงนี้มาตั้งแต่อัลบั้มแรก จนถึงอัลบั้มลำดับที่ 7 ที่ปล่อยออกมาไม่กี่วันก่อนอย่าง วิชาตัวเบา (หากลองนับนิ้วดูแบบคร่าวๆ ก็ปาไปแล้ว 17 ปีด้วยกัน) แฟนๆ บอดี้สแลมคงรู้กันดีว่าพวกเขาเหล่านี้นี่แหละคือคนเบื้องหลังที่ช่วยสร้างความสมบูรณ์แบบให้ศิลปินในดวงใจ

สมาชิกในทีมอเวนเจอร์สแห่งวงการเพลงนี้ประกอบไปด้วยนักเขียนเพลงมากประสบการณ์อย่างโป โปษยะนุกูล, ป้อม–สุรชัย พรพิมานแมน, หมู–อภิชาติ พรมรักษา, อ๊อฟ–พูนศักดิ์ จตุระบุล, เหนือวงศ์, กบ–ขจรเดช พรมรักษา และตั๊ด–วิรชา ดาวฉาย หากให้เขียนรายชื่อเพลงฮิตทั้งหมดที่พวกเขาแต่งให้กับวงบอดี้สแลมและศิลปินอื่นๆ เชื่อว่าความรู้สึกของคุณไปไกลจากคำว่าขนลุกแน่นอน

ไม่มีทุกคน ไม่มีบอดี้สแลม
ไม่มีพวกเขาเหล่านี้ ก็ไม่มีบอดี้สแลมในวันนี้เหมือนกัน

Mango Team รวมตัวกันได้อย่างไร

อ๊อฟ : เมื่อก่อนผม กบ และหมู ทำเพลงกับ Big Ass อยู่แล้ว ทีนี้ทางค่าย Music Bugs อยากเซตทีมเขียนเนื้อเพลงให้ใหญ่ขึ้น ผมชวนป้อม เหนือวงศ์มา ส่วนกบก็ไปตามตั๊ด ส่วนพี่โป เป็นความบังเอิญที่เราใช้ห้องอัดเสียงที่เดียวกับป้าง (นครินทร์ กิ่งศักดิ์) ซึ่งตอนนั้นพี่โปทำเพลงให้พี่ป้างอยู่ เราเลยรวมตัวกันทำงานให้บอดี้สแลม, บิ๊กแอส และลาบานูน ด้วยกันเรื่อยมา

เพราะฉะนั้นการออกอัลบั้มของ 3 วงนี้เหมือนเป็นวาระให้ Mango Team กลับมารวมตัวกันทำเพลง เหมือนรวมทีมอเวนเจอร์ส จำได้ว่ามีอยู่วันหนึ่งที่ต้องคิดชื่อทีมแล้วเพราะไม่อยากใส่เครดิตชื่อคนยาวๆ ลงไปในเพลง พอดีว่านั่งอยู่ตรงต้นมะม่วง เลยเลือกชื่อ mango แต่จริงๆ เจตนาแรกคือ แม่งโก้ (หัวเราะ) แล้วมันก็แยกเป็น man go ได้ด้วย เพราะว่าเราคือกลุ่มชายฉกรรจ์

กบ : ทีมเราไม่ได้เน้นเรื่องเนื้อเพลงเป็นหลัก แต่เน้นไปทางครีเอทีฟ คิดชื่อ คิดคอนเซปต์อัลบั้ม ไม่ว่าจะคิดอะไรก็ตามแต่เราจะรวมตัวกัน วิธีการทำงานของเราคือ ปกติเราจะมีดนตรีมาก่อน พอเจอกันเราก็จะวิเคราะห์กันว่าอัลบั้มนี้เราจะพูดอะไรกันดี ไอเดียมันควรจะเป็นอย่างไร ทัศนคติที่สะท้อนออกมาควรเป็นแบบไหน ซึ่งส่วนใหญ่เนื้อเพลงจะฟ้องมันออกมา

งานชิ้นแรกในนาม Mango Team อยู่ในบอดี้สแลม ชุด Drive เพลง ให้รักคุ้มครอง เป็นเพลงแรกที่เรามอบหมายให้พี่โปเขียน ซึ่งชื่อเพลงเนี่ยเป็นชื่อที่พวกเราคนอื่นคิดไม่ถึงแน่ๆ มีแค่พี่โปเท่านั้น ผมเคยมีความฝันอยากสร้างทีมเขียนเพลงทีมเอเหมือนแกรมมี่ มีทีมเขียนเพลงแน่นๆ ที่มีครบทุกฟังก์ชั่น คิดว่าจิ๊กซอว์ของทีมที่ผมรออยู่เริ่มครบแล้ว

ฟังก์ชั่นของสมาชิกในทีมที่ว่ามีอะไรบ้าง

กบ : อย่างเหนือวงศ์จะเขียนเพลงโดนๆ ตลอด ตั๊ดเป็นครีเอทีฟที่ชอบคิดประโยคที่เป็นประโยคสำคัญในเพลงที่พาเราไปสู่อะไรบางอย่างเช่น ใน เรือเล็กออกจากฝั่ง เขาเขียนประโยคว่า ทะเลจะสร้างคนด้วยอันตราย ช่วยมัดให้เพลงมันแน่น พี่โปก็เป็นรุ่นใหญ่ เป็นที่พึ่งของน้องๆ พี่ป้อมถนัดเขียนเพลงลมฟ้าอากาศกับเป็นนักเขียนเพลงแถวสองคอยเก็บเวลาที่ผมหรือใครพลาดอะไรขึ้นมา ซึ่งการแบ่งฟังก์ชั่นทีมแบบนี้มันจะทำให้เพลงในอัลบั้มมันครบถ้วนสมบูรณ์ มีทั้งเพลงที่ลึก เพลงที่กว้าง เพลงโดน เพลงซึ้ง เพลงที่แสดงตัวตน ผมว่าการทำงานเป็นทีมแบบนี้มันแข็งแรงดี

สมมติต้องทำงานเพลงสักอัลบั้ม พวกคุณแบ่งงานกันอย่างไร

กบ : สิ่งแรกที่เราทำคือนั่งฟังทำนองเพลงที่อ๊อฟทำมาด้วยกัน เราจะเห็นหน้าเลยว่าใครเป็นใคร วันที่แจกทำนองจะเป็นวันที่เราตื่นเต้นมาก อ๊อฟจะนั่งหัวโต๊ะ คอยส่งว่าเพลงนี้ต้องมึง หลังจากนั้นเราแต่ละคนจะเป็นทุกข์ไปอีกเดือนหนึ่งเพื่อเขียนมันขึ้นมา แล้วก็ตื่นเต้นกันอีกทีในวันส่งงาน เพื่อดูว่าแต่ละคนจะเอาอะไรมาส่งบ้าง

อ๊อฟ : กับบางเพลงที่เราตั้งจุดประสงค์ว่ามันต้องเป็นเพลงที่ครบถ้วนจริงๆ อย่าง เรือเล็กควรออกจากฝั่ง พอมันต้องยาก ต้องดี ต้องใหม่ เพลงนี้เลยกลายเป็นเพลงที่ทุกคนจะเอาไปเขียนเพื่อมาประกวดกัน วันส่งงานเราจะมีเรือเล็กหลายท่าที มีชาวประมงหลายรูปแบบ มีชุดคำของแต่ละคนที่ต่างกัน พอทุกอย่างมาเจอกันแล้วสามารถหยิบส่วนดีมาจูนกันได้ มันจะเป็นเนื้อเพลงที่เพอร์เฟกต์มาก

ป้อม : รู้สึกว่า เรือเล็กควรออกจากฝั่ง เป็นเพลงแรกที่อ๊อฟบอกว่ามันยาก เราก็คิดว่าตายละ ชื่อเพลงโคตรยาก ถ้าเขียนไม่ดีมันก็อาจจะตลก หรือออกทะเลได้เหมือนกัน มันเลยต้องหาวิธีรัดมันให้แน่นๆ คือต้องหาแกนหลักให้เจอก่อนว่า ทั้งๆ ที่เขาเตือนว่าห้ามเอาเรือออกจากฝั่ง แล้วเรือเล็กอยากออกจากฝั่งออกไปเพื่ออะไร

กบ : ท่าทีก็สำคัญ ถ้าเขียนผิดมันจะกลายเป็นคนดื้อทันที แต่ถ้าเขียนถูกมันจะกลายเป็นคนที่มีความเชื่อทันที เราอาจจะเข้าข้างตัวเองด้วยว่าคำนี้มันเป็นคำที่กลายเป็นความเชื่อได้ พอมีประโยคที่ตั๊ดส่งมา ผมว่ามันตอบความหมายและท่าทีของเพลงนี้ได้ทันทีเลยว่า ที่เราจะออกไปสู้กับอันตรายในทะเล ถึงเขาจะเตือนแล้วเราก็จะไป เพราะทะเลมันจะสร้างคนด้วยอันตรายนี่ไง ถ้าเรากลับมาได้เราจะกลายเป็นคนอีกคนที่ดีกว่าเดิม

พอทุกคนมองเรือเล็กไม่เหมือนกัน การทำงานไม่ซับซ้อนแย่เหรอ

กบ : จริงๆ ระหว่างทางมันก็ไม่ได้สนุกตลอด มันมีการถกเถียงกันขึ้นแน่ๆ แต่ที่เราผ่านมันมาได้ด้วยดีทุกครั้งเพราะว่าทำงานด้วยกันมานาน

ป้อม : เราไม่ได้ทำเพื่อเอาชนะ ไม่ได้เอาอีโก้มาโยนใส่กัน เพราะสุดท้ายอย่างไรเราก็อยากทำงานให้มันออกมาดี

กบ : เหมือนรู้ทางกันว่าส่งเนื้อมาแบบนี้แล้วเพลงมันจะไปอย่างไรต่อ โชคดีที่เราเข้าขากันพอสมควร เราเลยค่อนข้างไม่มีปัญหา หลังจาก เรือเล็กควรออกจากฝั่ง กลายเป็นว่าพวกเราติดใจการแชร์ไอเดียกันแบบนี้ วิธีการทำงานแบบนี้มันเลยส่งผลกับอัลบั้ม วิชาตัวเบา ด้วย

โป : พอกลับมาดูอัลบั้มบอดี้สแลมหลายๆ ชุด ทีมกับศิลปินก็เหมือนคนสองคนที่โตตามกัน ทุกอย่างมันเลยพัฒนาไปพร้อมกันทั้งวิธีเขียนที่ไม่ได้มีมาตั้งแต่แรก วิธีที่ตูนเข้ามาแจมครั้งแรกในเพลง ยาพิษ ชุด save my life ตอนนั้นเขายังมึนๆ กับการเขียนเพลงอยู่ อัลบั้มของบอดี้สแลมเลยต่างกับอัลบั้มของศิลปินอื่นที่เปลี่ยนคนเขียนเพลงไปเรื่อยๆ

กบ : สังเกตว่าทำไมเนื้อเพลงบอดี้สแลมมันไปไกลเรื่อยๆ คำตอบง่ายๆ เลยก็คือเราโตขึ้น เราไม่ได้คิดแบบเดิม จะให้นักเขียนเพลงคนเดิมเขียนเพลง งมงาย แบบวันนั้นก็คงทำไม่ได้แล้ว

รู้ได้อย่างไรว่าเพลงหรือเนื้อร้องแบบไหนจะเข้ามือเข้าปากบอดี้สแลม

กบ : เราอยู่ด้วยกันตั้งแต่วันแรกที่ไม่คิดว่าจะทำเพลงกัน อย่างพี่หมูรู้จักตูนตั้งแต่เล่นดนตรีกลางคืนได้เงินคืนละสามร้อย ตอนทำอัลบั้มแรกเราก็ไปนอนบ้านพี่อ๊อฟกันเป็นเดือนๆ งานบวช งานแต่ง ช่วงเวลาสำคัญของชีวิตเราอยู่ด้วยกันเสมอ เราเลยรู้ว่าน้องคนนี้คิดอะไรอยู่ เราควรจะพูดประโยคไหนกับตูนเพราะจริงๆ เขาบอบบางมากๆ มีแววว่าจะแตกสลายตรงนั้นได้เลย อีกอย่างเขาค่อนข้างคิดเยอะ ไตร่ตรองสูง เพราะงั้นเราค่อนข้างจะละเอียดอ่อนกับเขา

อ๊อฟ : การทำงานของ Mango มันจะเวิร์กต่อเมื่อเรารู้จักศิลปินคนนั้นๆ เรารู้จักตูน เรารู้จักบิ๊กแอสดีอยู่แล้ว มันต้องเข้าใจธรรมชาติกันจริงๆ ไม่ใช่ว่าจะต้องมานั่งสัมภาษณ์ว่ามึงเป็นใคร สิ่งที่ขยับจากเดิมคือเราพยายามให้นักร้องแต่งเพลงเอง อย่างตูนพวกเราก็เคยวางแผนให้เขาเขียนเพลงเองให้ได้ ซึ่งวันนี้เขาทำได้แล้วจริงๆ

วันที่รู้ว่าบอดี้สแลมจะต้องทำสตูดิโออัลบั้มที่ 7 พวกคุณทำอะไรกันบ้าง

อ๊อฟ : สิ่งแรกที่ทำคือตูนเอาไดอารี่ของเขามานั่งเปิดแล้วก็เล่า เหมือนเขามีเรื่องที่อยากจะพูดอยู่แล้ว บางทีเล่าไปก็ร้องไห้ไป เขาเปิดกับพวกเราเต็มที่ตลอดไม่ว่าจะเรื่องอะไร

กบ : เออ อันนี้ดีเนอะ เหมือนพวกเราเป็นแผนกจิตเวช ตูนนั่งกลางวงแล้วก็พูดสิ่งที่อยู่ลึกที่สุดในใจออกมา แล้วการที่พูดแบบนี้ได้แสดงว่าเขาต้องไว้ใจมากๆ แล้วเราก็ได้รับเกียรตินั้น แล้วทุกครั้งที่เขาเล่าเสร็จมันเหมือนเขาได้ระบายออก คือไม่ใช่แค่เอาเรื่องนั้นไปเขียนเพลง แต่เขาได้บำบัดชีวิตไปด้วย

อ๊อฟ : เหมือนเซตอารมณ์ของทีมใหม่หมดเลยว่า โอเค อัลบั้มนี้เราจะไปทางนี้ว่ะ เมื่อก่อนไอเดียครีเอทีฟมันจะมาจากฝั่งเราเป็นส่วนใหญ่ แต่หลังๆ ตูนมาแต่ละดอกเราก็ร้อนเหมือนกัน ถ้ากลับไปดูชื่อเพลงหรือเนื้อหาทั้งหมดของ วิชาตัวเบา ผมว่ามันเป็นอัลบั้มที่ครีเอทีฟนำมากๆ แล้วเป็นครีเอทีฟที่รองรับด้วยความเชื่อจริงๆ ของตูนเอง 90 เปอร์เซ็นต์คือไอเดียจากเขา อัลบั้มหน้าอาจจะไม่ต้องใช้ทีมเราแล้วก็ได้ (หัวเราะ) เราอาจจะเป็นแค่พี่เลี้ยงที่คอยซัพพอร์ต เติมไอเดียเขาให้สมบูรณ์ขึ้น

กบ : อย่างเพลง Sticker ในอัลบั้ม คราม อันนี้ก็เป็นไอเดียตูนนะ เขาขับรถตามรถบรรทุกแล้วเห็นสติ๊กเกอร์รถคันนี้สีขาว เขาโยนเข้ามาในที่ประชุมว่า ‘จะเป็นไปได้ไหม ถ้ามีเพลงชื่อว่า Sticker เรานิ่งไปพักหนึ่งแล้วทุกคนก็หันหน้าไปมองเหนือวงศ์ทันที เพลงแบบนี้ต้องให้เหนือวงศ์ (หัวเราะ) ผมจำวันที่เขาส่งเนื้อเพลงมาได้ ผมแทบจะกระโดดกอดเขาเลยครับ อยู่ดีๆ ก็อยากเอาสติ๊กเกอร์แปะรถไปแปะโลก เพราะอยากให้คนบนโลกรักกัน เปลี่ยนโลกให้เป็นสีชมพู ผมว่าเพลงนี้เขียนให้มันเป็นเพลงน่ะเขียนได้นะ แต่เขียนให้มันเป็นเพลงที่ดี มีทัศนคติที่ถูกต้องแล้วคนชอบด้วย มันยากมากเลยครับ

เหนือวงศ์ : มีคำหนึ่งที่เราต้องโทรปรึกษากันว่าตูนจะยอมร้องคำว่า ‘เศรษฐกิจ’ ไหมวะ (หัวเราะ) มันเป็นคำที่น้อยคนมากจะร้องได้ นอกจากน้าแอ๊ด คาราบาว จริงๆ ตูนก็มีอึ้ง ถึงขั้นคุยกันนอกรอบด้วย

อ๊อฟ : จริงๆ เนื้อเพลงในอัลบั้ม วิชาตัวเบา นี่เขาเขียนเองเกินครึ่งเลยนะ ผมว่าเขาสนุกที่จะคิดเพราะรู้ว่าเบื้องหลังเขามีพี่ๆ ที่คอยซัพพอร์ตเรื่องนี้ให้เขาได้ สิ่งหนึ่งที่ดีมากๆ ของการประชุมทีมแต่ละที มันจะดึงความรู้สึกเก่าๆ กลับคืนมาว่า เออว่ะ เรายังเป็นนักแต่งเพลงกันอยู่ว่ะ บางคนขายก๋วยเตี๋ยวมั่ง บางคนไปทำงานดูแลศิลปิน บางคนไปเป็นผู้บริหาร พอเรากลับมาเจอกันมันทำให้เราไม่ลืมสกิลเหล่านี้ Mango มันเป็นทีมที่ทำให้เราไม่ลืมที่มาของตัวเอง

ในฐานะกลุ่มคนที่อยู่กับบอดี้สแลมมาทุกอัลบั้ม พวกคุณคาดหวังอะไรจากอัลบั้มนี้

อ๊อฟ : จริงๆ ผมว่าอัลบั้มนี้มันเหมือนพวกเราได้บำบัดกันเอง ภูมิใจที่อดทนทำเพลง 11 เพลงเหล่านี้มาด้วยกัน กระบวนการทำต่างๆ มันมีเรื่องราวมากมายที่เราจะจดจำและนึกถึงมันในอนาคต การที่งานเสร็จผมรู้สึกว่ามันประสบความสำเร็จแล้วสำหรับพวกเรา

เหนือวงศ์ : สิ่งที่เราทำมันทำเพื่อคนที่เดินมาด้วยกันตลอด ในวันที่บอดี้สแลมเริ่มต้น เขามีคนที่เริ่มมาพร้อมๆ กับเขาด้วย วันนี้เราอาจจะรู้สึกว่าคนกลุ่มนั้นบางตาลงไปบ้าง หรือคนที่เกิดมาในยุคหลังๆ ก็อาจจะรู้สึกว่าบอดี้สแลมไกลตัวเขา อย่างไรก็ตามมันจะมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่เดินมากับเขาเสมอๆ เราดีใจที่มีคนกลุ่มนี้คอยรับฟังสิ่งที่เราทำถึงแม้ว่ามันจะต่างกับจุดเริ่มต้นมากก็ตาม

กบ : อัลบั้มของบอดี้สแลมจะทำมาเพื่อเหตุผลบางอย่างเสมอ เช่น อัลบั้มแนะนำตัว อัลบั้มพิสูจน์ตัวตน มันเชื่อมโยงกันและกันมาตลอด จนมาถึงอัลบั้มก่อนหน้านี้อย่าง dharmajāti เป็นอัลบั้มที่บอกว่าวงเดินทางมาถึงจุดที่เล่าเรื่องยากๆ แล้ว เพราะชีวิตเขาเป็นแบบนั้น ถ้าถามว่าอยากให้คนฟังรู้สึกอย่างไรกับอัลบั้มนี้ ผมไม่แน่ใจ ผมแค่รู้สึกว่าผมอยากทำงานชิ้นนี้ให้ดีเพื่อให้ตูนมีความสุข การทำงานที่ทำเพื่อความสุขของคน แล้วได้บำบัดคนร้องหรือใครก็ตามไปด้วย มันเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดแล้ว

เบื้องหลังเพลง 11 เพลงใน วิชาตัวเบา ที่ชาว Mango Team ยินดีเล่าให้เราฟัง

01 ใคร คือ เรา

เหนือวงศ์ : เมโลดี้ที่ตูนทำมันร้องมาแต่แรกอยู่แล้วว่า who we are from the stars เป็นการบ้านที่ผมต้องกลับมาคิดมากเหมือนกันว่าถ้าเป็นเนื้อไทยเราจะเล่าอะไรดี ผมร้องท่อนนี้ย้ำๆ พอใส่เนื้อไทยลงไปมันไม่รอดเลย สุดท้ายก็ใช้ท่อนนี้นี่แหละ

ช่วงนั้นตูนเขาเพิ่งวิ่งก้าวคนละก้าวเสร็จ แล้วพวกเรารู้สึกว่าในช่วงที่ตูนวิ่ง มีคนบางกลุ่มที่พยายามจะโจมตีความตั้งใจเขา เราสรุปกันได้ว่า ตูนเป็นผู้ชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่สามารถทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดได้ มันแสดงว่าเราทุกคนสามารถเลือกที่จะทำ เลือกที่จะเป็นได้โดยที่ไม่ต้องรอให้ใครมาบอก หรือรอชะตากำหนด เพลง ใคร คือ เรา เลยออกมาเป็นแบบนี้

02 149.6

กบ : มันเป็นคอนเซปต์ที่ตูนคิดได้หลังวิ่ง เป็นคอนเซปต์เกี่ยวกับระยะทาง 149.6 ล้านกิโลเมตรจากดวงอาทิตย์ถึงโลก พอเขาอธิบายว่ามันคืออะไร เราแทบไม่ต้องคิดต่อเลยขอแค่เขียนเนื้อลงไปให้ได้อย่างที่ตูนอธิบาย นำเสนอว่าโลกและดวงอาทิตย์ที่เขาอยากพูดถึงนั้นหมายถึงใคร สำหรับพวกเรามันเป็นเพลงที่ใหม่และมีความสมบูรณ์ในตัวมันเองมากๆ ฟังไม่เบื่อเลยครับ

03 วิชาตัวเบา

อ๊อฟ : วิชาตัวเบานี่เป็น big idea ของอัลบั้มมาตั้งแต่แรกเลยเพราะตูนรู้สึกว่าที่ผ่านมาเขาเป็นคนซีเรียสกับทุกอย่าง วันนี้มันถึงขวบปีที่เขารู้สึกว่าควรจะปล่อยวางได้แล้ว แค่คิดว่าอยากวางก็เบาขึ้นแล้ว

กบ : พี่โปเขียนเพลงนี้เป็นหลัก ตอนพวกเราเจอประโยค หนักก็เพราะยังเก็บ เจ็บก็เพราะยังคิด ตูนบอก ‘พี่หยุดแป๊บ ผมจะเอาคำนี้ไปโปรยบนปกอัลบั้ม’ คือเขาอยากใช้คำนี้เดินหน้าชีวิตไปหาเรื่องอื่นๆ ต่อไป เหมือนเขาสรุปได้ในใจว่าที่ผ่านมาเขาเจออะไรหนักมาตลอดแต่เขายังเก็บไว้ ที่เขาเจ็บมาตลอดเพราะเขายังคิดถึงมัน พอประโยคนี้มันอยู่อย่างถูกที่ มันเลยเป็นประโยคที่คนค่อนข้างจดจำ

04 ทฤษฎีวัคซีน

กบ : เพลงนี้ตูนเขียนเองครับ คือเขาเป็นคนชอบอยู่กับความเจ็บปวด เขาใช้สิ่งเหล่านี้เป็นพลังงานในชีวิตเสมอ สังเกตว่าเสื้อที่เขาใส่เล่นคอนเสิร์ต Live in คราม จะมีคำว่า No Pain No Gain คือเขาเสพติดเรื่องพวกนี้ ยิ่งเจ็บเขาจะยิ่งผลักตัวเองออกไปสู้กับโลกภายนอก เพลงนี้ก็เหมือนกัน ทฤษฎีวัคซีน เหมือนกับเอาความเจ็บปวดมาใส่ในชีวิตเพื่อให้ตัวเองมีภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับเรื่องที่เจ็บปวดมากกว่า มันเหมือนวิธีที่เขาเอาเชื้อโรคมาทำวัคซีน

05 นิรันดร์ (feat. Palmy)

อ๊อฟ : นิรันดร์ คือเดโมแรกของอัลบั้มนี้ที่ตูนเอามาให้ผมฟัง เป็นเพลงที่เมโลดี้ซับซ้อนน้อยที่สุดเพราะเขานั่งแต่งร่วมกับก้อย (รัชวิน วงศ์วิริยะ) ในเดโมตูนเขาวางไว้ว่ามันต้องเป็นเพลงที่ผู้ชายกับผู้หญิงร้องโต้กัน

กบ : แค่เดโมมันคงเป็นเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องความรักไม่ได้แล้วล่ะ (ยิ้ม) เพลงนี้เราทุกคนรุมมันเหมือนเดิมเพื่อที่จะหาท่าทีที่จะเล่ามันออกมา จนมาเจอมุมที่ว่าชายหญิงสองคนนี้พยายามตั้งคำถามกับความรักจากคนละมุม ต่างคนต่างถามว่าความรักคืออะไร ไม่ใช่แบบที่คนหนึ่งถามคนหนึ่งตอบ เพราะสุดท้ายก็ไม่มีใครรู้หรอกจนกว่าจะลองพิสูจน์มันด้วยตัวเอง เราอาจจะหาคำตอบไปพร้อมกันแต่ก็ไม่จำเป็นต้องค้นหาไปร่วมกัน

ความพิเศษของเพลงนี้คือเรามีปาล์มมี่มาช่วยร้อง เรามองว่าเขาสองคนนี้ไม่ใช่ตัวแทนของคู่รักนะ แต่เป็นตัวแทนของชายหญิงที่มีคำถามเรื่องนี้ในชีวิต เป็นคนที่กล้าสงสัย และกล้าถามทั้งคู่

06 ไม่แก่ตาย (feat. JOEYBOY)

อ๊อฟ : ตูนเขามีโควตว่าอยากเป็นวัยรุ่นเสมอ เวลาใครถามตูนว่าเขาอยากเป็นอะไร เขาจะตอบว่าเขาอยากเป็นวัยรุ่นไปจนวันสุดท้ายของชีวิต เขาตอบแบบนี้ตลอดจนกลายเป็นโจทย์เพลงนี้

โป : เขาทิ้งทำนองมาให้ผมกลับไปคิด ตอนขายคอนเซปต์คำว่า ‘ไม่แก่ตาย’ เนี่ยก็ลุ้นเหมือนกันนะว่าตูนจะเก็ตไหม (หัวเราะ) แต่โชคดีที่ทำงานกันมานานตูนเลยเก็ต หลังเขียนเนื้อเสร็จ ผมคิดไว้แต่แรกเลยว่าเพลงนี้ต้องมีท่อนแรปก็เลยนึกถึงโจอี้ บอย เพราะเขาเป็นคนหนึ่งที่ไม่ยอมแก่เหมือนกัน เขาแต่งท่อนแรปสดๆ หน้าห้องอัดเลย

07 ครึ่งๆ กลางๆ

กบ : เป็นหนึ่งในเพลงที่เขียนโดยไม่ต้องรุม เพราะการเขียนเพลงช้ามันอาศัยความเป็นส่วนตัวมากๆ ผมอยู่กับเมโลดี้เพลงนี้ครึ่งปีเพราะเขียนไม่ออก ท่องมันวนๆ อยู่อย่างนั้น สุดท้ายก็เลยโทรถามตูนว่าเพลงนี้มันควรไปทางไหนดี ตูนเลยโยนคำว่า ‘ครึ่งๆ กลางๆ’ มา ผมเก็บคำนี้ไปวิเคราะห์ต่อ คือทุกคนบนโลกใบนี้มันไม่มีใครสมบูรณ์ ทุกคนมีขาดมีเกินเสมอ เช่น เราอาจจะมองตูนว่าเขาเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ หารู้ไม่ว่าเขาเหงาบ่อยมาก เขาเจ็บปวดบ่อยมาก

ข่มตานอนด้วยความโดดเดี่ยว หลับลงพร้อมความเดียวดาย ผมเลยอยากเขียนเนื้อเพลงสักเพลงที่สื่อสารว่า ขนาดชีวิตที่คนบอกว่าสมบูรณ์เขายังรอใครบางคนมาเติมเต็มเลย ไม่ว่าจะด้วยความรู้สึกดีๆ หรืออะไรก็ตามแต่ เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมชอบมากที่สุดอีกเพลง เพราะมันบอกเล่าชีวิตของตูนในช่วงเวลานี้ได้ดีจริงๆ

08 แสงสวรรค์

กบ : เพลงนี้เป็นความกวนตีนของพวกเราที่อยากล้อเพลง แสงสุดท้าย (โป : แสงสุดท้าย ก็ล้อ แสงแรก มาอีกที) เขาแต่งทำนองเพลงนี้ในวันท้ายๆ ที่เขาเจ็บจนเกือบไปต่อไม่ได้ เราเลยเลือกเอาโมเมนต์ที่ตูนเจอตรงนั้นแหละมาเล่า การไปถึงจุดหมายของชีวิตมันไม่ได้มีแค่การพุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว มันต้องมีเรื่องการหยุดพักเพื่อเจออะไรบางอย่างที่อาจจะเป็นอีกจุดหมายหนึ่ง

แสงสวรรค์จริงๆ มันอาจจะไม่ใช่แสงที่รอเราอยู่ตรงปลายทาง มันอาจเป็นแสงที่เจอระหว่างที่เราหยุดพักก็ได้ สังเกตว่าเนื้อเพลงพอเล่ามาถึงแถวนี้มันจะกลับไปหา วิชาตัวเบา ที่คลุมอัลบั้มอยู่ว่า สุดท้ายไม่มีอะไรดีไปกว่าการทำความเข้าใจมัน บางทีแบกๆ อยู่ก็วางซะ วิ่งๆ อยู่ก็หยุดพัก ไม่งั้นไปต่อไม่ได้

09  เช้าที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยส่องแสง

กบ : เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่ตูนไม่พูดเรื่องตัวเอง แต่เลือกที่จะพูดแทนคนอื่น เขาอยากมีเพลงแบบ 18 ฝน ของพี่เสือ ธนพล เพลงเพลงนี้มันเป็นตัวแทนของพวกเราในวัยเด็กเลยครับ ผมว่าตูนคงอินเรื่องคนที่มีปัญหา มีครอบครัว มีชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ วันนี้บอดี้สแลมเดินทางมาถึงการเป็นกระบอกเสียงให้คนที่มีปัญหาได้แล้ว คำว่า เช้าที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยส่องแสง ผมว่ามันหม่นมาก แสดงว่าชีวิตของเขาต้องเจออะไรบางอย่างที่แย่ที่สุดจริงๆ

10  ผักบุ้งลอยฟ้า (feat. ฟักกลิ้ง ฮีโร่)

กบ : ผมชอบคอนเซปต์เพลงนี้มาก อย่างแรกคือไม่น่าเชื่อว่าตูนจะคิด จะเขียน และจะกล้าร้อง (หัวเราะ) ตอนที่เขาต้องร้อง ก็แค่ผักบุ้งที่ลอยฟ้า เขาได้ทำลายทฤษฎีที่เคยมีไปหมดเลย (หัวเราะ)

แต่สิ่งที่ผมชอบที่สุดก็คือความหมายของมัน ผักบุ้งคือผักที่เกิดจากดิน หรือโคลนด้วยซ้ำ วันหนึ่งเขาก็ได้ไปอยู่ในกระทะ แล้วมีเสี้ยวหนึ่งที่เขาได้ลอยไปใกล้ดวงดาวที่สุดจากที่เคยอยู่บนโคลน ตูนเปรียบเทียบว่าชีวิตคนก็เป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไรก็ตาม คุณมีสิทธิ์ที่จะลอยขึ้นไปบนฟ้าแล้วมีคนเฮดีใจไปกับคุณ ถึงแม้สุดท้ายคุณจะหล่นลงพื้น อย่างน้อยวินาทีนั้นคุณก็มีค่าตรงนั้นแล้ว ผมว่ามันครบถ้วนทั้งครีเอทีฟ ความหมาย และการให้กำลังใจ

11 ความหมาย

ป้อม : ความหมายเป็นเพลงที่เรียบง่ายที่สุด ดนตรีไม่ซับซ้อน (อ๊อฟ : ซึ่งเพลงเหล่านี้จะถูกเรียกว่าเพลงพี่ป้อม) ตูนบอกเราว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเอาแต่เล่าเรื่องเก่าๆ วันนี้เขาอยากพูดเรื่องใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันของเขาบ้าง พอฟังจบเราก็พยายามตีความเพลงนี้ออกมา เลยหยิบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงที่เขาวิ่งนี่แหละ

ตูนวิ่งไปข้างหน้าเรื่อยๆ วิ่งไปแบบไม่รู้เลยว่ามันจะสำเร็จหรือเปล่า เขาเจอคนมากมาย แต่ทุกครั้งที่เขาหันไปมองข้างๆ เขาจะเห็นคนคนหนึ่งที่รักเขาและวิ่งเคียงข้างเขาเสมอ เหมือนผู้ชายที่ออกไปลุย ออกไปสู้ อย่างน้อยก็รู้ว่าหันมองข้างๆ จะมีคนคนหนึ่งอยู่ด้วยเสมอ คนคนนั้นก็คือความหมายของชีวิต

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ดวงสุดา กิตติวัฒนานนท์

ช่างภาพนิตยสาร a day ผู้ชอบกินอาหารที่ถ่าย