ตู้คีบตุ๊กตา ผู้ต่อลมหายใจของเกมเซนเตอร์ด้วยการหาเงินผ่านความสุขที่เกือบจะได้จับต้อง

Highlights

  • ตู้คีบตุ๊กตาถือว่าเป็นตู้เกมแอนะล็อกเก่าแก่ที่อยู่คู่ร้านเกมของญี่ปุ่นมายาวนานตั้งแต่ยุค 1960s จนเป็นภาพจำของญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคยไม่แพ้วิวภูเขาไฟฟูจิ
  • ปัจจุบันตู้คีบตุ๊กตามีบทบาทต่างไปจากเดิม ในความเรียบง่ายแบบบ้านๆ ของตัวเกมมันคือรายได้หลักของเกมเซนเตอร์
  • ความท้าทายในธุรกิจตู้คีบตุ๊กตาจึงไม่ได้อยู่ที่การพัฒนาเทคโนโลยีให้ตู้ล้ำสมัย แต่เป็น 'การหาทางทำให้สินค้าน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ'

อีกนิดเดียวจะได้อยู่แล้ว!” “เลิกตอนนี้ก็เสียดาย” “แลกเหรียญอีกรอบ ถ้ายังไม่ได้ค่อยเลิก

ถ้าคุณเคยเล่นเกมหยอดเหรียญคีบตุ๊กตาต้องเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้นแน่ๆ

อยู่ๆ เกมตู้คีบตุ๊กตาก็กลับมาบูมในบ้านเราช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ก่อนจะถูกแบนไปด้วยข้อหามอมเมาประชาชน เหล่านักคีบที่อารมณ์ค้างหลายคนหันไปเล่นออนไลน์ผ่านมือถือ ส่วนที่ญี่ปุ่นนั้นตู้คีบตุ๊กตาถือว่าเป็นตู้เกมแอนะล็อกเก่าแก่ที่อยู่คู่ร้านเกมมายาวนานตั้งแต่ยุค 1960s ภาพตู้กระจกใสที่มีของน้อย-ใหญ่เรียงรายละลานตาเต็มชั้น 1 ของเกมเซนเตอร์กลายเป็นภาพจำของญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคยไม่แพ้วิวภูเขาไฟฟูจิ แม้จะผ่านมากว่า 50 ปี วงการเกมพัฒนาเทคโนโลยีไปไกลถึง AR, VR พี่ตู้คีบก็ยังอยู่มาได้เรื่อยๆ ทั้งแบบตู้จริงและแอพพลิเคชั่น

จริงอยู่เกมเซนเตอร์และตู้คีบตุ๊กตานั้นดูเป็นแหล่งซ่องสุมมอมเมาเยาวชนและการพนัน แต่ตู้คีบตุ๊กตาในปัจจุบันมีบทบาทที่ต่างไปจากเดิม ในความเรียบง่ายแบบบ้านๆ ของตัวเกมมันคือรายได้หลักของเกมเซนเตอร์และกลายเป็นสถานที่แฮงเอาต์แห่งใหม่ใกล้บ้าน

จำกัดการมอมเมาด้วยกฎ 800 เยน

เคยมีคนทำสำรวจเหตุผลที่คนตัดสินใจไปเกมเซนเตอร์ของในตู้คีบน่าสนใจคือเหตุผลที่ชนะด้วยผลโหวตประมาณ 31 เปอร์เซ็นต์ แม้เราจะเรียกตู้คีบตุ๊กตาจนติดปาก แต่ตอนนี้ของในตู้หลากหลายมาก มีครบทุกหมวดหมู่ ของกิน ของเล่น ของใช้ในบ้าน ของมีค่าอย่างเพชรพลอยก็มี ล่าสุดได้ยินมาว่ามีการคีบผักสดซึ่งเป็นของที่ปลูกในท้องถิ่นนั้นๆ ด้วย!

ความหลากหลายและความน่าตื่นตาตื่นใจของสินค้าทำให้ผู้เล่นคิดว่าต่อให้หยอดหลายครั้งหน่อยถึงจะได้ก็ยังคุ้ม คิดดูสิหยอดครั้งละ 100 เยน เล่นสัก 10 ครั้ง 1,000 เยน แต่อาจจะคีบโดรนกลับบ้านก็ได้ หูย กำลังใจในการเล็งมุมมาเพียบ

แต่จริงๆ แล้วกฎหมายญี่ปุ่นบังคับไว้ชัดเจนว่า สินค้าทุกอย่างในตู้คีบห้ามมีมูลค่าเกิน 800 เยน

ไม่ว่าตุ๊กตาตัวใหญ่แค่ไหน หรือสินค้าจะดูแพง ดูไฮเทคยังไง ตั้งใจอ่านอีกครั้งนะคะ มูลค่ามันไม่เกิน 800 เยนแน่นอน

กฎหมายควบคุมราคาของข้างในเพราะไม่อยากให้ลูกค้าถูกมอมเมาจนเกินไป ยิ่งของแพงเดี๋ยวจะยิ่งคีบจนสิ้นเนื้อประดาตัว กฎนี้ไม่ได้ดีแค่กับผู้เล่น แต่ดีต่อบริษัทตู้เกมด้วย พวกเขามองว่าถ้าต้นทุนของแพงกว่านี้ก็ยิ่งต้องคีบยากขึ้น พอเล่นไม่ค่อยได้ลูกค้าจะเริ่มเซ็งและเลิกเล่นในที่สุด

ความท้าทายของพวกเขาในการทำตู้เกมประเภทนี้จึงไม่ได้อยู่ที่การพัฒนาเทคโนโลยีให้ตู้ล้ำสมัย แต่เป็นการหาทางทำให้สินค้าราคาไม่เกิน 800 เยนน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ‘ 

เสาหลักแห่งครอบครัวเกมเซนเตอร์

เราเคยคิดว่าเกมเซนเตอร์เป็นป๊อปคัลเจอร์ญี่ปุ่นที่แข็งแรงมาก เพราะไม่ว่าจะไปส่วนไหนของประเทศก็พบเห็นอยู่เสมอ จะเล็กจะใหญ่ยังไงก็มี ดูแล้วอาจจะเป็นรองแค่ปาจิงโกะกับร้านสะดวกซื้อละมั้ง

ในความเป็นจริงคือจำนวนเกมเซนเตอร์ลดลงเยอะมากในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ในปี 1993 มีเกมเซนเตอร์ 36,610 แห่ง แต่ในปี 2014 เหลือเพียง 5,439 แห่งเท่านั้น รายได้ของเกมเซนเตอร์เองก็ลดลงถึง 30 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับ 10 ปีก่อน

แต่รายได้ของตู้คีบตุ๊กตากลับเพิ่มขึ้นจากเมื่อ 10 ปีที่แล้วถึง 20 เปอร์เซ็นต์

ในปี 2017 นางทำยอดได้ 225,800 ล้านเยนจากรายได้รวมของเกมเซนเตอร์ทั้งหมด 485,800 ล้านเยน สรุปง่ายๆ ว่าเป็นรายได้หลักของเกมเซนเตอร์ผู้หาเงินเข้าบ้านเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ (ข้อมูลจาก Japan Amusement Industry Association)

วิดีโอเกมต่างๆ อาจจะมีความนิยมลดลงตามยุคสมัย แต่ตู้คีบตุ๊กตานั้นยังรักษาความนิยมไว้ได้เรื่อยๆ เพราะขยันเปลี่ยนสินค้าใหม่ๆ มาอัพเดตล่อใจ เช่น สินค้าลิมิเต็ดจากอนิเมะที่กำลังเข้าฉาย, ของพิเศษที่มีขายเฉพาะฤดูกาล แถมมีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น ยอดจับจ่ายต่อคนก็สูงลิ่ว ค่าคีบตู้ส่วนมากครั้งละ 100 เยน แต่ตู้ไฮโซที่ราคาแรงกว่านั้นก็มี คีบ 1 ตาใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที ถ้าใจไม่แข็งแป๊บๆ หายไปหลายพัน

แขนคีบแรงน้อยอ่อนเปลี้ย จับอะไรไม่ค่อยจะอยู่ นอกจากเงินเรานี่แหละ

นอกจากนี้เกมรู้จักปรับตัวหากลุ่มลูกค้าใหม่ ตอนนี้มีตู้แบบใหม่ที่เอื้อกับการพาลูกหรือเด็กเล็กๆ มาเล่นมากมาย เช่น เปลี่ยนกฎให้ขยับแขนคีบกี่ครั้งก็ได้ในเวลาที่กำหนดจากที่ของเดิมกดได้แค่ 2 ครั้ง, เพิ่มเกมที่เด็กเล็กๆ เล่นได้ง่ายหรือถูกใจ เช่น ตู้ไฟวิบวับล่อตาล่อใจ ตุ๊กตาตัวใหญ่ๆ น่ากอด และด้วยความฮิตของยูทูบ พอเด็กๆ ได้ดูคลิปเด็กๆ เหมือนกันไปคีบตุ๊กตาก็อยากเล่นบ้าง ร้อนถึงพ่อแม่ต้องพาไปเล่น จนกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของกิจกรรมในครอบครัวไปเลย

เรียกได้ว่าเข้าถึงได้ทุกกลุ่ม มาเล่นคนเดียวก็ได้ มากับเพื่อนก็ดี มีแฟนก็พามาคีบโชว์ได้ มีลูกก็พามาเล่น

เบื้องหลังความนิยมระยะยาวของตู้คีบ

ท่านประธานสมาคมตู้คีบ (มีจริงๆนะ) เคยกล่าวไว้ว่าความสนุกที่ได้จากการลุ้นแล้วชนะเป็นความสนุกที่หาไม่ได้จากการเล่นเกมชนิดอื่น

ถ้าให้เล่าจากประสบการณ์ตรงคงเป็นความยินดีในเสี้ยววินาทีที่ทำให้เราหัวใจเต้นแรงและเบิกบานถึงขีดสุด ที่ทำให้บางครั้งลืมเก็บอาการ ส่งเสียงร้องออกมาอย่างสะใจ

ก็แหม กว่าจะได้หมดไปเยอะจนสงสัยว่าคีบได้เพราะยอดเงินถึง เพราะดวง หรือเพราะฝีมือเรากันแน่ หรือจริงๆ แล้วเครื่องตั้งไว้แล้วว่าไม่มีทางได้แน่นอน

เรื่องนี้ทาง SEGA มีคำตอบ ความตั้งใจของ SEGA คือการสร้างเกมที่ลูกค้าเล่นแล้วคีบได้จริงผ่านความสนุกที่ได้จากการลุ้นว่าจะจับได้หรือไม่

สรุปง่ายๆ คือตั้งไว้ให้คีบได้แหละแต่ยากหน่อย (จะได้หยอดหลายๆ ที) การตั้งเครื่องให้คีบไม่ได้เลยผิดกฎหมายและเคยมีคนโดนจับไปแล้วด้วย เขาอธิบายเพิ่มเติมว่าถ้าตั้งเครื่องให้คนคีบไม่ได้เลยจะไม่มีใครอยากมาเล่นแต่ก็จะมีเซียนคีบที่คีบได้เรื่อยๆ เพราะเก่งจริง ไม่เกี่ยวกับตู้ครับ

ศาสตร์แห่งการคีบนี้ล้ำมาก เราเคยอ่านเจอเทคนิคต่างๆ ที่ใช้รับมือแต่ละสถานการณ์ (ในตู้) บางทีมีชื่อเรียกด้วย เช่น moonsault ท่าคีบที่ดันให้ตุ๊กตาม้วนหลังลงช่อง นอกจากนี้ยังจริงจังขนาดมีสมาคมตู้คีบพาเด็กๆ ไปฝึกเล่น โดยให้พนักงานร้านมาสอน 12 กระบวนท่าในการคีบและให้ซ้อมจริงกับตู้ในร้านเลย

ทาง SEGA ยังบอกด้วยว่า ความสุขที่ได้จากการเล่นตู้นี้ไม่ได้มาจากการคีบอย่างเดียว แต่นี่เป็นเกมที่ส่งเสริมการสื่อสารกับคนรอบข้างด้วย ไม่ใช่แค่คนที่ไปด้วยกันแต่รวมถึงการเจ๊าะแจ๊ะกับพนักงาน เพราะพนักงานทุกคนส่วนมากเล่นเป็นทั้งนั้น เวลาเห็นคนล้มเหลวรัวๆ ก็แอบเอาใจช่วยกันทั้งนั้น ในเวลาที่สิ้นหวังนอกจากลูกค้าจะให้พนักงานรีเซตตำแหน่งของ ยังสามารถขอคำแนะนำได้ว่าควรทำยังไงดี

จริงๆ แล้วแค่ไปเดินดูของในตู้ก็สนุกแล้วนะครับ เพราะเป็นจุดที่ทีมงานตั้งใจระดมไอเดียกันเต็มที่ที่สุดแล้ว

AUTHOR

ILLUSTRATOR

Kanith

นักเขียนภาพประกอบอิสระที่ติดเกม