ชีวิตที่เปลี่ยนไปของ ‘ดีเจต้นหอม’ เมื่อกลายเป็นมนุษย์แม่เต็มตัว

Highlights

  • ต้นหอมศกุนตลา เทียนไพโรจน์ คือดีเจคลื่น EFM 94 ประจำรายการพุธทอล์ค พุธโทร พิธีกร และนักแสดง แต่หลังจากวันที่ 5 ธันวาคม 2560 บทบาทใหม่ที่ต้นหอมได้รับคือการเป็นแม่ของเด็กชายปกป้อง เทียนไพโรจน์
  • ต้นหอมไม่ได้ท้องและยังไม่ได้แต่งงาน แต่นี่คือลูกชายคนที่สามของน้องชายแท้ๆ ของเธอ ซึ่งเลี้ยงลูกสามคนไม่ไหว เธอจึงรับปกป้องมาเลี้ยงเป็นลูกด้วยความเต็มใจ
  • แม้จะพร้อมด้านการเงิน แต่การเป็นแม่คนก็ไม่ง่าย ต้นหอมต้องเจอการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เวลานอน การงาน การใช้ชีวิต กระทั่งความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิด แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็พร้อมจะยอม เพราะตอนนี้เด็กชายปกป้องคือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต

ในวันที่คนใกล้ตัวเพิ่งทยอยมีลูก พูดตามตรง ฉันเพิ่งเข้าใจความเหน็ดเหนื่อยของการเป็นพ่อคนแม่คนเมื่อไม่กี่เดือนนี้เอง ดีเจต้นหอม

แม้จะไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง แต่สัญลักษณ์ออนไลน์สีเขียวตอนดึกดื่นก็พอจะทำให้รู้ว่าพ่อแม่มือใหม่คงต้องตื่นมากล่อมลูกที่ร้องไห้จ้าอีกแล้ว เห็นความเครียดเมื่อลูกเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น กังวลกับน้ำนมที่มีไม่พอ ชีวิตไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง เพราะแค่จะเข้าห้องน้ำก็ยังต้องแอบแวบไปตอนลูกหลับ (ก่อนจะต้องกลับไปกล่อมอีกครั้งอย่างรวดเร็ว) ดีเจต้นหอม

เพราะฉะนั้น เมื่อเห็นใครสักคนมีลูก ฉันจึงคิดล่วงหน้าไปเลยว่าพวกเขาต้องคิดทบทวนแล้ว ทบทวนอีกก่อนตัดสินใจแบกรับหน้าที่เป็นพ่อแม่แน่ๆ

แต่ไม่ใช่กับ ต้นหอม–ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ ดีเจอารมณ์ดีแห่งรายการ พุธทอล์ค พุธโทร คลื่น EFM 94

ดีเจต้นหอม

เมื่อน้องชายและน้องสะใภ้ชาวสิงคโปร์ของเธอรู้ตัวว่ากำลังอุ้มท้องลูกคนที่สามหลังจากเพิ่งคลอดลูกคนที่สองไปไม่นาน ความไม่พร้อมจะเลี้ยงลูกสามคน ทำให้ต้นหอมตัดสินใจรับไว้เอง

“หอมตัดสินไม่นานเพราะอยากมีลูกอยู่แล้ว” ดีเจสาวบอกกับเรา “หอมรู้สึกว่าสิ่งที่สำคัญมากกว่าน่าจะเป็นเรื่องเงิน ถ้าเงินพร้อมก็ไม่กลัว ช่วงนั้นเรารู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่เรามีความพร้อมมากก็เลยตัดสินใจไม่นาน”

แต่ก็อย่างที่พ่อแม่หลายคนรู้ดีนั่นแหละว่าเตรียมตัวไว้แค่ไหนก็ไม่อาจเข้าใจความหนักของบทบาทแม่ได้จนกระทั่งเจอเข้ากับตัวจริงๆ และกับต้นหอมก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นในวันที่เด็กชายปกป้องลืมตาดูโลก

ดีเจต้นหอม

“ที่ผ่านมาหอมเป็นคนรักเด็กอยู่แล้ว อยากมีลูกตั้งแต่วัยรุ่นเลยเพราะรู้สึกว่าเราเหงา เราชอบเด็กมาก อยากให้เรากับลูกโตเท่าๆ กัน เพราะแม่หอมยังเป็นวัยรุ่นอยู่ เราก็อยากให้ลูกเป็นเพื่อนกับเราได้ แต่ว่าช่วงนั้นหน้าตาขี้เหร่ ยังไม่พบหมอ ก็เลยไม่มีใครเอา (หัวเราะ) บวกกับเป้าหมายหลักก็คือเรียนจบก่อนด้วยแหละ พอมีโอกาสมีลูกเราก็เอา ไม่คิดเยอะเลย

“ตอนน้องสะใภ้ท้องเรายังไม่ได้ตื่นเต้นขนาดนั้น แม้กระทั่งเขาบอกว่าน้องถีบ เราก็ไม่เก็ตว่าความรู้สึกมันเป็นยังไง หรือเขาบอกว่าเขาอึดอัดมากเลย เราก็ไม่สามารถสัมผัสความรู้สึกนั้นได้ ไม่รู้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้เตรียมของให้น้องเลยเพราะว่าเตรียมไม่เป็น ตอนน้องสะใภ้ใกล้คลอดเราก็ไปถามนิวเคลียร์ (หรรษา กุศลมโนมัย) ว่าต้องใช้ของอะไรบ้าง เขาก็จดมาให้ บอกเลยว่าอ่านไม่รู้เรื่อง เช่น อะไรคือผ้ารองกันเปื้อน ทำไมกระดาษทิชชู่ต้องมีหลายแบบ พอเรานึกภาพไม่ออกก็เลยยื่นให้ร้านขายของเด็ก ถามว่าร้านพี่มีอะไรในนี้บ้าง จัดมาเลย ถ้าไม่มีหาให้หน่อย เดี๋ยวหนูลงไอจีรีวิวให้ เขาก็จัดสรรทุกอย่างให้เรา เรื่องมันหนักตรงที่ ตายล่ะ ต้องรีวิวให้เขา มีอะไรบ้างก็ต้องจำให้หมด

“ทุกวันนี้เราก็บอกเพื่อนทุกคนว่าอย่าทำแบบเรานะ (หัวเราะ) คือจริงๆ แล้วเด็กเขาใช้ของไม่กี่อย่างหรอกถ้าเราเข้าใจ เราก็จะบอกหนูเล็ก (หนูเล็ก ก่อนบ่ายคลายเครียด–ภัทรวดี ปิ่นทอง) บอกเผือก (พงศธร จงวิลาส) ว่าต้องเจอแบบนี้นะ ต้องทำแบบนี้นะ มันไม่ได้ยากขนาดนั้น ชีวิตจะเป็นรูทีนเลย เด็กจะทำอยู่แค่นี้ ของจะมีไม่กี่อย่าง

ดีเจต้นหอม

“ชีวิตเรามาเปลี่ยนตอนที่เลี้ยงปกป้องแล้วเราเริ่มรู้สึกรักและผูกพัน จริงๆ เราก็รักเขาตั้งแต่อยู่ในท้องแล้วแหละ แต่มันยังไม่มากเพราะเราไม่ได้อุ้มท้องเอง มันค่อยๆ มาผูกพันกันเหมือนเขาเป็นลูกเราตอนได้เลี้ยง เริ่มรู้สึกว่าอยากอยู่กับเด็กคนนี้นานๆ กล่อมเขานอนก็มีโมเมนต์น้ำตาไหล

“มันอาจเพราะเราเปิดเพลงโมสาร์ตด้วยแหละ (หัวเราะ) แทนที่จะกล่อมลูกกลายเป็นกล่อมแม่ ไม่รู้ว่ามันรู้สึกอะไร เหมือนเรานั่งมองสิ่งมีชีวิตที่ไร้เดียงสา บริสุทธิ์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่เรารักไปแล้วโดยไม่มีเงื่อนไข

“ตอนเลี้ยงลูกแรกๆ หอมปรับตัวไม่ได้ คนจะพูดว่าไม่ได้นอนเลย เราก็คิดว่ามันจะไม่ได้นอนสักแค่ไหน เออ มันไม่ได้นอนมากจริงๆ ทุกคนคิดว่านอนรอบละ 3 ชั่วโมง จริงๆ ไม่ใช่ เด็กมันนอนรอบละ 3 ชั่วโมง แต่เรากว่าจะกล่อมให้เขานอน ยิ่งถ้าเขายิ่งนอนช้าเท่าไหร่เวลาเราก็น้อย บางครั้งจะลุกไปกินน้ำยังไม่ได้เลยเพราะเขาต้องหลับสนิท ไม่งั้นพอวางปุ๊บก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ช่วงแรกๆ ที่เราเลี้ยงน้อง พอไปทำงานเจอนักข่าวก็รู้สึกว่าเราพูดอะไรออกไป (หัวเราะ) มันเบลอ อยู่ๆ ก็ไม่เอาแล้ว ไม่ให้สัมภาษณ์แล้ว นักข่าวก็ไปบอกมะตูม (ดีเจมะตูม–เตชินท์ พลอยเพชร) ว่าเจอพี่ต้นหอม วันนี้เขาเหวี่ยงจังเลย จริงๆ ไม่ได้เหวี่ยง แต่ว่าไม่รู้ตัวเอง มันเบลอ ปกติจะไม่เป็น

ดีเจต้นหอม

“ตอนแรกๆ เราปรับตัวระหว่างลูกกับแฟนก็ไม่ได้ พอไม่พูดว่ามีปัญหาก็รู้สึกอึดอัด ยิ่งเก็บไว้เราก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ถ้าเขาไม่อยู่กับเราก็ไม่อยู่แล้วกัน เราขอไม่เปลี่ยนตัวตนดีกว่า อยากเป็นแม่เต็มที่ แต่พอคุยแล้วมันก็ไม่มีอะไร ถ้าอย่างนั้นเราก็ค่อยๆ เรียนรู้เรื่องการบริหารไปแล้วกัน เราก็บอกเขาว่าเราจะทำหน้าที่แม่ให้ดีที่สุดแล้วนะ เขาก็เข้าใจ

“ที่อึดอัดเพราะพอแฟนไม่ใช่พ่อเด็กเขาก็อยู่อีกโลก กลายเป็นเรามีสองโลก สองมุม ทีนี้เราอยู่ในโลกนี้มากกว่า โลกของแฟนมันก็หายๆ ไป แต่หอมรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างหอมกับแฟนจะไปต่อได้ถ้าเราสองคนเข้ากันได้ สมมติวันนี้เลิกกันไม่ได้เกี่ยวกับปกป้อง แต่เป็นเพราะเราสองคนยังเข้ากันได้ไม่ดีพอ ตอนนี้เรามีปัญหาที่เราอึดอัดที่จะแชร์เวลาระหว่างคุณกับลูก เราเกรงใจคุณ เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร เขารับรู้อยู่แล้วว่าเราจะต้องมีปัญหาแบบนี้ ฉะนั้น ถ้าเราจะมีปัญหากันไม่ใช่เพราะเรื่องลูก เราจะมีปัญหาก็เพราะตัวเราเอง รักกันก็เพราะตัวเราเอง ถ้าเลิกกันก็เพราะตัวเราเอง

ดีเจต้นหอม

“ช่วงแรก เราคิดเลยว่านี่ขนาดสองเดือนยังร้องขนาดนี้ เมื่อไหร่จะเดินได้ คนบอกว่าโอ๊ย เป็นปี เราก็ถามว่าแล้วถ้าจะให้ลูกโตแบบเรซซิ่งล่ะ (ลูกของแพท–ณปภา ตันตระกูล) เขาก็บอก หูย นั่นสามปี เราก็เริ่มคำนวนว่าสามปีคือกี่เดือน ยิ่งเดือนแรกของปกป้องเรานับเป็นวันเลยเพราะปรับตัวไม่ได้ แต่หลังๆ มันสนุกในการดูพัฒนาการของเขา แล้วก็คิดภาพเขาโตแล้วตอนนี้

“ชีวิตหอมเปลี่ยนไปมาก แต่ก่อนเราเป็นคนชอบเสี่ยง ไปเที่ยวได้หมด สมมติไปไอซ์แลนด์แล้วเขาบอกว่ามีพายุหิมะ เราก็จะแบบ ‘พายุหิมะเป็นยังไงอะ’ อยากจะรู้ ตอนนั้นเราไปช้อปปิ้งแล้วมีประกาศว่าพายุหิมะจะมา คนไอซ์แลนด์เขาก็อยู่ในบ้าน ส่วนคนอื่นเขาก็กลับเข้าโรงแรมหรือที่พัก แต่แทนที่เราจะเดินกลับโรงแรม เราก็ชิลล์ เดินซื้อของเรื่อยๆ เดินออกมาเจอพายุหิมะเราก็ “ปุยนุ่น ปุยนุ่น!” (เสียงแหลม) ตามประสาคนเอเชียที่ไม่เคยเห็นหิมะ ทั้งๆ ที่เรานั่งอยู่บนรถโค้ช รถยังสั่นเลยเพราะมันคือพายุหิมะจริงๆ แต่เรารู้สึกว่ามันคือปุยนุ่น สำลี สโนว์แมน ไม่ค่อยเซฟตัวเองเท่าไหร่ เที่ยวถึงไหนถึงกัน

“แต่พอมีอีกหนึ่งบทบาทเพิ่มขึ้นมาคือบทบาทของความเป็นแม่ จากที่ใช้ชีวิตอิสระ แต่ก่อนอยากทำอะไรก็ทำ อยากไปไหนก็ไป ใช้ชีวิตแบบเสี่ยงๆ แต่พอมีปกป้องก็ อุ๊ย ไม่อยากตาย (หัวเราะ) ไม่อยากไปไหน เริ่มคิดก่อนจะทำอะไรว่าเราไม่สามารถใช้ชีวิตเสี่ยงได้ จากที่จะไปเที่ยวกับเพื่อนก็จะคิดว่าเอาเวลาไปอยู่กับลูกดีกว่า เพราะทำงานก็เหนื่อยแล้ว มีเวลาอยู่กับลูกน้อย เหมือนเปลี่ยนโหมดเป็นอีกคน เป็นผู้ใหญ่ขึ้น จากที่แต่ก่อนเฮไหน เฮนั่นได้หมด

“แต่ก่อนหอมรับผิดชอบตัวเองต่ำมาก เป็นคนผัดวันประกันพรุ่ง เปลี่ยนได้ตลอดเวลา เทเพื่อนได้ตลอดเวลา แต่ไม่เคยเทงานนะ เช่น สมมติเพื่อนบอกว่าพรุ่งนี้ไปงานแฟร์กันดีกว่า นัดกันบ่ายโมง เพื่อนก็จะบอกว่า “เฮ้อ สงสัยกูจะได้ไปสี่โมงเย็น” เพราะเราเป็นคนไม่แอ็กทีฟ ไม่ค่อยมีวินัยเท่าไหร่ สมมติถ้ามาอัดรายการสาย เราก็จะบริหารเวลาด้วยการไม่กินข้าว แต่ขึ้นโต๊ะตรงเวลา แต่อย่างวันนี้ถ้ากำลังจะมาสายก็นั่งมอเตอร์ไซค์ แต่ว่ากับลูกจะไม่เป็นนะ ถ้าเขาต้องกินนมตอนเที่ยงคืนคือเราก็ตรงเวลา ตีสามก็คือตีสาม เราไม่เคยสายกับลูกเพราะหอมรักเขา พอเรารักแล้วเราก็อยากทำอะไรให้เขา การทำอะไรให้คนที่เรารักตัวเราเองก็มีความสุขไปด้วย เขาสุข เราสุข

“ตอนนี้หอมยังไม่ได้จดทะเบียนรับปกป้องเป็นลูกบุญธรรมเพราะหอมไม่มีความรู้ว่าการจดเป็นแม่บุญธรรมจะทำให้เขาเสียสิทธิมีสองสัญชาติไหม เรายึดสิทธิลูกเป็นหลัก ให้เขาเป็นคนสิงคโปร์ดีกว่า สวัสดิการทุกอย่างของเขามันดีกว่าเรามาก ซึ่งถ้าจดทะเบียนไม่ได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไร เราเอาลูกเป็นสำคัญ แค่ชื่อเราเป็นแม่ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น เรารู้ว่าเราเป็นแม่ ลูกรู้ ทุกคนรู้ ก็พอแล้ว”

ขอบคุณภาพจาก ศกุนตลา เทียนไพโรจน์

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ดวงสุดา กิตติวัฒนานนท์

ช่างภาพนิตยสาร a day ผู้ชอบกินอาหารที่ถ่าย