ฉันโตมากับคอลัมน์ Do It Yourself ทำเองก็ได้…ง่ายจัง ของกงพัฒน์ ศักดาพิทักษ์ ในนิตยสาร สุดสัปดาห์ ที่ชอบหยิบจับข้าวของบ้านๆ kitsch เล็ก kitsch น้อย มาประดิษฐ์พลิกแพลงจนกลายเป็นของเก๋ที่มีฟังก์ชั่นทีเล่นทีจริง
ไม่ว่าจะเป็นการเอาตุ๊กตุ่นยางของเล่นวัยเด็กไปยัดในโหลยาดองกบไฟกะพริบจนเต็ม กลายเป็นโคมไฟเก๋ ฉีกเสื้อยืดย้วยลายวินเทจมาห่อปกสมุดโน้ตถูกใจเด็กแนวยุคนั้น หยิบกล่องคุกกี้สีแดงที่ได้จากการจับฉลากปีใหม่มาโมให้กลายเป็นนาฬิกาแสนป๊อป และข้าวของอีกมากมายก่ายกองที่สนุกเป็นบ้า
ถึงแม้ฉันจะลงมือทำตามบ้างอยู่สัก 2-3 ชิ้นเท่านั้นตามประสาคนขี้เกียจ แต่คอลัมน์นี้กลับปลูกฝังทัศนคติ ‘ทำเองก็ได้…ง่ายจัง’ ลงในหัวฉันอย่างหยั่งรากลึกและแข็งแรงจนขุดรากถอนโคนไม่ได้
บวกรวมกับสภาพแวดล้อมที่มีแม่คอยตัดเสื้อให้ใส่ เย็บกระเป๋าให้ถือ ตัดผ้าคลุมโซฟาเองก็ได้ เรือนปลูกต้นไม้ก็สร้างได้เอง ฉันจึงยิ่งเข้าข่ายคนไม่ยอมเสียสตางค์ให้สารพัดช่างจนคนรอบข้างบอกว่าเพลาๆ บ้างเทอะ! (เสียงหลงกว่า ‘เถอะ’ แบบปกติ) เพราะถึงแม้ข้อดีคือประหยัดสตางค์จ้างคนนั้นคนนี้ แต่ข้อเสียก็คือบ้านตึกแถวสี่ชั้นอัดแน่นไปด้วยข้าวของที่ ‘น่าจะเอามาทำอะไรสักอย่าง’ หมกไว้อย่างเหงาหงอย เพราะใจหนึ่งก็รู้ดีว่า งานดีไอวายสไตล์ที่เคยชอบได้อีสกอนไปแล้ว หลายต่อหลายชิ้นก็ไม่ได้สปาร์กจอยอย่างที่มาริเอะ คนโดะ ไกด์ไว้ให้ แถมชีวิตช่วงนี้ก็ต้อง do it แต่งาน จนรู้สึกผิดว่าถ้าทำงานไม่เสร็จแล้วจะไปทำอะไรเล่นร่าเริงได้
แต่อย่างที่บอก ประโยค ‘ทำเองก็ได้ง่ายจัง’ มันกลายเป็นเนื้อตัว เมื่อพอจะมีโอกาสทำอะไรเองได้ใจมันก็เลือกวิธีทำเองสิแทนซื้อสิด้วยคำว่าง่ายจังเสมอ อย่างในช่วงหลังๆ มานี้ฉันตั้งใจเลิกใช้สเปรย์ดับกลิ่นตัวเพราะไม่อยากทิ้งกระป๋องสเปรย์แบบรู้สึกผิด หนีไปใช้โรลออนแบบลูกกลิ้งก็ยังรู้สึกไม่ต่างกัน เลยลองเสิร์ชเล่นๆ ดูว่ามนุษย์เขาเปลี่ยนไปใช้อะไรดับกลิ่นน้องเต่ากันบ้าง ก็ตามฟอร์มว่าต้องไปเจอสูตรดีไอวายทำเองก็ได้ง่ายจังในเว็บไซต์ต่างประเทศที่มีหลากหลายสูตร ทั้งสูตรสเปรย์น้ำไร้แอลกอฮอล์ สูตรครีมที่ใช้น้ำมันมะพร้าวและเชียบัตเตอร์ (ที่แค่แทนค่าอุณหภูมิเมืองไทยเข้าไปก็เหนอะเนอะแล้ว)
หลังจากเทียบสูตรดูความเป็นไปได้ของวัตถุดิบ ฉันก็พบว่าสูตรที่ใช้น้ำแร่ เกลือหิมาลายัน ทีทรีออยล์ และเบกกิ้งโซดาดูจะเข้าท่าที่สุด เพราะวัตถุดิบก็มีอยู่ในบ้าน ขาดก็แค่ Witch Hazel สมุนไพรยอดฮิตจากอเมริกาที่ดีเด่นเรื่องการรักษาสิวและมีสารแอนติออกซิแดนต์ที่ดีเด่นมาก แต่ในอีกแง่หนึ่งก็ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียอันเป็นต้นกำเนิดของกลิ่นตุจากเต่าที่รักแร้ จึงกลายเป็นส่วนผสมสำคัญที่ต้องตามหา แถมชื่อก็ดูเป็นแม่มดปรุงยาจนรู้สึกอยากจะร่ายมนตร์ขึ้นมาซะอย่างนั้น (แม้จริงๆ แล้วคำว่า Witch ในชื่อของมันจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับแม่มดก็ตาม)
ขอบคุณโลกอินเทอร์เน็ตที่มีทุกอย่าง ฉันสามารถกดสั่งซื้อวิตช์ฮาเซลเกรดเครื่องสำอางได้ในราคาสู้ไหว สามวันส่งถึงบ้านทันใจ จากนั้นก็แค่ตวงๆ เทๆ คนๆ ตามสูตร (ที่หยวนเองบ้างนิดหน่อย) แล้วบรรจุขวดสเปรย์ที่มีอยู่ในบ้าน ฉันก็ได้สเปรย์ระงับกลิ่นมาด้วยเวลาอันรวดเร็ว ทำเองก็ได้ง่ายจังตามนั้นจริงๆ
แต่แน่นอนว่าเวลาใช้ไม่ได้ง่ายดายสะดวกสบายเหมือนสเปรย์กระป๋องแห้งทันที สวมเสื้อได้ทันใจ เพราะสเปรย์น้ำสูตรนี้ไม่ได้แห้งง่ายระเหยไวได้ดังใจนัก หลังอาบน้ำเสร็จฉันต้องวางแผนฉีดรักแร้ทิ้งไว้พักหนึ่ง ก่อนจะไปทาครีม ตบเซรั่ม เลือกแมตช์ชุด หรือโอ้เอ้จนรักแร้แห้งได้ที่จึงจะแต่งตัวได้ แต่เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ของรักแร้ที่ไม่ถึงกับแห้งผากเหมือนมีอะไรไปฉาบให้เหงื่ออั้นเอาไว้ กลิ่นไม่ชอบมาพากลก็ไม่รุนแรงเท่าตอนไม่ใช้อะไรเลย และรู้สึกเองว่ารักแร้ปลอดภัยใกล้ชิด (สารสกัดจาก) ธรรมชาติมากขึ้น
ที่สำคัญที่สุดคือรักแร้ไม่ดำเหมือนตอนใช้โรลออนด้วยนะ
ได้ทำก็เริ่มเอาใหญ่ พอได้รู้จักน้ำสกัดใบย่านางเป็นผลิตภัณฑ์โอทอปกลั่นมาบรรจุขวดสเปรย์ให้ฉีดคลายร้อนเพราะใบย่านางมีฤทธิ์เย็น เสิร์ชดูต่อก็พบว่ามีแอนติออกซิแดนต์และมีสารต้านเชื้อแบคทีเรียเหมือนๆ กันกับวิตช์ฮาเซลนี่นา ก็น่าจะเข้าท่ากับจั๊กกะแร้เราเหมือนกัน ฉันก็เลยลองเปลี่ยนสูตรจากสมุนไพรอเมริกันมาเป็นสมุนไพรไทยๆ บ้านเรานี่แหละ มีขายราคาเบาอยู่มากมาย ซึ่งผลลัพธ์ก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน กล่าวคือทำง่ายใช้ยาก แต่ก็สบายใจสบายกระเป๋าสตางค์ดี และความมั่นอกมั่นใจนี้ ก็นำไปสู่การกวนสบู่ ทำน้ำยาบ้วนปาก ปรุงแชมพูสระผม หรือโขลกสครับจากข้าวสารไว้ขัดตัวเองแบบไม่ง้อไมโครบีดส์ ซึ่งยากกว่าการทำสเปรย์ที่ว่านี่อยู่มาก แต่ก็ไม่ได้ยากเกินจะพยายามดูสักตั้ง
เอาเข้าจริงๆ ฉันสนุกและภูมิอกภูมิใจกับการทำเองก็ได้ง่ายจังในหมวดหมู่เครื่องอุปโภคในชีวิตประจำวันมากกว่าหมวดประดิดประดอยมาก เพราะนอกจากจะได้ใช้จริงทุกวัน ไม่ใช่ทำเสร็จภูมิใจแล้วตั้งโชว์ไว้อย่างนั้น ที่สำคัญคือมันเหมือนได้ปลดล็อกสิ่งที่เราเชื่อมาตั้งแต่เด็กว่าจะต้องซื้อและซื้อตามที่โฆษณาสั่ง แถมเชื่อจริงๆ จังๆ ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นจะให้ผลลัพธ์อย่างที่สัญญา สิวขึ้นมาสักเม็ดก็ทุรนทุรายวุ่นวายใจอยู่กับสิวที่ไม่ยอมยุบอยู่นั่น แล้วก็ต้องรบเร้าให้แม่ซื้อเจลล้างหน้าที่ยืนยันกับเราด้วยนางแบบหน้าสวยปิ๊งว่าสิวจะหายในวันสองวันอย่างที่เขาเปรียบเทียบบีฟอร์อาฟเตอร์เอาไว้ อยากมีวงแขนขาวไว้ใส่สายเดี่ยวโหนราวรถเมล์โดยไม่ต้องขวยเขิน ทั้งที่จริงๆ โรลออนที่ว่าเป็นตัวการทำให้รักแร้เราดำมากขึ้นนี่นา แถมเราก็ไม่ได้อยากให้ผู้ชายเอาหน้ามาคลอเคลียใกล้ๆ จั๊กกะแร้ด้วย หรืออยากให้รอยตีนกาไม่มากล้ำกรายทั้งที่อายุอานามก็เพิ่มขึ้นทุกปี แต่เราก็เชื่อว่าน้ำตบรุ่นนั้นแบรนด์นี้จะเนรมิตให้เราได้ ซึ่งพอเราได้มาทำเองใช้เอง สังเกตผลลัพธ์ตามจริง อะไรดีไม่ต้องให้บุ๋มว่าดี เพราะเรานี่แหละรู้ดีที่สุด
อะไรไม่เวิร์กก็หาทางใหม่ ถ้าจะต้องซื้ออะไรใช้เพราะทำเองไม่ได้ก็ไม่ได้คาดคั้น และไม่คาดหวังอะไรเพราะไม่ได้สัญญิงสัญญาอะไรกับตัวเองไว้แต่แรก
จากที่เคยรู้สึกผิดหน้ากระจกเพราะเซตปรนนิบัติผิวหน้าที่กัดฟันซื้อมาไม่ให้ผลลัพธ์น่าพึงพอใจนอกจากกลิ่นหอมที่ปลอบใจไปวันๆ พอได้ลดละการช้อปปิ้ง ไม่ต้องอ่านรีวิวเครื่องสำอาง เดินห้างและดรักสโตร์น้อยลง ไม่แพ้ทางบีเอตามเคาน์เตอร์ ฉันก็พบว่าชีวิตส่วนที่ต้องหมกมุ่นกับรูขุมขน ริ้วรอย ความชี้ฟูของผม หรือรอยด่างดำตามจุดต่างๆ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เพราะถึงบางอย่างจะทำเองไม่ได้ แต่ก็ใช้ชีวิตได้ง่ายจังมากขึ้น
เอ๊ะ ตกลงว่ามันจะง่ายหรือมันจะยาก เอาเป็นว่าฉันชอบที่ชีวิตแบบทำเองก็ได้ง่ายจังพาให้เราได้เรียนรู้เรื่องไม่ง่าย แต่ถ้าทำได้แล้วดีจังขึ้นมา (อนุญาตให้ทวนประโยคซ้ำเพื่อความเข้าใจอีกครั้งหนึ่ง)
แจกสูตรสเปรย์รักแร้แบบแห้งช้าแต่ชอบ
วัตถุดิบ
น้ำแร่หรือน้ำกลั่น 90 มิลลิลิตร (เกือบๆ ครึ่งถ้วยตวง)
วิตช์ฮาเซลหรือน้ำสกัดใบย่านาง 30 มิลลิลิตร
เกลือหิมาลายันสีชมพู 2 ช้อนโต๊ะ
เบกกิ้งโซดา ½ ช้อนโต๊ะ
ทีทรีออยล์หรือเอสเซนเชียลออยล์กลิ่นที่ชอบ 10 หยด
วิธีทำ (ง่ายๆ)
อุ่นน้ำบนเตาให้พอร้อน ใส่เกลือและเบกกิ้งโซดาลงไปคนให้ละลาย ทิ้งไว้ให้เย็น ใส่วิตช์ฮาเซลหรือเอสเซนเชียลออยล์ลงไป คนให้เข้ากัน บรรจุใส่ขวดสเปรย์เก่าที่มีในบ้าน เสร็จเร็วมาก ถ้ายังไม่ฟินให้หาเชือกมาผูก หาโบมาพัน หรือแปะเอ็มทีเทปเก๋ๆ เพื่อยืดเวลาและความยากให้มากขึ้นอีกนิด