โลเล-ทวีศักดิ์ ศรีทองดี: คุยเอาพลังงานกับศิลปินที่วาดชีวิตขึ้นจากความเพลิน

หลายปีแล้วที่ โลเล–ทวีศักดิ์ ศรีทองดี ศิลปินนักวาดที่เรารักลายเส้นเขาเหลือเกิน ย้ายรกรากไปปลูกบ้านและสร้างครอบครัวที่หัวหิน เมื่อมีวาระได้เดินทางมาสัมภาษณ์เขาเรื่องโปรเจกต์ใหม่ที่ทำกับแสงโสม เราจึงถือโอกาสนี้ชวนคุยเรื่องงานและชีวิตแบบอัพเดตล่าสุดของที่สุด นอกจากได้รู้ว่าตอนนี้เขากำลังหมกมุ่นกับการสร้างพื้นที่ศิลปะและคาเฟ่ เรายังได้รับพลังงานจากการพูดคุยในอีกหลายหัวข้อ ซึ่งคุ้มค่าและดีงามกว่าการตามติดชีวิตของเขาผ่านทางอินสตาแกรมเป็นไหนๆ

 

ศิลปินที่ทำแต่งานศิลปะมา 20 กว่าปี ทำยังไงให้ตัวเองสร้างงานใหม่ๆ ได้อยู่เสมอ

กับทุกอย่างในชีวิต ตอนแรกเราไม่รู้หรอกว่าจะทำอะไร รู้แค่สนใจอะไร อยากทำอะไรก็ทำ ชอบวาดรูป ชอบเล่นดนตรี ชอบทำภาพประกอบ ชอบเขียนการ์ตูน ก็ทำมาเรื่อยๆ พอนานเข้าสิ่งที่เราทำถูกดันไปจนสุดแล้วก็หยุดบ้าง ถึงจุดหนึ่งเราเริ่มอยากเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นบ้าง พอมีโอกาสเข้ามาเราก็ทำ อย่างตอนนี้เรากำลังทำพื้นที่ศิลปะและคาเฟ่ อยากให้เป็นพื้นที่ที่คนจะมาสิงอยู่ได้นานๆ ก็ทำไปก็เพิ่มไปเรื่อย จะบอกว่าเราไม่วางแผนอะไรเลย ทดลองไปวันๆ ก็ได้นะ เหมือนเวลาเลี้ยงลูก เรากับแพร (นัดดา ทนทาน-ภรรยา) ก็เลี้ยงไปวันๆ คำมันอาจจะฟังดูง่ายนะ แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราไม่ได้คาดหวัง ไม่ได้วางแผนให้ต้องเครียด

 

เหมือนก่อนหน้านี้ใช่ไหม ที่จู่ๆ คุณก็ลุกขึ้นมาทำวงดนตรี Happyband

ใช่ ตอนนั้นเริ่มอยากเล่นกับคนอื่นบ้าง เพราะวาดรูปคนเดียวมันก็เป็นโลกของเราเต็มที่ เหมือนเดินไปคนเดียวก็เจอแต่สิ่งที่เราคิด เราอยากเปลี่ยนวิธีคิดของเรา ถ้าเราเชื่อตัวเองมากเกินไป บางทีเราก็ไม่เห็นตัวเอง แต่พอเราทำวงดนตรีที่มีคนอื่นด้วย แต่ละคนก็ทำในแนวทางของเขา เราก็ต้องเปิดรับสิ่งที่เขาเป็น ถ้าเขาเล่นกีตาร์เร็วๆ ไม่ได้ ตีกลองได้แค่แบบหยาบๆ เราก็ทำจากสิ่งที่มีอยู่ พอคิดแบบนี้ทุกคนก็จะทำอะไรได้ในสิ่งที่ตัวเองเป็นโดยที่ไม่ต้องเก่งเลย เล่นได้แค่เพลงเดียวก็ได้ เราก็ทำให้เก่งที่สุดในเพลงนั้น นี่คือความเชื่อของเรา ถ้าเราเชื่อว่าเราต้องเก่งก่อนถึงสร้างงานได้ ก็ไม่รู้จะได้ทำเมื่อไหร่

 

ทำไมไม่ค่อยสนใจความเก่ง ปกติคนอายุมากขึ้นก็น่าจะอยากเก่งยิ่งขึ้น

คิดว่ามันแยกกันนะ ความเก่งกับความคิด สมัยก่อนเราเชื่อว่าต้องฝึกฝนอะไรบางอย่างจนเชี่ยวชาญ แต่กลายเป็นว่าพอเราเชี่ยวชาญในสิ่งนั้น ความเก่งจะไปปิดกั้นความคิดของเรา ยกตัวอย่าง เวลาที่เราวาดรูปบางอย่างได้ดี เราจะหลงเสน่ห์ในการวาด วาดมันอย่างเอร็ดอร่อยจนเราไม่อยากจะคิดอะไรแล้ว นั่นแหละคือการปิดกั้นความคิด ความหลงใหลทำให้คิดงานของตัวเองไม่ออก เราจึงต้องรู้ว่าจะหยุดที่ตรงไหน เพื่อที่จะกลับมามองว่าความเก่งมันไม่สำคัญเท่ากับเราอยากนำเสนออะไร

กำลังจะบอกว่าศิลปินควรให้ความสำคัญกับความคิดมากกว่าอารมณ์เหรอ

อารมณ์ก็อารมณ์วิธีคิดก็วิธีคิด แต่เราต้องเลือกใช้ การทำงานที่มีวิธีคิดทำให้งานเรามีมิติและเปิดกว้าง ถ้าเอาความคิดนำ เราจะสร้างอะไรก็ได้ให้สะท้อนความคิดเรา ยกตัวอย่าง คิดเรื่องความเศร้า ถ้าเราวาดรูปไม่เป็น แต่เราแทนค่าความเศร้าด้วยใบไม้ลอยน้ำเอื่อยๆ แล้วถ่ายวิดีโอก็ได้ หรือเราเอาถาดมาขูดแล้วอัดเสียงครืดคราด มันก็เป็นความเศร้าแบบปวดร้าว ต่อให้เราวาดรูปไม่เป็น แต่ทำไมเราถึงแทนค่าได้ เพราะเราเลือกเป็น แสดงว่าเราใช้ความคิด มันมีเทคนิคตั้งมากมายที่จะสื่อสารความคิดของเรา ความเก่งไม่ได้เป็นตัววัดว่าเราจะสร้างงานที่ดีได้ด้วยซ้ำไป

ดูอินสตาแกรม ทำไมคุณถึงชอบสเกตช์สิ่งต่างๆ แบบเห็นไปถึงโครงสร้างข้างใน

เป็นมานานแล้ว เวลาดูอะไรก็ชอบคิดถึงโครงสร้างของมัน สมมติให้เขียนเก้าอี้ เราจะใช้ความคิดเราเข้าไปศึกษาโครงสร้างของทุกอย่างโดยอัตโนมัติ แทนที่จะมองว่ามันเป็นยังไง ก็มองลึกลงไปข้างในที่แก่นบางส่วนของมัน ความสนุกจะเกิดเมื่อเราไม่ได้เข้าใจโครงสร้างที่แท้จริงทั้งหมดของมันหรอก เราแค่วาดให้เห็นว่าข้างในมันเป็นยังไง ตามความคิดและจินตนาการของเราด้วย

เปลี่ยนวัตถุดิบในหัวให้กลายเป็นงานศิลปะยังไง

ผมมีสมุดพกไว้เขียนเล่นหลายเล่ม จดโน่นนี่เหมือนไดอารี่ ขอให้มีที่จดอะไรสักอย่างติดตัวไว้ผ่อนคลาย เวลาวาดผมก็แค่คิดว่าจะวาดอะไร แล้ววาดเล่นออกมา ไหลไปเรื่อย จะออกเป็นยังไงก็ไม่รู้ เดี๋ยวมันจะรู้เอง

ทำไมศิลปินระดับนี้ ถึงยังมองการวาดรูปเป็นการผ่อนคลายได้

เพราะถ้าเราตาย เราก็แค่หายไป อะไรที่เราทำได้และอยากทำเราก็ทำ เพื่อสนองความต้องการของเรา เราก็เลยไม่ได้ทำเพื่อฝากให้ใครหรือทำเพื่อให้ใครยกย่องเรา

ก็เลยวาดรูปไปวันๆ เหรอ

แน่นอน เว้นแต่ว่าถ้าเดือนหน้าเรามีโปรเจกต์ เดี๋ยวตุลาฯ นี้ เราต้องไปเป็น artist residency ที่นาริตะ ประเทศญี่ปุ่นเดือนนึง เราก็ต้องวางแผนว่าจะทำอะไร นั่นคือสิ่งที่ไม่ใช่วันนี้ ส่วนคำว่า ‘อยู่ไปวันๆ’ เป็นปลีกย่อยที่เหลือของวัน เราคิดว่าคนที่มีแผนเยอะ แต่ละวันก็ต้องพยายามทำตามแผน แต่เราขอเอ็นจอยดีกว่า

คุณไม่เคยมีแผนสร้างตัวเองให้เป็นศิลปินเลยเหรอ

ไม่เลย เราทำเพราะความเพลินหมดเลย หาโอกาสให้เราได้ทำในสิ่งที่อยากทำ และพยายามมุดออกมาจากสิ่งที่เราไม่ชอบ เราเคยตั้งใจมากที่จะเป็นอาจารย์สอนศิลปะ ถึงขั้นไปเรียนต่อปริญญาโท แต่พอได้ลองทำเราก็รู้ว่าว่าไม่ชอบที่ต้องทำงานเชิงบริหารด้วย หรืออย่างช่วงหนึ่งที่เศรษฐกิจไม่ดี เราลองไปทำงานกับห้างฯ
ถ้าเราทำต่อไปก็รู้แหละว่าเราจะได้เป็นผู้บริหาร แต่เราก็คิดได้ว่า เฮ้ย เกิดมาเป็นมนุษย์ไม่ต้องเป็นแบบนี้ก็ได้ โลกมันตั้งกว้างใหญ่ มีที่อีกตั้งเยอะให้เราไป เราก็วางแผนเก็บตังค์ ลาออกมาผจญภัย จากวันนั้นเมื่อ 20 ปีก่อน ตอนนี้เราก็อยู่ได้จริงๆ แถมเราก็ได้ทำนู่นทำนี่ที่ชอบ ทำดนตรี เขียนหนังสือ ออกแบบ ทำอะไรตั้งหลายอย่าง

ชีวิตที่ไม่ได้ร่างมาก่อน มันดียังไง 

เราจะไม่สนใจบริบทใดๆ ที่คนเชื่อกัน มองข้ามสิ่งเหล่านั้นไปเลย เช่น คุณต้องเรียนอักษรศาสตร์มาก่อน ต้องอ่านหนังสือเยอะ ถึงจะเขียนหนังสือได้ ถ้าเชื่ออย่างนั้นปั๊บเราจะไม่กล้าเขียนเลย แต่ถ้าเรามองข้ามแล้วทำเลย คำมันพรั่งพรูมาเรื่อยๆ เองได้ เหมือนเราวาดรูปจากจุดเล็กๆ จนเต็มกระดาษ มันอาจจะไม่ได้ออกมาดีหรือกลายเป็นเงินได้หมด แต่อย่างน้อยเราได้เห็นว่าเราสร้างอะไรขึ้นมา ได้รู้ว่านั่นแหละคือสิ่งที่เราทำไปแล้ว แล้วเราก็จะเริ่มทำอันใหม่ ประสบการณ์จากอันแรกไปอันที่สองสามสี่ก็จะเก่งขึ้น อย่าไปตั้งเป้าเลย ตั้งแล้วมันเครียด เพราะถูกครอบงำความคิดว่าจะต้องเก่ง แล้วเราจะคิดไม่ออก

ล่าสุดในโปรเจกต์ ‘SangSom คนไทย… ตั้งใจทำอะไรไม่แพ้ชาติใดในโลก The Inspirers’ ทำไมถึงให้โจทย์คนวาดรูปยานอวกาศ 

ง่ายๆ เลย แสงโสมคือดวงจันทร์ เราเลยนึกถึงการนั่งยานอวกาศไปสู่ดวงจันทร์ ซึ่งการออกแบบยานอวกาศเป็นเรื่องที่ห่างไกลจากความจริง ต้องใช้จินตนาการวาดกันออกมา เราน่าจะได้เห็นอะไรสนุกๆ แต่ก็ขึ้นกับคนนั้นว่าได้โจทย์ไปแล้วกล้าคิดหรือเปล่า ถ้าไม่กล้าคิด เกร็งเพราะอยากได้รางวัลหรืออยากให้คนยอมรับก็ไม่ไปไหน คือไม่ว่าปลายทางของความฝันของคุณจะเป็นอะไร ไม่ว่าคุณจะเคยสร้างงานศิลปะมาก่อนไหม อยากให้ลองเริ่มต้นจากแรงบันดาลใจ ลองเปลี่ยนจุดเล็กๆ ให้กลายเป็นภาพยานอวกาศในจินตนาการของคุณแล้วส่งมา

เจ้าของยานฯ ที่โลเลคัดเลือกให้ผ่านเข้ารอบมา 20 คน จะเจออะไร

เราจะไม่สอนวาดรูป แต่เราจะชวนคุย แลกเปลี่ยนมากกว่า เราชอบเจอและคุยกับคนรุ่นใหม่นะ เพราะเราก็ได้ความรู้จากเขาด้วย อยากพูดถึงสิ่งที่เราพูดกันนี่แหละ ว่าอยากทำอะไรก็ทำเลย ไม่ต้องวางแผนเยอะ ครั้งแรกเราก็ต้องทำไปก่อน พอเราทำจนชินแล้วความคิดมันจะมาเอง

ความแก่ส่งผลต่องานและตัวตนคุณมากไหม 

ทำให้เราไม่ยึดติดกับอะไร เลิกหวงสิ่งที่เราทำ ไม่คาดหวังว่าสิ่งที่เราทำจะพิเศษแล้ว มันก็แค่สิ่งที่เราได้ทำไปเท่านั้นเอง ทุกวันนี้เราชอบดูและเล่นอินสตาแกรม ชอบถ่ายรูปสิ่งที่เราทำ เพราะถ้าเราเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้กับตัวมันก็จะเยอะไปหมด บางคนก็มีความคิดว่าอยากเก็บเอาไว้ให้เป็นผลงานล้ำค่า แต่ผมมองว่าแล้วคนมากมายในโลกนี้ใครจะมาเห็นงานคุณได้บ้าง สิ่งเล็กๆ ที่เราทำใครจะมาเห็น แม้กระทั่งงานของคนที่เจ๋งมาก เอาไปแสดงโชว์อย่างยิ่งใหญ่อาจจะไม่มีใครมองก็เป็นไปได้

 

สรุปว่าทุกวันนี้ คุณอยู่กับงานด้วยความเพลินทั้งสิ้น

แทบจะไม่คิดอะไรเลย แค่มีงานอยู่รอบตัวเรา แล้วเรามีเวลาจัดการกับมันก็พอ ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในจุดที่อยากจะไต่เต้าและผลักดันความเป็นศิลปินของเราไปให้สุด ไม่ได้แสดงงานให้เต็มที่เพื่อที่จะส่งงานไปแสดงเมืองนอก เพราะเราไปอยู่เมืองนอกนานไม่ได้ เราคิดถึงบ้าน ไปได้อย่างมากคือเดือนนึง ไปไหนไกลไม่ได้นาน ด้วยอายุเท่านี้เราขอเพลินๆ ดีกว่า เรารู้เงื่อนไขของเรา แค่เพลินเราก็อยู่ได้

ไม่เสียดายที่ไม่ได้ผลักดันไปจนสุดเหรอ

เราก็เคยมอง ถ้าผลักดันตัวเองไปเราก็ทำได้นะ แต่เราอยากลองไม่ผลักดันตัวเองเลย ตั้งแต่เรามีลูก ย้ายมาที่นี่ เราอยากลองว่าเราจะมีรายได้ยังไง จะมีอะไรให้เราทำไหม จะได้ไปไหนหรือเปล่า ผลลัพธ์คือมันอยู่ได้ ปีก่อนมีคนเชิญเราไปแสดงงานที่โอซาก้า มีคนชวนไปทำกราฟฟิตี้ เรากลับมาทบทวนดูว่า ถ้าเราไม่อยู่เฉย ทำตลอดเวลา มันอยู่ได้

ไม่เสียดายจริงด้วย

มันไม่ได้สำคัญกับเราจริงๆ ถ้าไปสุดทางนั้น เราอาจไม่ได้อยู่บ้าน ชีวิตเราจะไม่ได้เป็นอย่างนี้ แต่ทุกวันนี้เราได้ทำอะไรตามแบบฉบับของเรา ไปไหนก็ไปสามคนพ่อแม่ลูก ไมได้เอาลูกให้ใครเลี้ยง เราเลี้ยงกันเอง เรียนรู้เอง ให้ลูกเล่นสนุก เขาทำอะไรมีแววดีหรือเก่ง เราก็ไม่ไปผลักดันให้เขาเรียนหรือลงแข่ง เพราะการที่เขาสนุก มันดีอยู่แล้ว เพราะไอ้ความอยากเล่นกีตาร์ตอนเด็กของตัวเราเอง มันผลักดันเรามาให้ทำดนตรีวันนี้ การที่เราวาดรูปบนถุงกล้วยแขกมาก่อน มันทำให้เราเชื่อว่าเราวาดอะไรที่ไหนก็ได้ กระดาษดีหรือกระจอกแค่ไหน ก็สร้างงานที่ดีได้

 

โอกาสที่จะได้สัมผัสประสบการณ์แบบใกล้ชิดกับศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะที่ไร้กฎเกณฑ์ โลเล–ทวีศักดิ์ ศรีทองดี ในโปรเจกต์ ‘SangSom คนไทย… ตั้งใจทำอะไรไม่แพ้ชาติใดในโลก The Inspirers’ อยู่ที่คุณแล้ว…เพียงสร้างงานศิลปะรูปยานอวกาศที่จะพาไปสู่ดวงจันทร์ในแบบของตัวเอง คลิกไปดูรายละเอียดและวิธีการส่งผลงานได้ที่ facebook.com/sangsomexperience

AUTHOR