แม็กซ์ เจนมานะ : การเติบโตของศิลปินหนุ่มเจ้าของเพลงใหม่ล่าสุดที่ฟังแล้วสบายใจ

เราติดตามผลงานของแม็กซ์-ณัฐวุฒิ
เจนมานะ
มานานหลายปี หลังจากการแจ้งเกิดในเวทีการประกวดร้องเพลง The Voice
Thailand
ซีซั่นแรก แม็กซ์ได้ปล่อยซิงเกิลเพลงออกมามากมาย นอกจากนี้
เขายังโดดไปเป็นดีเจที่คลื่น 88.5 FM รวมถึงมีผลงานเขียนเป็นของตัวเองแล้วถึง
2 เล่ม ในโอกาสที่แม็กซ์เพิ่งปล่อยซิงเกิลล่าสุดชื่อ
‘เกาะมันนอก’ เพลงฟังสบายที่ยังคงมีเอกลักษณ์เป็นเสียงกีตาร์อันอบอุ่น
เราจึงขอนัดแม็กซ์มานั่งคุยถึงเรื่องงานและการเติบโตของเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

เล่าเรื่องที่มาของซิงเกิลล่าสุดให้ฟังหน่อย
หลังออกจากค่ายมาเป็นศิลปินอิสระเต็มตัว เจ้านายเก่าของเราติดต่อมาให้แต่งเพลงโปรโมตเกาะมันนอกที่เป็นเกาะส่วนตัวของเขาให้หน่อย ช่วงนั้นคันไม้คันมืออยากทำงานใหม่ๆ ก็เลยไปทำ เป็นงานกึ่งพาณิชย์ที่ทำด้วยตัวเอง
และเป็นโปรเจกต์ครั้งแรกในฐานะศิลปินอิสระ ตอนไปถึงเกาะ เราชอบมากเลย มันมีความเป็นส่วนตัวมาก
ได้อยู่กับตัวเองจริงๆ ตอนเราเดินริมชายหาด ณ โมเมนต์นั้นทุกอย่างดีมาก ตอนกลับมาก็ทำเดโมส่ง
เราเขียนเพลงให้ได้อารมณ์เกาะเลย แล้วที่เลือกแต่งเป็นภาษาอังกฤษ เพราะเราชอบภาษาอังกฤษอยู่แล้วและคิดว่ามันน่าจะเข้าท่ามากกว่า
เพราะเจ้านายเก่าเราเขาอยากให้เพลงสื่อสารกับชาวต่างชาติได้

รู้มาว่าคุณทำเพลงนี้เองเกือบทุกขั้นตอนเลย
ใช่
ทำเองเกือบหมดเลย เราเหนื่อยมากเลยนะ เพราะต้องทำเพลงและทำมิวสิกวิดีโอสำหรับเอาไปโปรโมต
ใช้ในงานท่องเที่ยวต่างๆ เราก็ต้องคุมงานสองแบบ ต้องดูทุกอย่างตั้งแต่ต้นยันจบเลย ตอนตัดต่อวิดีโอ
เราก็ต้องไปนั่งคุม ซึ่งมันก็ทำให้เราได้รู้ว่ากระบวนการทุกอย่างเป็นยังไง
การดีลงานกับลูกค้าทำยังไง
แต่ก่อนเราเคยอยู่ค่ายแล้วบอกว่า ทำไมพี่ทำอย่างนี้วะ ไม่เข้าใจศิลปินเลย เราก็เริ่มเข้าใจค่ายแล้ว

ได้ข่าวว่าคุณกำลังจะกลับเข้าไปอยู่ค่ายอีกครั้งแล้วใช่ไหม
ที่จริงตอนแรกเรากะจะอยู่ในฐานะศิลปินอิสระยาวๆ
นะ แต่รู้สึกว่าไม่ไหว ไม่มีแรง ต้องรับผิดชอบหลายอย่าง งานครั้งนี้ก็เหมือนการทดลองงาน
เราลองโยนหินถามตัวเองว่าจะรับได้ไหมกับการดูแลตัวเอง ซึ่งรู้แล้วว่ามันเหนื่อย
ไม่มีเวลาทำอย่างอื่น แล้วผลตอบแทนมันอาจจะไม่คุ้ม ถ้าเจอคนดูแลที่เข้าใจเรา มันคงจะดีกว่า
ให้คนดูแลความฝันเราดีกว่า แต่ก็ขอเลือกคนที่ใช่ คือดูว่าเขาชอบเพลงเรามั้ย ชอบเราจริงรึเปล่า
เปิดเพลงให้ฟังแล้วเขาว่ายังไง คิดยังไง เหมือนเลือกแฟนน่ะ

เล่าถึงงานอื่นๆ
ที่คุณทำนอกจากงานเพลงหน่อย

เราเป็นดีเจที่คลื่น 88.5 FM ที่นี่ปรับชีวิตเราหลายอย่างมาก 8 – 10 โมงก็ต้องตื่นแล้ว
นี่คือเช้ามากนะ (หัวเราะ) ตอนแรกบ้านเราอยู่แถวศาลายา ตอนนี้เราตัดสินใจย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองเลย
มันสะดวกกว่า แล้วนอกจากเป็นดีเจ เราก็เขียนหนังสือ เล่มล่าสุดที่เขียนอยู่เป็นรวมเรื่องสั้น
คือตอนออกจากค่าย เรามีช่วง depress หนักมาก ก็เลยหันไปออกหนังสือแทน หนังสือช่วยเราไว้เยอะมาก ปรับชีวิต ปรับความคิดไปเยอะ
มันเหมือนกระจก ยิ่งเขียนยิ่งรู้ ใครอยากจะรักษาตัวเอง เขียนเลย มันช่วยชีวิต
พอเขียนก็รู้เลยว่า อ๋อ เราคิดอย่างนี้นี่หว่า คือบางครั้งมันคิดอยู่ในหัว เราไม่รู้
แต่พอเขียนออกมาแล้ว มันเห็นชัดมากเลย

งานเขียนเหมือนหรือต่างจากงานแต่งเพลงยังไงบ้าง
มีทั้งส่วนที่ต่างและส่วนที่คล้ายกันนะ
แต่การเขียนหนังสือก็ช่วยเกื้อหนุนงานเพลง ช่วยเรื่องการเลือกคำ การเกลาสำนวน มีหลายคนบอกว่าผมทำงานเยอะ แต่ว่าจริงๆ เราว่ามันก็คลุมธีมอยู่นะ
เวลาไปเที่ยว เราก็เอามาเขียนหนังสือ แล้วก็เอามาแต่งเพลง

จากตอนเป็นแม็กซ์
The
Voice ถึงตอนนี้ คุณคิดว่าตัวเองโตขึ้นแค่ไหนแล้ว

ไม่โตเลย เครียดเรื่องนี้มาก (หัวเราะ) ส่วนตัวเรายังอยากเป็นเด็กอยู่ ถามว่าโตขนาดไหน น่าจะเป็นการโตด้านทักษะกับความเป็นมืออาชีพมากกว่า
แต่เราแอบเก็บความเป็นเด็กไว้ คือเฉพาะบางมุมกับคนบางคนถึงจะเห็นได้
แต่ว่าถ้าอยู่ข้างนอกแล้วต้องเป็นผู้ใหญ่ระดับนึง ต้องทำงานให้เป็นมืออาชีพ

ความเป็นมืออาชีพคืออะไร
คือการจัดการกับสถานการณ์และรับผิดชอบกับคำพูด
รับผิดชอบกับความคิด กับสิ่งที่อยากทำ ซึ่งสุดท้ายมันจะมาจบที่ 2 อย่าง คือการอยู่กับปัจจุบันและความเป็นมืออาชีพ
คือถ้าอยู่กับปัจจุบัน เราก็จะรู้ว่ามีอะไรตรงหน้าบ้าง สัญญาอะไรไว้บ้าง ต้องทำอะไรก่อนหลังบ้าง
แล้วมันจะเป็นมืออาชีพเอง ตอนนี้เราก็เลยแค่คิดว่าวันนี้จะกินอะไร มีงานอะไรต้องทำบ้าง แล้วก็ค่อยๆ
ทำไปทีละอย่าง

แล้วการเก็บความเป็นเด็กเอาไว้ดียังไง
มันทำให้เรามีพลัง
พออายุเยอะขึ้นมันมีความกังวลเข้ามา เราเคยทิ้งความเป็นเด็กไปเลยช่วงนึง
กังวลทุกอย่าง กูทำเพลงแล้วใครจะฟัง ทำหนังสือใครจะอ่านวะ ไม่มีความสุขเลย ทั้งที่งานพวกนี้น่าจะทำแล้วมีความสุขที่สุดในโลก
สุดท้ายก็ลืมว่าเราฆ่าเด็กคนนึงไป ที่จริงเราต้องเหลือพื้นที่ให้เขา ไม่งั้นไม่มีแรง
ไม่มีชีวิต เราต้องมีความเป็นเด็กอยู่ในตัว
มันคือส่วนที่บริสุทธิ์ที่สุดของเรา ถ้าเชื่อส่วนนี้ได้ก็จะดีมาก แต่ก็ต้องมีความเป็นมืออาชีพด้วยนะ แล้วเราก็จะเลี้ยงเด็กให้ดีได้ มีเงินไปเลี้ยงเด็กด้วย
อย่างเราก็ไปซื้อการ์ตูนวันพีซมาอ่าน

ตอนนี้สิ่งที่เด็กชายในตัวคุณได้เรียนรู้แล้วคืออะไร
นอนให้เยอะครับ (หัวเราะ)
พักผ่อนให้พอดีกว่า คือไม่ต้องรับงานทุกโปรเจกต์ก็ได้ รับเยอะแล้วมันเหนื่อย

ช่วงนี้ชีวิตคุณมีเป้าหมายอะไรบ้าง
เราตั้งใจจะเรียนอนุปริญญาด้าน
sound
engineer ที่กำลังเรียนอยู่ให้จบ เขียนหนังสือให้เสร็จ จริงๆ ต้องส่งโครงตั้งแต่เดือนที่แล้ว
นี่ยังไม่ได้ส่งอะไรสักอย่างเลย แล้วก็ปล่อยเพลงต่อไป เป็นมืออาชีพมากขึ้น
อยู่กับปัจจุบันให้มากขึ้นด้วย ที่จริงก็พูดดีไปอย่างนั้นแหละ ทำไม่ได้หรอก (หัวเราะ)

ภาพ
: ช่อไพลิน
ไพรบึง

กำกับและตัดต่อ: อภิวัฒน์ ทองเภ้า

AUTHOR