Dasa ร้านขุมทรัพย์ของทาสรักหนังสือมือสองและซีดีเพลงเก่าย่านสุขุมวิท

ในย่านที่คนพลุกพล่านและใช้ชีวิตที่แข่งขันกับเวลา มีตึกแถวเล็กๆ ขนาดหนึ่งคูหาริมถนนสุขุมวิทใกล้สถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ ที่เดินผ่านแล้วรู้สึกสะดุดเหมือนมีแรงดึงดูดให้เราก้าวเข้าไปค้นหา

Dasa มาจากภาษาบาลี แปลว่า ‘ทาส’ เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นเหมือนขุมทรัพย์ของทาสรักหนังสือมือสองและซีดีเพลง ที่ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายโรแมนติกแบบยุคแอนะล็อกให้ชวนคิดถึง เคียงคู่ชาวสุขุมวิทมานานกว่า 19 ปี ด้วยคอนเซ็ปต์ Quality Secondhand Books ที่อัดแน่นด้วยหนังสือสารพัดหมวดหมู่จัดเรียงตามชื่อผู้เขียนอย่างเป็นระบบ ถ้าโชคดีอาจจะเจอหนังสือหายากสภาพดีในราคาสบายกระเป๋า 

ท่ามกลางเสียงเพลงที่บรรเลงอย่างแผ่วเบาอย่างไม่ขาดสาย ทำเอาเราหมดเวลาตลอดทั้งบ่ายเพราะเผลอนั่งพลิกอ่านหนังสือไปเรื่อย พอรู้ตัวอีกทีก็ลืมความวุ่นวายภายนอกและได้ความสบายใจกลับบ้านไปเต็มกระบุงแล้ว

ร้านหนังสือมือสอง (ที่ไม่มีวัน) เก่า

Dasa ก่อตั้งโดยหุ้นส่วนสองคนคือ ‘ดอน หรือ โดนัลด์ กิลลิแลนด์’ ชาวอเมริกัน และ ‘กวีวุฒิ​ วุฒิ​วิภู​​​’ ทั้งคู่เคยทำงานขายแผ่นซีดีเพลงที่ Tower Records ด้วยกัน ต่อมาดอนย้ายจากไทยไปเปิดร้านหนังสือที่กัมพูชา แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจกลับมาปักหลักในเมืองไทย จึงชักชวนกวีวุฒิมาลงทุนเปิดร้านหนังสือย่านสุขุมวิทด้วยกัน

“หุ้นส่วนที่เป็นฝรั่งเขามองว่าตอนนั้นไม่ค่อยมีร้านหนังสือเล็กๆ อยู่ในเมืองเท่าไหร่” กวีวุฒิเล่าถึงจุดเริ่มต้นของร้าน “หนังสือมือสองภาษาอังกฤษในไทยก็ยังไม่ค่อยมี ถ้าอยากซื้อหนังสือก็ต้องไปข้าวสารไม่ก็จตุจักร ซึ่งบางทีบรรยากาศร้านก็ไม่ได้น่านั่ง ไปก็ต้องไปรื้อค้น ด้วยความที่หนังสือภาษาอังกฤษมันราคาแพง เราก็คิดว่าถ้าขายมือสองในราคาครึ่งหนึ่งของหนังสือใหม่เราก็น่าจะอยู่ได้ เราก็เลยอยากทำให้ร้านหนังสือมือสองกึ่งคาเฟ่ มีขายกาแฟ ขายขนม เป็นร้านคอมมูนิตี้ย่านสุขุมวิท”

“แต่ด้วยความที่มันเป็นตึกแถวเล็กๆ ห้องเดียว และมีพื้นที่จำกัด ช่วงแรกลูกค้าไม่เยอะมากก็พอรับไหว แต่ช่วงหลังกลายเป็นว่าบางวันก็มีซาเล้งซื้อหนังสือตามบ้าน ขนหนังสือเข้ามาเป็นลังๆ ทำให้บรรยากาศสวยๆ มันถูกรบกวนด้วยการซื้อมาขายไป มันดูวุ่นวาย หลังๆ ก็เลยเลิกขายเค้กไป ตอนนี้ก็ขายแค่กาแฟอย่างเดียว 

สิ่งที่ทำให้ฉันหลงรักร้านหนังสือร้านนี้คือการจัดวางหนังสืออย่างเป็นระเบียบ ให้ความรู้สึกเหมือนมาห้องสมุด เพราะมีการแยกหมวดหมู่และเรียงตามชื่อผู้เขียน ช่วยให้ลูกค้าหยิบหาได้ง่าย แถมยังมีระบบฐานข้อมูลในเว็บไซต์ให้บริการสั่งหนังสือออนไลน์อีกด้วย

“เราตั้งใจอยากทำให้ที่นี่แตกต่างจากร้านหนังสือมือสองทั่วๆ ไป ก็เลยทำระบบช่วยค้นหาหนังสือตามหมวดหมู่ให้หยิบค้นหาได้ง่าย มีเว็บไซต์ให้ลูกค้าสั่งซื้อได้ เป็นร้านหนังสือมือสองแต่เพิ่ม Service เข้าไป”

“ด้วยความที่เรามีหนังสือเข้ามาทุกวัน ร้านเราจะอัปเดตรายชื่อหนังสือในเว็บไซต์ตลอด ลูกค้าก็สามารถไปเสิร์ชชื่อหนังสือได้ มีหนังสืออะไรที่น่าสนใจก็สามารถอีเมลเข้ามาจองได้ เคยมีลูกค้าอีเมลมาจากต่างประเทศบอกว่าตามหาเล่มนี้มานานแต่มาเจอหนังสือในเว็บไซต์ของร้านเรา มันก็อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ที่นี่กลายเป็นร้านหนังสือที่ชาวต่างชาติจะนึกถึง”

ซื้อ – อ่าน – หมุนเวียน

หากพูดถึงหนังสือมือสองบางคนอาจจะรู้สึกว่าเป็นหนังสือเก่า มีฝุ่นเยอะ ไม่สะอาด แต่ความจริงหนังสือมือสองไม่ใช่หนังสือที่เก่าเสมอไป เพราะอาจจะเป็นหนังสือใหม่ไร้รอยยับยังคงสภาพดี ในขณะเดียวกันหนังสือเก่าบางเล่มก็อาจจะเป็นหนังสือที่มีอายุยาวนานและมีความหายากในตัว 

“หนังสือมือสองคือหนังสือที่ผ่านการคัดสรรมาแล้วรอบหนึ่งโดยเจ้าของคนแรกว่า หนังสือเล่มนั้นมันน่าสนใจ บางคนที่ไม่ชอบหนังสือมือสองเพราะอาจจะรู้สึกสกปรก มีเชื้อโรค แต่หนังสือร้านเราก็เอามาเช็ดทำความสะอาดก่อนแล้ว ยังคงสภาพดีไม่ได้เก่ายับเยินอะไร และบางเล่มก็เป็นหนังสือของชาวต่างชาติที่ติดมาด้วยตั้งแต่ตอนที่เดินทางมาเมืองไทย พออ่านเสร็จเขาไม่ได้อยากเก็บก็เอามาขายต่อ หาซื้อในเมืองไทยไม่ได้เพราะมันไม่มีคนสั่งเข้ามา หรือบางเล่มอาจจะเป็นหนังสือเก่าที่เลิกตีพิมพ์ไปแล้ว มันก็เป็นเสน่ห์ของหนังสือมือสองอย่างหนึ่งเหมือนกัน”

ความน่าสนใจของที่นี่คือหากเป็นหนังสือทั่วไปราคาขายจะอยู่ประมาณครึ่งหนึ่งของราคาเต็ม ยิ่งไปกว่านั้นคือเมื่ออ่านจบแล้วสามารถนำมาขายคืนได้ โดยทางร้านจะรับซื้อในราคาครึ่งหนึ่งจากตอนที่ขายไปอีก ทำให้ความหลากหลายของหนังสือมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน จากการเทรดกันของลูกค้าประจำและขาจรที่แวะเวียนมาไม่ขาดสาย

“คอนเซ็ปต์ของร้านคือซื้อไปแล้วก็สามารถเอากลับมาขายคืนร้านได้ด้วย แต่เป็นลักษณะของการเอามา swap เอามาเทรดกัน สมมติซื้อหนังสือไปร้อยบาท พออ่านเสร็จแล้วเอามาคืนสภาพเดิม ไม่เสียหาย เราก็จะให้คืนห้าสิบบาทเพื่อเอาไปแลกซื้อหนังสือเล่มอื่นๆ ในร้าน มันก็เลยกลายเป็นคอนเซ็ปต์ที่ลูกค้าชอบ เพราะอ่านเสร็จแล้วเอามาคืนก็ยังได้เงินครึ่งหนึ่งอีก บางคนอ่านเสร็จแล้วก็ไม่ได้อยากเก็บ ถ้าไม่เก็บก็ชั่งกิโลขาย เอาไปขายตามร้านก็ขายได้ไม่เยอะ”

หน้าร้านยังมีกระบะหนังสือ Blowout Books Sale ที่ราคาเริ่มต้นเพียงแค่ 19 บาทเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ผ่านไปมาแถวนี้ก็อดใจไม่ไหวที่จะซื้อติดไม้ติดมือกลับไป

คนไทยกับตลาดหนังสือมือสอง

แม้หน้าร้านจะดูไม่ใหญ่มากนัก แต่ภายในร้าน 3 ชั้นอัดแน่นด้วยหนังสือภาษาอังกฤษและภาษายุโรปอื่นๆ อย่างเช่น ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาเลียน สเปน รัสเซีย กวีวุฒิ​เล่าว่าหนังสือนิยายทั่วไปและหนังสือที่เกี่ยวกับเมืองไทยคือหนังสือที่ขายดีที่สุด

และสาเหตุที่หนังสือส่วนใหญ่ของ Dasa เป็นภาษาอังกฤษ เพราะทั้งคู่มองว่าธุรกิจหนังสือมือสองภาษาอังกฤษในไทยการแข่งขันและต้นทุนค่อนข้างน้อย บวกกับราคาที่ค่อนข้างถูกกว่าหนังสือใหม่ ร้านแห่งนี้จึงกลายเป็นขวัญใจของนักเรียน นักศึกษา และชาวต่างชาติอย่างรวดเร็ว

“เรามองว่าถ้าทำเหมือนกับคนอื่นก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้เขา ถ้าไม่ได้ทุนเยอะก็อยู่ลำบาก เราก็เลยมองว่าธุรกิจนี้การแข่งขันมันค่อนข้างน้อย จุดที่ทำให้เราได้เปรียบในการทำธุรกิจคือเรื่องภาษาอังกฤษ เพราะเราก็พูดได้และมีหุ้นส่วนเป็นคนต่างชาติ แล้วเราก็หาน้องๆ ที่พูดภาษาอังกฤษได้มาช่วยงาน อีกอย่างเราก็คิดว่าตลาดหนังสือภาษาไทยมันมีเยอะมากพออยู่แล้ว ถ้าขายภาษาไทยด้วยเราก็ต้องมีพื้นที่ให้สต็อกหนังสือเยอะมากถึงจะขายได้

“สิ่งที่เราเห็นการเปลี่ยนแปลงคือช่วงแรกเราคิดว่าคงจะมีแต่ลูกค้าต่างชาติหรือลูกค้าวัยผู้ใหญ่ ลูกค้าอายุน้อยๆ คงไม่ค่อยมีหรอก แต่หลังๆ เราเริ่มเห็นลูกค้าวัยนักเรียนคนไทยเยอะขึ้น ส่วนตัวผมไม่ได้รู้สึกว่าคนไทยอ่านหนังสือภาษาอังกฤษน้อยมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะว่าเวลามีเทศกาลหนังสือภาษาอังกฤษทีไรก็ขายดีมาก คนเดินซื้อเดินอ่านกันแน่นไปหมด ก็เลยรู้สึกว่าคนไทยก็ไม่ได้อ่านหนังสือน้อยหรอก แต่ถ้าเป็นมือสองก็อาจจะอ่านน้อยกว่าต่างชาติ เพราะต่างชาติเขาอาจจะไม่ได้สนใจเรื่องสภาพเท่าไหร่ แต่ส่วนใหญ่คนไทยชอบซื้อปกแบบซีรีย์เดียวกันหรือว่าอยากได้สภาพดีๆ ก็จะต่างกันเรื่องสไตล์ของการเลือกซื้อ”

การเปิดร้านหนังสือมือสองอาจจะดูเหมือนเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนดีและมีความเสี่ยงน้อยกว่าร้านหนังสือทั่วไปแต่ความจริงแล้วมีปัญหาที่ซับซ้อนกว่านั้น ยิ่งช่วงที่มีโควิดก็ยังดูไม่มีวี่แววจะคลี่คลาย คนไม่อยากออกจากบ้านและลูกค้าต่างชาติก็เดินทางมาไม่ได้จนทำให้ต้องปิดร้านชั่วคราว

“ปัญหาของร้านหนังสือมือสองคือทำยังไงให้มีหนังสือดีๆ อยู่ที่ร้านได้ตลอดเวลา สมมติว่าเราอยากได้มูราคามิ ก็ไม่สามารถสั่งซื้อหนังสือมือสองมาสต็อกไว้ได้ เราต้องรอให้ลูกค้ามาขายอย่างเดียว มันคือสิ่งที่ทำให้เรามีลูกค้าประจำ เพราะพอเขาเห็นว่ามีรายชื่อหนังสือที่น่าสนใจอัปเดตก็จะรีบมาซื้อ รีบโทรมาจอง ส่วนลูกค้าที่ไม่ได้มาบ่อยๆ พอมาแล้วถ้าไม่เจอหนังสือดีๆ เขาก็อาจจะไม่มาอีก ซึ่งจริงๆ มีแต่มันก็ไปแล้ว หนังสือที่เราสามารถสต็อกเอาไว้หลายเล่มได้จะเป็นหนังสือที่มีคนนิยมจริงๆ ก็มีคนเอาขายอยู่เรื่อยๆ

“แต่อีกแง่หนึ่งคือร้านหนังสือมือสองต้องอาศัย Cash Flow ในแต่ละเดือน เพราะเราซื้อขายเป็นเงินสดอย่างเดียว ทุกวันนี้มีคนเอาหนังสือมาขายเยอะมากจนซื้อไม่ไหว ก็มีปฏิเสธไปบ้างเหมือนกัน บางคนอาจจะคิดว่าการเปิดร้านหนังสือคืออาชีพในฝัน ได้มีร้านสวยๆ นั่งอ่านหนังสือ จิบกาแฟชิลๆ ลองคิดดูว่าถ้าเป็นแบบนั้นแล้วมันจะมีรายได้เข้ามาได้ยังไง นอกจากจะมีเงินเกษียณหรือเป็นเจ้าของตึกแล้วอยากจะเปิดร้านหนังสือ ขายได้บ้างไม่ได้บ้างก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคุณเป็นคนธรรมดาต้องไปเช่าตึกริมถนนที่เดือนหนึ่งก็ไม่ถูก มีค่าน้ำค่าไฟ ค่าจ้างพนักงาน ค่าจิปาถะ ถ้าวันหนึ่งคุณขายไม่ได้เลยมันอยู่ไม่ได้หรอก ยิ่งช่วงโควิดที่มันหนักมากๆ เราก็ต้องปิดร้านไปเดือนสองเดือน แต่ว่ายังดีที่ขอลดค่าเช่าได้ เจ้าของตึกเขาก็ช่วยเรา ช่วงโควิดก็เลยรอดมาได้”

แผ่นซีดีเพลงกำลังตามรอยหนังสือมือสอง

ในยุคที่แหล่งความบันเทิงออนไลน์ที่เข้าถึงได้ง่ายแค่ปลายนิ้วจิ้ม การที่ร้านหนังสือริมทางจะหายไปตามกาลเวลาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยังคงมีอีกหลายคนที่หลงใหลในสัมผัสของกระดาษและกลิ่นอายของหนังสือ

“ช่วงแรกที่มี Kindle มีไอแพด คนก็ไปอ่านในแพลตฟอร์มดิจิทัลกันหมด ตอนนั้นเราก็คิดว่าจะทำยังไงดี จะไปรอดหรือเปล่า จะมีคนซื้อหนังสืออีกไหม แต่ก็กลายเป็นว่าลูกค้าบางคนก็ยังอ่านทั้งสองอย่าง คนรุ่นใหม่วัยนักเรียน นักศึกษา หรือคนวัยทำงานก็ยังชอบซื้อหนังสือเป็นเล่มอยู่ เพราะหนังสือบางเล่มมันไม่มีให้ซื้อออนไลน์ แต่อย่างผมก็อ่านดิจิทัลไม่ค่อยได้ พออ่านไปสิบหน้าก็ต้องนึกว่าเมื่อกี้อ่านอะไรไปวะ ทำไมมันจำไม่ได้ (หัวเราะ)

แม้เราจะเอ็นจอยกับรูปแบบการให้บริการใหม่ แต่ใจก็แอบคิดถึงการมีอยู่ของสิ่งเก่าเช่นกัน ด้วยความชื่นชอบและผูกพันในแผ่นซีดีเพลง พวกเขาเชื่อว่าความนิยมแผ่นซีดีเพลงก็กำลังตามรอยของหนังสือมือสองเช่นกัน เพราะเสน่ห์ของมันไม่ใช่แค่ความคลาสสิก แต่คือความละเอียดอ่อนที่แฝงอยู่ในนั้น 

“ทุกวันนี้ซีดีก็ยังเป็นสื่อที่ขายได้อยู่ เพียงแต่ว่าตลาดซีดีที่ไทยมันแทบจะเจ๊งไปหมดแล้ว ด้วยความที่เราซื้อซีดีมาตั้งแต่เด็กเยอะมาก เราก็อยากปล่อยของ เพราะเราก็เชื่อว่ายังมีคนที่อยากซื้อซีดีอยู่ ก็เลยเริ่มจากเอาซีดีเก่าๆ มาวางขาย ลูกค้าที่ไม่อยากเก็บซีดีเพลงแล้วก็เอามาขายให้เรา ที่ร้านก็เลยมีซีดีเพลงทุกแนวทั้ง Pop, Rock, Jazz, Classical”

“เวลาผมเปิดเพลงจากเครื่องเล่นกับหยิบแผ่นซีดีมาเปิดมันคนละความรู้สึกกันเลยนะ รู้สึกว่าเวลาหยิบแผ่นซีดีมาเปิดฟังมันจะดื่มด่ำมากกว่า มันทำให้เรารู้จักเพลงมากขึ้น อย่างเช่น ใครเป็นคนแต่งเนื้อร้อง ใครเป็นคนแต่งทำนอง ใครเป็นคนเล่นดนตรี แต่ว่าถ้าซื้อเป็นดิจิทัลดาวน์โหลดมามันไม่มีอะไรพวกนี้ให้เราจับเราอ่านเลย ผมก็เลยรู้สึกว่าคนที่ฟังเพลงกับอ่านหนังสือก็คล้ายๆ กัน มันไม่ได้กำหนดว่าจะต้องอยู่ใน ฟอร์แมตใดฟอร์แมตหนึ่ง”

ตั้งแต่เราก้าวเข้ามาทำความรู้จักร้านนี้มากขึ้น ทำให้รู้ว่าที่นี่ไม่ใช่แค่ขุมทรัพย์หนังสือมือสองและซีดีเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่แห่งความผูกพันและมิตรภาพอีกด้วย

“ช่วงที่เปิดร้านแรกๆ มีบางคนที่มีบ้านอยู่แถวนี้ก็มาซื้อหนังสือกับพ่อแม่ตั้งแต่ไม่กี่ขวบ ตอนนี้กลายเป็นว่าบ้านคนก็กลายเป็นคอนโดไปหมด ผ่านไป 10 ปี 20 ปี เขาก็ยังกลับมาซื้อหนังสือที่ร้านเราอยู่ ลูกค้าประจำบางคนที่มีอายุเยอะก็มีล้มหายตายจากไปก็ไม่น้อยเหมือนกัน ด้วยความที่ร้านเราเป็นร้านเล็กๆ พนักงานกับลูกค้าก็เจอกันบ่อยก็จำกันได้ บางทีพูดคุยกัน ซื้อขนมมาฝากเหมือนเพื่อนกัน เราก็เป็นส่วนเล็กๆ ของย่านนี้ ถ้าคนรู้สึกอยากมาร้านหนังสือก็จะนึกถึงเรา”

Dasa  

สถานที่ตั้ง: Dasa Book Cafe ตรงข้าม Miracle Mall 714/4 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 

แผนที่: https://goo.gl/maps/XxZt5swVKYsp1WoU7 

เวลาทำการ: ทุกวัน เวลา 10.00-20.00 น.

การเดินทาง: นั่งรถไฟ BTS ลงสถานีพร้อมพงษ์ ทางออก 4 เดินมาเรื่อยๆ ร้านอยู่ระหว่างซอยสุขุมวิท 26 กับ 28

PHOTOGRAPHER

ชัชชัญญา หาญอุดมลาภ

ช่างภาพสายกิน ที่ถ่ายรูปได้นิดหน่อย แต่กินได้เยอะมาก

ILLUSTRATOR

กุลธิดา อิสลาม

คอนเทนต์ครีเอเตอร์ผู้อยากเป็นเชฟ