ไต้หวันถือเป็นหมุดหมายใหม่ที่ได้รับความนิยมมากๆ สำหรับนักท่องเที่ยวไทยในช่วงไม่กี่ปีมานี้ นอกจากความเขียวสะใจของต้นไม้และภูเขาที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแล้ว อาหารการกินที่นี่ก็ถือว่าเด็ดไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเต้าหู้เหม็น หมาล่า เสี่ยวหลงเปา หรือกระทั่งเครื่องดื่มสุดฮิตอย่างชานมไข่มุกที่ไม่ว่าใครก็ต้องไปเสาะหาร้านดังกินให้ได้
ทว่าทริปไต้หวันครั้งนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจมาตามรอยกินเจ้าเครื่องดื่มประเภทนี้แต่อย่างใด สิ่งที่ฉันสนใจคือวัฒนธรรมกาแฟของที่นี่ต่างหาก
แม้ว่าคนไต้หวันจะไม่นิยมดื่มกาแฟมากเท่าชาที่ถือเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมอันดับหนึ่ง แต่ในเมืองหลวงอย่างไทเปกับแหล่งท่องเที่ยวอย่างจิ่วเฟิ่นในเมืองนิวไทเปกลับมีร้านกาแฟเจ๋งๆ ที่มีบาริสต้าระดับแชมป์อยู่ไม่น้อย ที่สำคัญกลุ่มลูกค้าที่ดื่มกาแฟไม่ได้มีแค่คนหนุ่มสาวเท่านั้น เท่าที่ฉันเห็นมีตั้งแต่อาอี๊ อาโกว คุณอา คุณน้า ไปจนถึงแม่บ้านกันเลยทีเดียว ขนาดวันธรรมดาคนยังมานั่งดื่มกาแฟกันราวกับเป็นกิจวัตรประจำวัน
เหตุผลที่วัฒนธรรมกาแฟในไต้หวันเข้มแข็งได้ขนาดนั้น เพราะที่นี่มีภูมิอากาศที่เหมาะกับการเพาะปลูกเมล็ดกาแฟเป็นอย่างมาก ทั้งยังเคยเป็นแหล่งผลิตเมล็ดกาแฟที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออก หลังจากผ่านประวัติศาสตร์มานานนับร้อยปี กาแฟที่ไต้หวันได้รับความนิยมมากขึ้นอีกครั้ง มีการประกวดแข่งขันคุณภาพกาแฟและคนแวดวงนี้อย่างเข้มข้น ตลอดจนมีการจัดเทศกาลกาแฟนานาชาติเพื่อแลกเปลี่ยนทักษะความรู้กับต่างประเทศอีกด้วย
นอกจากไต้หวันจะโด่งดังเรื่องกาแฟชนิดพิเศษ (specialty coffee) แล้ว ตามถนนหนทางและพื้นที่ที่อยู่อาศัยต่างเต็มไปด้วยร้านกาแฟสวยๆ มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ซึ่งนั่นกลายเป็นสถานที่ที่ช่วยบ่มเพาะนักกาแฟคุณภาพจนคว้ารางวัลมาได้มากมาย อย่างทริปนี้ฉันได้มีโอกาสเดินทางไปแวะชิมกาแฟมาทั้งหมด 3 ร้าน แต่ละร้านล้วนมีสไตล์ของตัวเองอย่างชัดเจน ขนาดฉันที่ไม่ใช่คอกาแฟยังตื่นเต้นไปกับบรรยากาศร้านและรสชาติกับกลิ่นกาแฟที่หลากหลาย เผลอตัวเผลอใจหลงใหลไปกับเสน่ห์เมล็ดสีน้ำตาลเหล่านี้
รู้ตัวอีกที ควันขาวพวยพุ่งจากเครื่องชงกาแฟ ลวดลายลาเต้อาร์ตที่เกิดจากการบรรจงสร้างสรรค์ กลิ่นหอมกรุ่นและรสชาตินุ่มๆ ของกาแฟในถ้วยก็กลายเป็นอีกหนึ่งภาพจำของไต้หวันสำหรับฉันไปเสียแล้ว
01 Chiu Chunt Dint Golden Cafe
ในอดีตถนนสายเก่าในจิ่วเฟิ่นเคยเป็นเหมืองทองกลางหุบเขา ผู้คนต่างมุ่งหน้ามาทำมาหากิน ต่อมาเมื่อไม่มีเหมืองทองแล้ว จิ่วเฟิ่นก็ถูกทิ้งกลายเป็นเมืองร้าง รัฐบาลจึงเข้ามาปรับปรุงพัฒนาให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว พลิกกลับมาให้ย่านนี้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง นอกจากความเขียวขจีของต้นไม้และบ้านเรือนร้านรวงที่อัดแน่นอยู่รวมกันเป็นเมืองขนาดย่อมๆ แล้ว หลายคนยังรู้จักหมู่บ้านแห่งนี้จากการ์ตูนดังเรื่อง Spirited Away ของ Studio Ghibli ที่ผู้กำกับ Hayao Miyazaki ได้แรงบันดาลใจด้านสถาปัตยกรรมมาจากที่นี่
ตอนที่ฉันเดินทางมาเป็นช่วงสิ้นปีพอดี จิ่วเฟิ่นปกคลุมไปด้วยหมอกเทา ฝนตกบางๆ และอากาศหนาว การเดินทัวร์หาของกินย่านนี้จึงถือเป็นกิจกรรมที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง แน่นอนว่ากาแฟร้อนๆ ถือเป็นตัวเลือกที่พลาดไม่ได้ ซึ่ง Golden Cafe คาเฟ่สมัยใหม่ที่ตกแต่งสไตล์ย้อนยุคเพื่อให้เข้ากับความเป็นเมืองเก่าของจิ่วเฟิ่นก็ไม่ทำให้ฉันผิดหวัง
กาแฟทองคำคือซิกเนเจอร์ของร้านนี้ รสชาติเข้มๆ ของมันทำให้ฉันกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น ด้วยส่วนประกอบของเหล้า วิปครีม และผงทองคำที่ประดับตกแต่งทำให้กาแฟถ้วยนี้พิเศษขึ้น บวกกับบรรยากาศร้านที่ให้กลิ่นอายไต้หวันสมัยเก่าท่ามกลางความคึกคักของผู้คนจำนวนมากข้างนอก ฉันเหมือนได้หยุดเวลาไปชั่วขณะหนึ่ง ถือเป็นกาแฟถ้วยแรกในไต้หวันที่สร้างความประทับใจได้เป็นอย่างดี
Address: No. 29, Jishan St., Ruifang Dist., New Taipei City
02 CHLIV
จากสไตล์ย้อนยุคเปลี่ยนบรรยากาศมาที่ร้านกาแฟร่วมสมัยดีไซน์เรียบง่ายเท่ๆ กันบ้าง ร้านกาแฟร้านนี้ตั้งอยู่ที่จิ่วเฟิ่นเช่นเดียวกัน เป็นร้านเปิดใหม่ที่เน้นใช้สีดำและตกแต่งแบบเรียบหรู ไม่หวือหวา ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ล้วนแต่เป็นคอกาแฟผู้อยากลิ้มรสกาแฟร้านนี้จริงๆ เพราะแม้ CHLIV จะเป็นร้านกาแฟเล็กๆ แต่ Chris Lin ชายหนุ่มผู้เป็นทั้งเจ้าของร้านและหัวหน้าบาริสต้านั้นมีดีกรีเป็นถึงแชมป์ Coffee Fest Latte Art World Championship TOKYO 2016 โดยเขามีความตั้งใจว่าอยากจะเสิร์ฟกาแฟที่ให้ประสบการณ์ใหม่ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนอยากเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด
ความพิเศษของที่นี่คือเขาใช้เครื่องชงกาแฟแบบสั่งทำพิเศษ สามารถควบคุมตัวแปรในการชงกาแฟให้ได้คุณภาพสูงสุดตามความต้องการ ถือเป็นโชคดีที่วันนั้นคริสได้โชว์ฝีมือวาดลวดลายลาเต้อาร์ตให้ได้ชม แถมรสชาติกาแฟในแก้วสีดำที่มีตราโลโก้ร้านของเขาก็ถูกปากฉันไม่น้อย ไม่แปลกใจเลยที่ร้านนี้จะเป็นหมุดหมายใหม่ของคนรักกาแฟที่เดินทางมายังจิ่วเฟิ่น
สำหรับใครที่มาเยือนที่นี่แล้วไม่อยากนั่งดื่มกาแฟแต่ในร้าน บริเวณด้านหน้าร้านนี้มีจุดชมวิวที่สวยมากๆ อยู่ด้วย บอกตามตรงแค่ได้จิบกาแฟแล้วได้มองวิวเมืองในหุบเขานี้เงียบๆ ก็คุ้มค่ากับการเดินขึ้นเขาฝ่าฝนฝ่าหมอกขึ้นมาแล้วล่ะ
Address: No. 59-1, Qingbian Road, Ruifang District, New Taipei City
03 Simple Kaffa
เราปิดท้ายทริปกันด้วยร้านกาแฟที่ได้ชื่อว่าเป็นร้านอันดับต้นๆ ในไต้หวัน เดิมที Simple Kaffa ตั้งอยู่ที่โรงแรม Hotel V ก่อนจะมาเปิดที่นี่เต็มตัวแบบยิ่งใหญ่เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ร้านนี้มีชื่อเล่นว่า ‘ร้านกาแฟแชมป์’ เนื่องจาก Berg Wu ผู้ก่อตั้งร้านได้รับรางวัลชนะเลิศ 3 ปีซ้อน (2013-2015) ในการแข่งขัน Taiwan Barista Championship ทั้งยังเป็นแชมป์ World Barista ปี 2016 นั่นแปลว่านี่คือร้านกาแฟของบาริสต้าอันดับหนึ่งของไต้หวันก็ว่าได้ ขนาดเว็บไซต์ Big Seven Travel ยังยกให้ที่นี่เป็นร้านกาแฟที่ดีที่สุดจากบรรดา 50 ร้านกาแฟทั่วโลก
ที่นี่ถือเป็นร้านกาแฟที่ค่อนข้างใหญ่มาก เพราะด้วยความที่ Berg Wu อยากให้ลูกค้าที่เข้ามาในร้านเกิดความรู้สึกทึ่ง เขาจึงเลือกโลเคชั่นตรงนี้ที่เป็นตึกแถวมาก่อน โดยมีการทุบเพดานชั้นสองเพื่อขยายสเปซให้มองเห็นกันทั้งหมด อย่างบาร์ทำกาแฟตรงกลางก็ทำให้ไม่สูงมากเพื่อที่ลูกค้าจะได้เห็นขั้นตอนกรรมวิธีในการทำกาแฟของ Simple Kaffa
ส่วนใหญ่การประดับตกแต่งในร้านล้วนมีที่มาที่ไปทั้งสิ้น ไม่ว่าผนังฝั่งหนึ่งของร้านที่ตกแต่งด้วยแผ่นไม้จริงเพื่อสะท้อนถึงความเป็น ‘ป่า’ ที่เป็นชื่อแบรนด์ของเขา เนื่องจาก Kaffa คือชื่อป่าในเอธิโอเปียที่มาจากเรื่องราวเด็กเลี้ยงแกะในเอธิโอเปียอันเป็นต้นกำเนิดของกาแฟ รวมถึงชื่อจีนของ Berg Wu ก็แปลว่าป่าเช่นเดียวกัน หรืออย่างการดีไซน์ให้มีแสงธรรมชาติส่องผ่านตัวชิ้นงานศิลปะที่สื่อถึงสีสันของกาแฟและความสำเร็จ
มุมข้างหน้าต่างชั้นสองคือมุมที่ฉันชอบที่สุดในร้าน เพราะทั้งโปร่งโล่งสบายและมีแสงธรรมชาติเหมาะกับนั่งอ่านหนังสือจิบกาแฟยาวๆ ทั้งวัน แต่ส่วนใหญ่คนจะเต็มไวมาก ขนาดช่วงที่ฉันไปเป็นช่วงเช้าที่ร้านเพิ่งเปิด คนก็มาต่อแถวรอคิวเข้าร้านซื้อกาแฟเป็นแถวยาวแล้ว
ส่วนรสชาติกาแฟที่นี่ก็หายห่วง ฉันเองได้ลองชิมกาแฟจากหลากหลายเมล็ดพันธุ์ที่ร้านคัดสรรมาก็รู้สึกสนุกไปกับกลิ่นสีและรสชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บ้างให้ความหอมหวานเหมือนดอกไม้ บ้างให้ความรู้สึกแบบผลไม้ บ้างให้ความรู้สึกของช็อกโกแลตๆ แบบบอกไม่ถูก ไม่แปลกใจเลยที่ร้านนี้จะเป็นร้านอันดับหนึ่งของไต้หวัน เพราะบาริสต้าสามารถดึงความเป็นเฉพาะตัวของเมล็ดกาแฟพันธุ์ต่างๆ ออกมาได้อย่างชัดเจน
ชายเจ้าของร้านบอกกับเราว่าการทำกาแฟไม่ใช่แค่ขั้นตอนการต้มกาแฟเท่านั้น มันคือศาสตร์ศิลปะที่กว้างใหญ่ไพศาล ต้องอย่าลดละความพยายาม ให้มุ่งมั่นฝึกฝน และอ่อนน้อมถ่อมตัวเพื่อหลอมรวมตัวเองไปกับเมล็ดกาแฟ จุดประสงค์ที่เขาทำกาแฟประกวดไม่ใช่เพื่อรางวัล แต่เขาประกวดเพื่อที่จะได้กาแฟที่ดีที่สุดไปเสิร์ฟให้ลูกค้าของเขา ดังนั้นกาแฟทุกแก้วที่ Simple Kaffa เสิร์ฟให้ลูกค้าคือแก้วเดียวกับที่ชนะการประกวด ทุกแก้วสำคัญไม่ต่างกัน
กาแฟในมือฉันหมดแล้ว แต่รสชาติมันยังติดลิ้นและความรู้สึกยังคั่งค้างอยู่ข้างใน วันที่เดินทางกลับเมืองไทย ฉันคิดว่าฉันเห็นไต้หวันมีสีน้ำตาลเข้มและได้กลิ่นของชีวิตชีวา
Address: No. 27, Section 2, Zhongxiao East Road, Zhongzheng District, Taipei City
ขอขอบคุณผู้สนับสนุนการเดินทาง สำนักการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ (Taiwan Tourism Bureau Bangkok Office), บริษัท ควอลิตี้ เอ็กซ์เพรส จำกัด, Taiwan High Speed Rail Corporation และ New Taipei City B&B Association