Seoul Café Hopping : 8 ร้านกาแฟฮิปใจกลางดินแดนโซล

อันยองฮาเซโย!!! ทักทายนักดื่มกาแฟทั้งหลายเป็นภาษาเกาหลีสักหน่อย เพราะที่เกาหลีใต้ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทั้งเมืองเต็มไปด้วยสีสันส้มๆ อมน้ำตาลของใบไม้อย่างกับเดินอยู่ในซีรีส์เกาหลี อุณหภูมิสิบต้นๆ ลดลงไปจนถึงเลขตัวเดียว เราจึงขอถือโอกาสแนะนำร้านกาแฟสำหรับใครที่กำลังจะมาเที่ยวที่นี่และชื่นชอบ หลงใหลบรรยากาศในร้านกาแฟกัน

ทริปนี้เราถือกล้องฟิล์มที่เพิ่งได้มาใหม่ที่ถ่ายเป็นพาโนรามาได้ เอาไว้สแน็ปเร็วๆ เลยได้ภาพถ่ายที่ออกจะแปลกตาไปสักหน่อย

01 Fritz Coffee Company

ร้านนี้เป็นร้านที่เราชอบร้านหนึ่ง อยู่แถว Gongdeok Station ตัวตึกมีกลิ่นอายของพระราชวังเกาหลี มู้ดโทนเป็นไม้ๆ ดูอบอุ่น ด้วยแบรนดิ้งตัวแมวน้ำถือถ้วยกาแฟช่างน่ารักน่าชังเลยดึงดูดคนชอบการ์ตูนอย่างเราไม่รอช้ารีบพุ่งเข้าร้านทันที

พอเข้าไปในร้าน เราจะเห็นถาดขนมอบสดๆ ใหม่ๆ จากครัวด้านล่างเรียงรายอยู่ ส่วนบาร์กาแฟเป็นบาร์แบบเปิด ลูกค้าสามารถเดินดูได้โดยรอบอย่างเพลิดเพลิน เราชอบโซนขายของที่ระลึก อย่างแก้ว เข็มกลัด สมุด กระเป๋า กาแฟ พอทุกอย่างมารวมกัน ก็อดใจไม่ได้ที่จะต้องซื้อของพวกนี้กลับไปฝากเพื่อนๆ

ที่นี่เขายังคั่วกาแฟเองโดยเคลมว่า Freshly Roasted Coffee ไม่ต้องกังวลว่าจะได้กาแฟเก่าๆ ดื่มกลับบ้าน โดยห้องคั่วจะอยู่ด้านล่างอย่างเป็นระบบ กาแฟที่เขามีอยู่ในตอนนั้น ที่เราแนะนำคือ กาแฟดริป El Salvador Kilimanjaro สายพันธุ์ SL-28 เป็น cascara process (Cascara คือเปลือกกาแฟ) เราคิดว่าน่าจะเป็นกาแฟล็อตทดลองที่ใช้เปลือกกาแฟมาแปรรูป เลยรู้สึกว่าแก้วนี้ออกรสหวานและละมุน อีกอย่างร้านนี้รับประกันความอร่อยเพราะมีรางวัลการันตีเยอะจนต้องมีสเตชันวางถ้วยรางวัลอยู่ใกล้ๆ พอสั่งกาแฟเสร็จเราต้องรีบหาที่นั่งเพราะมีลูกค้าเข้าตลอด ใครที่ขี้หนาวแนะนำให้นั่งข้างในนะ เขามีพื้นที่สองชั้น แต่ถ้าใครชอบถ่ายรูปแสงสวยๆ แนะนำโซนด้านนอก แต่ปากสั่นมากนะ บรึ๋ย

address: 17, Saechang-ro 2-gil, Dohwa-dong, Mapo-gu, Seoul
hour: จันทร์ – ศุกร์ 08.00 – 23.00 น., เสาร์ – อาทิตย์ 10.00 – 23.00 น.


02 33 Apartment

คาเฟ่ที่มีกลิ่นอายแบบวัยรุ่นออสซี่ เล่นกราฟิกตัดสีสันกัน เราได้บังเอิญรู้จักเจ้าของร้านตั้งแต่ที่ไทยคือ คุน ลี เขาเคยเป็นคนคั่วกาแฟและคนเช็กคุณภาพกาแฟที่ร้าน Dukes Coffee Roaster ที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลียซึ่งเป็นคาเฟ่ที่เราชอบมาก

33 Apartment เป็นคาเฟ่ที่คุนทำร่วมกับเพื่อนที่มีความถนัดแตกต่างกันไปอีก 3 คน ร้านนี้เลยใช้กาแฟของ Dukes ทั้งหมดโดยคุนเป็นผู้จัดจำหน่ายโดยตรง พอเราเข้าไปในร้านจะเห็นโซนชงกาแฟเล็กๆ กับบาริสต้าที่ทั้งดูฮิปและแฟชั่นนิสต้ารอต้อนรับพร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตรมาก เมนูหลักๆ จะแบ่งเป็นกาแฟดำและกาแฟนม กาแฟที่นี่คั่วค่อนข้างอ่อน ถ้าใครชอบกาแฟที่มีรสชาติเปรี้ยวโทนผลไม้เราแนะนำกาแฟดริป Costarica Hacienda Sonora เป็น natural process จะมีโทนผลไม้สุกๆ เหมือนดื่มไวน์องุ่นท่ามกลางอากาศหนาว อบอุ่นดีเชียวแหละ

address: 33 Hannam-daero 27-gil, Hannam-dong, Yongsan-gu, Seoul
hour: จันทร์ – ศุกร์ 08.00-18.00 น., เสาร์ – อาทิตย์ 10.00-18.00 น.


03 More Than Less

ตึกกระจกโปร่ง มีอิฐปูนเปลือยเป็นเอกลักษณ์ เสริมลุคมินิมอลให้ดูสดชื่นขึ้นจากสีเขียวของต้นไม้ภายใน บาร์กาแฟจะอยู่ด้านหน้าร้าน ที่นี่ถือเป็นแหล่งแฮงเอาต์มากกว่าคาเฟ่ทั่วไป เพราะเราสามารถจับจ่ายซื้อของจากมุมสินค้าที่ทางร้านเลือกมาได้อย่างหนังสือ เสื้อผ้า ของใช้ในบ้าน รวมไปถึงของที่ผลิตจากนักออกแบบชาวเกาหลีที่นั่น มีที่นั่งฟังเพลงจิบกาแฟจากมุมดีเจที่มีโซนเปิดแผ่น

More Than Less เสิร์ฟกาแฟจากโรงคั่ว Bonanza Coffee Roaster เบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน เพื่อนหลายคนเคยซื้อเมล็ดจากที่นั่นมาให้ชงอยู่หลายครั้ง เรารู้มาว่าเจ้าของโรงคั่ว Bonanza เป็นคนเกาหลีและน่าจะเป็นเจ้าของร้านนี้ด้วย สำหรับคอกาแฟ เราแนะนำให้ดื่มเอสเพรสโซที่นี่ได้เลย

address: 743-8, Hannamdong, Yongsangu, Seoul
hour: จันทร์ – อาทิตย์ 11.00 – 22.00 น.


04 Namusairo

แรงบันดาลใจจากกลอนของ Kim Hwal-sung ทำให้ร้านเกิดชื่อ Namusairo ที่แปลว่าต้นไม้ในภาษาเกาหลี สำหรับใครที่มองหาความเรียบง่าย เราแนะนำที่นี่เลย ตัวร้านมีกลิ่นอายตึกเกาหลีโบราณ บริเวณที่นั่งด้านในมีทั้งโซนในร่มและเอาต์ดอร์ ที่นี่เขาเชื่อว่า ‘Quality is not an option. It is a must.’ กาแฟที่ดีจะต้องเริ่มจากวัตถุดิบที่ดี เขาเลยเลือกกาแฟจากฟาร์มและคั่วกาแฟเอง

ในร้านถ้าเราเดินเข้ามาจะเจอเคาน์เตอร์สั่งกาแฟและบาร์ดริปกาแฟ สังเกตได้ว่าโซนดริปของเขาไม่ได้มีการชั่งตวงวัดเหมือนหลายๆ ร้าน แต่มีเมล็ดกาแฟหลายตัวที่น่าสนใจให้เลือก ถ้าใครมาแนะนำให้สั่งกาแฟดริปจาก Ethiopia Gutiti เป็น natural process ที่มีกลิ่นหอมหวานเหมือนบลูเบอร์รี่ ส่วนอีกแก้วที่แนะนำคือกระดก Espresso Blend ทางร้านสักแก้ว รสชาติกลมกล่อมและหวานตบท้าย รับรองอยู่ได้ทั้งวัน

address: 21 Sajik-ro 8-gil, Naeja-dong, Jongno-gu, Seoul, South Korea
hour: จันทร์ – อาทิตย์ 10.00 – 22.00 น.


05 Luft Coffee

คาเฟ่โปร่งโล่ง ผนังสูง เล่นสีสันสดใสสไตล์ซัมเมอร์ตัดกับสีขาวสบายตาทำให้ร้านเป็นสไตล์ฮาวาย ที่ผนังเล่นคำ ‘Hawaii to Seoul’ กับต้นไม้แบบเมืองร้อน มีโต๊ะส่วนกลางอยู่กลางร้านสำหรับลูกค้า หน้าบาร์มีเครื่องชงกาแฟสองตัว ทำให้คาดเดาว่าช่วงเช้าลูกค้าน่าจะเยอะใช้ได้ ร้านนี้เรามาตอนตะวันพลบค่ำแล้ว ที่นี่เสิร์ฟกาแฟจากฮาวายด้วยซึ่งเป็นเมล็ดกาแฟที่หากินยาก จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ได้กินคือตอนต้นปี

สำหรับใครที่ชอบความเข้มข้น ที่นี่เขาไม่เสิร์ฟเอสเพรสโซนะ แต่เมนูที่อยากให้ลองคือ Lemon Olive Latte กาแฟลาเต้เย็นที่มีส่วนผสมของเปลือกเลมอนที่ไปแช่ในน้ำมันมะกอก รู้สึกถึงความสดชื่นของเลมอนแล้วมีความครีมมี่ของนมกับโอลีฟออยซึ่งไม่คิดว่าจะเข้ากัน แต่อร่อย! เมนูนี้เราชอบมาก

address: 50-10 Myeong-dong, Jung-gu, Seoul
hour: จันทร์ – อาทิตย์ 08.00 – 22.00 น.


06 Cafe Onion

นี่ไม่ใช่ร้าน Onion สาขาใหม่แต่อย่างใด แต่คาเฟ่นี้เราขอเอาใจสำหรับคนที่ชอบพื้นที่เท่ๆ ชอบการถ่ายรูป สถานที่นี้เป็นตึกร้างเก่าเมื่อปี 1970 ก่อนนี้เคยเป็นซูเปอร์มาเก็ตและร้านอาหารมาก่อน ภายในตึกเป็นห้องโล่งกว้าง วัสดุเป็นปูนเปลือยแบบดิบๆ ที่นี้ได้ชื่อว่าเป็นร้านยอดฮิตของนักท่องเที่ยว พอเข้าไปในร้านจะเห็นบาร์กาแฟยาวติดฝั่งด้านขวาไปสุดทางเดิน ตรงกลางห้องมีวางขนมอบและเค้กให้เลือกมากมาย ที่นี่เขาทำขนมเองสดๆ โดยมีพื้นที่ทำอยู่บนดาดฟ้าให้เราขึ้นไปเดินเล่น นั่งจิบกาแฟ รับลมหนาวได้ด้วย อากาศตอนที่เราไปดูท่าฝนจะตก เราสั่งคาปูชิโน่ร้อนกินกับมองบลังเกาลัดก็เข้ากันดี ส่วนใครที่ไม่ชอบกาแฟ เขาก็มีเครื่องดื่มอื่นอื่นๆ ที่ทำให้หายกระหายอีกด้วย

address: 8, Achasan-ro 9-gil, Seongdong-gu, Seoul
hour: จันทร์ – ศุกร์ 08.00 – 22.00 น., เสาร์ – อาทิตย์ 10.00 – 22.00 น.


07 Coffee Libre

ที่นี่น่าจะเป็นสวรรค์แด่คนที่ชื่นชอบกาแฟรวมถึงเรา หรือคนที่มองหาเมล็ดกาแฟเทพๆ ที่อยากซื้อฝากเพื่อนๆ หรือซื้อกลับไปชงดื่มเองที่บ้าน ที่นี่เขาคัดเมล็ดสายพันธุ์ที่หายากอย่างเช่น Geisha จากหลายประเทศ หรือกาแฟที่ได้รับรางวัล Cup of Excellence (COE) มาขายอยู่บนชั้นวางอย่างเช่น Guatemara La Reforma Geisha

ถุงกาแฟที่มีสัญลักษณ์หน้ากากมวยปล้ำ Nacho Libre คงมีความเกี่ยวข้องอะไรกับร้านเป็นแน่ ร้านนี้มีหลายสาขา แต่สาขาที่เราไปอยู่แถวย่านเมียงดงจะอยู่ภายในตึกเดียวกับโบสถ์ ทุกวันพฤหัสบดีตอนหนึ่งทุ่มจะมี Public Cupping ให้ชิมกาแฟกัน สาขานี้เหมาะแก่การ grab and go เพราะมีพื้นที่นั่งน้อย ถ้าอยากนั่งนานๆ แนะนำให้ไปสาขาดั้งเดิมที่ Mapo-gu นะ

address: 74 Myeongdong-gil, Myeongdong 2(i)-ga, Jung-gu, Seoul
hour: จันทร์ – อาทิตย์ 11.00 – 21.00 น.


08 TOMS Roasting Co. Coffee

หลายคนอาจเคยเห็นแบรนด์นี้ในร้านรองเท้าหรือเสื้อผ้ามาบ้าง จริงๆ ร้านนี้ไม่ได้อยู่ในลิสต์เราตั้งแต่แรก แต่บังเอิญเดินผ่านแล้วเห็นหน้าร้านแต่งสไตล์เกาหลีเท่ๆ เราชอบคอนเซปต์ร้านที่ว่า One for One กาแฟที่เราซื้อหนึ่งแก้วจะมีส่วนช่วยให้เด็กได้มีน้ำดื่มโดย TOMS เป็นผู้จัดแคมเปญที่ชื่อว่า ‘Water for people’ โดยเขาเลือก 7 ประเทศที่ยากไร้ขาดแคลนน้ำ จะนำเงินรายได้จากการขายส่วนหนึ่งไปช่วยสร้างระบบน้ำที่ยั่งยืนให้กับประเทศเหล่านั้น

พอเข้ามาภายในร้านจะเห็นบาร์กาแฟที่แบ่งเป็นโซนเครื่องชงและมือชง ภายในร้านมีโซนขายของที่ระลึก ส่วนกาแฟที่เราชิมคือกาแฟจากประเทศเปรู ชงมือโดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า chemex มันช่างเป็นกาแฟที่กินง่ายละมุนเหมาะกับอากาศหนาวเสียจริง เอาเป็นว่าดื่มกาแฟอร่อยแล้วยังได้ช่วยเหลือผู้คน พอรู้แบบนี้รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูกเลยแหละ

address: 750, Misa-daero, Hanam-si, Seoul
hour: จันทร์ – อาทิตย์ 10.00 – 22.00 น.

AUTHOR