‘ระหว่างคนที่คุณรักกับคนที่รักคุณ คุณจะเลือกใคร’
ประโยคข้างต้นเรียกได้ว่าเป็นประโยคคลาสสิก ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปกี่ปี สิ่งต่างๆ รอบตัวจะเปลี่ยนไปสักเท่าไหร่
แต่ประโยคนี้กับเรื่องของความรักก็ยังเป็นของคู่กัน
เมื่อประมาณกลางปีที่แล้ว ฉันได้ยินประโยคนี้อีกครั้ง
นั่นสินะ
ตอนแรกเหมือนจะเป็นการเลือกที่ง่ายนะ แต่เอาเข้าจริงกลับไม่ง่ายเลย
จนวันหนึ่งในช่วงเดือนกันยายน ปี 2559 ที่หนังไทยเรื่องหนึ่งมีกระแสมาแรงมากๆ จนฉันเองก็ต้านทานกระแสไม่ไหวเหมือนกับคนอื่น นั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว พอดีช่วงนั้นเป็นช่วงที่หัวใจฉันไม่ค่อยจะแข็งแรงสักเท่าไหร่ด้วย
พอดูจบ มันก็สะท้อนอะไรบางอย่าง
อยู่ดีๆ ก็มีภาพคนหนึ่งโผล่มาในหัวของฉัน เขาคือเด่นชัยของฉันเอง (ตัวละครตัวหนึ่งที่เปรียบเหมือนตัวเลือกแรก ‘คนที่รักเรา’)
เด่นชัยในที่นี้ไม่ได้หมายถึงพนักงานไอทีในบริษัทที่เป็นมนุษย์ล่องหนหรอกนะ
แต่ฉันหมายถึงคนที่ใส่ใจรายละเอียดทุกอย่างทุกเรื่องราวเกี่ยวกับตัวฉัน
ฉันคนหนึ่งล่ะเชื่อว่าหลายๆ คนจะต้องเคยมีเด่นชัยเป็นของตัวเอง
คนที่เป็นห่วง คนที่ยินดีจะทำทุกสิ่งให้เราโดยไม่หวังผลตอบแทน
คนที่สามารถยืนอยู่ในมุมมืดที่มองไม่เห็น แต่ในช่วงเวลาหนึ่งที่คุณมีความสุข
เขากลับมีความสุขไปกับคุณ เพราะเห็นคุณยิ้ม ทั้งๆ ที่เขาไม่สามารถครอบครองคุณได้
เขาสามารถทำได้แค่ยินดีและยิ้มไปกับคุณในมุมมืดมุมนั้นเท่านั้นเอง
แต่กับคนอย่างพี่ท็อป (ตัวละครอีกตัวหนึ่งที่เปรียบเหมือนตัวเลือกที่สอง ‘คนที่เรารัก’) คนที่ทำให้หลายๆ คนต้องรอเขาคนนั้น
ต้องหวังลมๆ แล้งๆ ไปวันๆ บ้างก็คิดเอาเอง บ้างก็ระแวง แต่ก็ยอมที่จะรอ
เหมือนนุ้ยที่รอพี่ท็อป ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองอาจจะผิดหวังก็ได้
‘ถ้าโลกนี้ไม่เล่นตลก
ถ้าโลกนี้ไม่ทำให้ทุกอย่างยาก
ถ้าโลกนี้มีคำตอบในทุกคำถาม’
สิ่งที่เด่นชัยทำคงจะทำให้นุ้ยรักเด่นชัยไปนานแล้ว
แต่ด้วยความตลกของโลกใบนี้ ทำให้มันไม่เป็นอย่างนั้นนั่นสิ
.
อยู่ดีๆ ฉันก็คิดได้ว่า หรือบางทีเราควรหันกลับไปมองคนแบบ ‘เด่นชัย’ ดีกว่าการรอคนแบบ ‘พี่ท็อป’ ไปวันๆ นะ
บางทีมันอาจจะทำให้เรามีความสุขกว่านี้ก็ได้นะ
มันจริงหรือเปล่านะกับประโยคข้างต้น
หรือเราควรจะรักคนที่รักเรา ไม่ใช่รักคนที่เราต้องรอ
.
ในวันนั้น อยู่ๆ ฉันก็หยิบมือถือและพิมพ์ข้อความไปหา ‘เด่นชัย’ ในชีวิตจริงของฉัน
ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองปีหลังจากที่เขาตัดสินใจเดินออกไปจากชีวิตฉัน
แล้วขอมองฉันอยู่ห่างๆ แทน
‘เรากลับมาลองคุยกันอีกรอบมั๊ย?’ วินาทีนั้นอะไรไม่รู้บอกให้ฉันพิมพ์ประโยคนั้นออกไป
ฉันพิมพ์ไปทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้สึกตามตัวอักษรนั้นเลย แต่ฉันรู้ดีว่าในตอนนั้นฉันรู้สึกว่าการที่ใครสักคนมอบความรักให้เรา
ถึงแม้ว่าเราไม่ได้รู้สึกอะไร
สักวันหนึ่งความรักนั้นจะค่อยๆ ทำให้ฉันยอมเปิดประตู
เปลี่ยนโลกของฉันคนเดียวให้เป็นโลกของคนสองคนซ้อนกันอยู่
ไม่กี่วันต่อมา ฉันถึงได้พบความจริง ความจริงที่ได้เข้าใจตัวละครอย่างนุ้ยว่าต่อให้เด่นชัยจะทำดีอย่างไรก็ไม่ทำให้นุ้ยเปลี่ยนใจมารักได้หรอก
เรื่องรักน่ะเป็นเรื่องธรรมดาที่จะไม่มีใครสมหวัง และผิดหวังตลอด
แต่รักเป็นเรื่องที่เราควรยิ้มไปกับมัน
เพราะแค่ความทรงจำสั้นๆ ที่เราเคยมีให้กันก็เพียงพอแล้ว
เหมือนเด่นชัยที่ขอให้ได้เป็นแฟนกับนุ้ยแค่วันเดียว เพราะอย่างน้อยก็มีเรื่องระหว่างเราให้จำ ถึงแม้ว่าจะจำได้คนเดียวก็พอใจแล้ว…
หลังจากนั้นมา ฉันรู้แล้วว่าความรักไม่ใช่เรื่องเล่น
ความรักไม่ใช่สิ่งที่เราคิดเพียงฝ่ายเดียวได้
จากวันนั้นจนวันนี้ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว
แต่ฉันก็ยังรู้สึกผิดมาก
และเป็นสิ่งที่คอยย้ำเตือนฉันให้คิดไตร่ตรองกับเรื่องความรักให้มากๆ
เพราะไม่มีใครในโลกอยากเจ็บเพราะความรักหรอก
ใครอยากเล่าเรื่องวันเปลี่ยนชีวิตของตัวเองบ้าง คลิกที่นี่เลย