วันที่ฉันรู้สึกเสียดายเวลา

วันหนึ่งที่เปลี่ยนชีวิตฉัน
คือวันที่ฉันเห็นพ่อที่โรงพยาบาล

ตั้งแต่เด็ก ภาพที่ฉันเห็นอยู่เสมอคือพ่อเป็นคนที่แข็งแรงมาก
เป็นผู้ชายตัวใหญ่ มีเค้าของผู้ชายที่เคยหุ่นดีมีกล้าม พ่อชอบเล่นกีฬา เล่นฟุตบอล
เล่นตะกร้อ ออกกำลังกายอยู่เสมอ ทำงานหนักๆ อย่างเช่นขุดดิน ตัดหญ้า
หรืองานอะไรสารพัดที่ผู้ชายแมนๆ เขาทำกัน ฉันไม่เคยคิดถึงภาพพ่อป่วย
ภาพที่พ่อร่างกายอ่อนแอ แก่ชรา จนวันนี้ฉันก็ได้เห็น

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อ
แต่ในบรรดาลูกทั้งหมด 3 คน ฉันเป็นลูกคนกลาง
เคยได้ยินมั้ยว่าลูกคนกลางมักจะเป็นเด็กมีปัญหา ฉันไม่รู้หรอกว่ามันจริงหรือเปล่า
แต่ที่รู้คือฉันเป็นลูกที่ทะเลาะกับพ่อบ่อยมาก คุยกันนานไม่ค่อยได้ มักต้องเถียงกันตลอด จนคนในบ้านของฉันเอือมกันทุกคน
เรื่องที่เถียงกันส่วนใหญ่ก็มักจะมาจากพฤติกรรมของฉันที่คงไม่ถูกใจพ่อนัก
เพราะฉันทำตัวไม่ค่อยเข้าท่าในสายตาของพ่อ ชอบกลับบ้านดึกเพราะไปดื่มกับเพื่อน
ชอบพูดแย้งความคิดของพ่อ ซึ่งบ้านฉันเป็นคนหัวโบราณ พ่อเป็นใหญ่ในบ้าน ลูกสาวควรต้องเรียบร้อย
ไม่กระโดกกระเดก ไม่เถียงพ่อแม่ แต่ฉันแค่อยากบอกว่าฉันไม่ได้เถียง
แค่อธิบายความเห็นบ้างเท่านั้นเอง ซึ่งฉันทำตัวตรงกันข้ามกับลูกสาวในความคิดของพ่อ
เพราะด้วยเหตุนี้เลยทำให้ฉันไม่ค่อยชอบคุยกับพ่อ วันวันนึงเราคุยกันน้อยมาก
ยิ่งตอนนี้ที่ฉันทั้งทำงานและเรียนต่อปริญญาโทไปด้วย จะมีเวลาที่ได้คุยกันก็แค่ช่วงกินข้าวเย็นเท่านั้น

ตอนนี้พ่อป่วยเป็นทั้งโรคไต และเบาหวาน
ต้องฟอกไตสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
หน้าที่ไปรับไปส่งพ่อที่โรงพยาบาลเป็นของพี่ชาย เพราะจันทร์ถึงศุกร์ฉันต้องทำงาน
เสาร์อาทิตย์ก็ติดเรียน แต่วันที่เปลี่ยนชีวิตฉันคือวันที่พี่ชายฉันติดงาน
และฉันปิดเทอมพอดี หน้าที่ไปรับไปส่งพ่อจึงตกมาเป็นของฉัน

วันนั้นพอถึงเวลาที่ต้องไปรับพ่อกลับบ้าน
แม่กำชับ ย้ำนักหนาว่าให้รีบไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อเพราะกลัวว่าตอนฟอกไตเสร็จ
พ่ออาจจะน็อก หมดสติ เพราะพ่อเคยน็อกมาแล้ว ฉันก็ฟัง แต่คิดว่าคงไม่มีอะไร จนฉันไปเจอพ่อที่โรงพยาบาล
กำลังรอให้พ่อฟอกไตเสร็จ เราพูดคุยกันนิดหน่อย ฉันก็เล่นโทรศัพท์ไปเรื่อย จนรู้สึกทางหางตาตรงเตียงที่พ่อนอนว่ามีอะไรผิดปกติ
พอหันมาดูก็เห็นว่าพ่ออ้วกออกมา ตาลอย น็อก หมดสติ เวลานั้นฉันตกใจมาก
ตกใจที่สุดในชีวิต ทำอะไรไม่ถูก ทำได้แค่เขย่าตัวพ่อ เรียกพ่อ
แล้วตะโกนเรียกพยาบาล เวลานั้น ภาพที่ฉันเห็นคือพ่อหมดสติ พยาบาลเข้ามารุมเขย่าตัวพ่อจนฟื้นแล้วใส่สายออกซิเจน
ฉีดกลูโคสเข้าเส้นเลือดให้อาการดีขึ้น พยาบาลบอกว่าเป็นอาการที่อาจเกิดได้ช่วงจะจบขั้นตอนการฟอกไต
ตอนนั้นฉันคิดไปว่าถ้าพ่อไม่ฟื้น ฉันจะทำยังไง เรื่องความเจ็บป่วย ความแก่ชรา กระทั่งความตายที่ไม่เคยคิดถึงมันอย่างจริงจังก็ผ่านเข้ามาในหัว
ในตอนนั้นเองทำให้ฉันคิดถึงอะไรหลายอย่างที่ผ่านมาระหว่างเรา ทำให้ฉันรู้สึกจริงๆ
ว่าพ่อฉันแก่แล้ว พ่อไม่ได้แข็งแรงเหมือนเดิม วันนึงเราต้องจากกันและเวลาของเราก็ไม่รู้ว่ามันยังเหลืออีกมากน้อยแค่ไหน

พอคิดมาถึงตรงนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นกับฉัน
ภาพของพ่อที่ฉันเห็น มันเปลี่ยนฉันไป ฉันคิดได้ว่าเสียเวลาที่จะได้พูด ได้คุย ได้มีเวลาร่วมกับพ่อไปมากแค่ไหน
ฉันใส่ใจพ่อน้อยเกินไป ฉันควรต้องดูแลพ่อให้มากๆ เคยได้ยินเพลง ไม่เคย ของ 25
hours กันใช่มั้ย ฉันไม่อยากที่จะต้องมารู้สึกเสียใจหรือคิดถึงอะไรในวันที่มันสายไปแบบนั้น
หลังจากนี้ฉันเลยรู้ว่าต้องทำอะไร ไม่ใช่แค่เรื่องที่ต้องทำให้พ่อเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงทุกคนในครอบครัวที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต
หรือแม้กระทั่งตัวฉันเอง

ถึงยังไงฉันก็คงเป็นลูกสาวในแบบฉบับของพ่อไม่ได้
เพราะจะให้เปลี่ยนตัวเองก็ไม่ง่าย (เพลง สถานีต่อไป อพาร์ตเมนต์คุณป้าก็มา) แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ
ฉันจะฟังพ่อ คุยกับพ่อ ใช้เวลากับพ่อให้มากขึ้น

เพราะฉันไม่อยากรู้สึกเสียดายเวลาอีกแล้ว

ใครอยากเล่าเรื่องวันเปลี่ยนชีวิตของตัวเองบ้าง คลิกที่นี่เลย

AUTHOR